บท
ตั้งค่า

5. ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายตอบ

สตรีสามนางเดินมาจนถึงเรือนทางปีกขวา ซึ่งเป็นที่พำนับของเผยฮูหยิน และยามนี้นางก็กำลังนั่งรอทานอาหารอยู่

เมื่อเห็นสะใภ้ก็ถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อ เพราะนางเดินลิ่วเข้ามาหา ก่อนจะหยุดตรงหน้าพร้อมกับคนของตนที่มีท่าทางตื่นตระหนกไม่น้อย ทำเอาผู้เป็นนายหน้าเจื่อนไปด้วย

“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ” ย่อตัวลงยกมือวางทับกันอย่างอ่อนน้อม มองดูนางก็มีมารยาทดี ทว่ามันก็ยังดูน่ากลัวในสายตาของผู้อื่น เพราะสตรีผู้นี้เสียสติ

“ขออภัยที่สะใภ้ไม่ได้มาทำพิธียกน้ำชานะเจ้าคะ ท่านแม่คงไม่ถือโทษกระมัง” เอ่ยวาจาหวานหู ทว่าคนฟังกลับขนลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ก็ยังส่งยิ้มให้

‘หึหึ คงจะกลัวจ้าวซือซือมากสินะ’ นึกในใจเมื่อเห็นท่าทีของมารดาสามี ซึ่งมันแสดงออกชัดเจนทางสีหน้า

“มะ ไม่เป็นไร” บอกเสียงสั่นจนซือซือถึงกับหน้าเสีย นางไม่อยากให้คนแก่ต้องกังวล จึงเผยยิ้มบางส่งให้

“สะใภ้ทำข้าวต้มมาให้เจ้าค่ะ” เอ่ยจบก็หันมาหาสาวใช้ซึ่งถือถาดรออยู่ ชิงหลิวรีบวางลงบนโต๊ะทันที

“จะ เจ้าไม่เห็น ตะ ต้องลำบากเลย” บอกเสียงสั่นเช่นเดิม

“ท่านแม่ไม่ต้องกลัวข้า หากท่านไม่คิดทำร้ายข้า ข้าก็ไม่ทำร้ายท่านแน่นอนเจ้าค่ะ ทานเถอะ หากไม่ถูกปากก็บอกนะเจ้าคะ สะใภ้จะได้ทำอย่างอื่นให้ทาน” บอกเสียงหวานก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน ทำเอาคนแก่ทั้งสองถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะปฏิเสธก็กลัวจ้าวซือซือไม่พอใจจนอาละวาดขึ้นมา

“ดะ ได้แม่จะชิมดู” ตอบเสียงสั่น มือเเหี่ยวตามวัยขยับถ้วยข้าวต้มมาวางตรงหน้าตน แหงนมองบ่าวคู่กายเล็กน้อยราวกับต้องการให้ช่วย ทว่าป้าหยางก็หน้าเจื่อนพอกัน ครั้นจะให้ออกไปตามบุตรชายก็คงไม่ได้ เพราะสะใภ้นั้นเอาแต่จ้องหน้า

“ทานเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูทำอาหารอร่อยมากนะเจ้าคะ เผยฮูหยินต้องชอบแน่เจ้าค่ะ” ชิงหลิวช่วยเสริม เพราะอยากให้อีกฝ่ายเอ็นดูนายของตนบ้างสักนิด

‘เจ้าคงถูกนางบังคับสินะ ถึงได้ช่วยพูดจาหว่านล้อมเช่นนี้ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก’ เผยฮูหยินนึกในใจ ก่อนจะยิ้มแห้งใส่คนที่มองนางอยู่ ‘ข้าคงเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ เอาเถอะไม่อร่อยก็บอกว่าอร่อยก็แล้วกัน แค่ไม่ทำให้นางโกรธเป็นพอ ถ่วงเวลารอหย่งอวี้สักพักคงไม่ยากนักหรอก’ เมื่อทำใจได้จึงตักข้าวต้มซึ่งมีน่าตาสีสันน่ากินเป็นอย่างมากเข้าปาก และนางก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตักเข้าปากอีกครั้ง และอีกครั้ง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองสะใภ้

“จะ เจ้าทำเองหรือ” รอคำตอบจากอีกฝ่าย โดยที่มือก็ไม่วางช้อน สะใภ้จึงเผยยิ้มบางก่อนตอบ

“เจ้าค่ะ ไม่ถูกปากท่านแม่หรือเจ้าคะ แล้วท่านแม่ชอบรสชาติแบบใดกัน บอกข้าได้นะ วันหน้าจะได้ทำให้” บอกเสียงหวาน พร้อมกับยื่นมือออกไปหมายจะเก็บถ้วยกลับมา ทว่าอีกฝ่ายกลับลืมตัวตีมือเล็กที่กำลังจับขอบจานรองทันที

ทุกอย่างสงบนิ่งราวกับถูกมนต์สะกด โดยเฉพาะเผยฮูหยินที่หายใจแรงกว่าใครเพื่อน มองสะใภ้ซึ่งกำลังลูบมือของตนอยู่ มันขึ้นสีแดงเรื่อจากการถูกตีอย่างไม่ตั้งใจ

“อะ เอ่อ มะ แม่ขอโทษ” บอกเสียงสั่น ยามนี้เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาแล้ว เพราะคนตรงหน้านั้นนิ่งเหลือเกิน

ซือซือเงยหน้าขึ้นจากมือของตน ดวงตาสวยหม่นลงทันทีเมื่อเห็นอาการตื่นตระหนกของมารดาสามี

‘นี่พวกเขากลัวเราขนาดนี้เชียว แม้แต่ชิงหลิวยังตัวสั่น’ นึกในใจเมื่อเห็นท่าทางของสาวใช้ที่ยืนกะพริบตาถี่ และยังไม่กล้าเข้าใกล้นางด้วย คนแก่ทั้งสองก็ขยับเข้าหากัน

‘ปล่อยไว้แบบนี้ได้กลายเป็นคนบ้าอีกรอบแน่ ต่อไปจะอยู่ลำบากนะซือซือ' ครุ่นคิดในใจเพื่อหาทางออก

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตกลงท่านแม่จะทานต่อใช่หรือไม่เจ้าคะ แป้งปิ้งนี้ก็อร่อยนะเจ้าคะ ลองดูเผื่อจะถูกปาก” ว่าพร้อมกับดันจานส่งให้ ใบหน้างามเผยยิ้มบางไม่มีวี่แววขุ่นเคืองใด ๆ

“ข้าวต้มของเจ้าอร่อยถูกปากแม่” บอกเสียงเรียบ

ไม่ใช่เพราะหมายจะเอาใจ แต่เผยฮูหยินกล่าวตามจริง รสชาติของข้าวต้มมันต่างไปจากที่เคยกินมาก หอมอร่อย ถูกปากเช่นที่เอ่ยจริง ๆ ไม่คิดว่าคนเสียสติจะทำอาหารเก่งเพียงนี้

“ท่านแม่เอ่ยเช่นนี้ระวังจะได้กินรสชาตินี้ทุกวันนะเจ้าคะ หากไม่อร่อยก็บอกตามตรงได้เจ้าค่ะ สะใภ้จะได้ลองแบบใหม่ ไม่เช่นนั้นภายหน้าได้กินแต่ของไม่ถูกปากไม่รู้ด้วยนะเจ้าคะ” เอ่ยเย้าติดตลกจนเผยฮูหยินหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว

“ฮ่าฮ่า มันอร่อยจริง ๆ หากเจ้าไม่กลัวเหนื่อยก็ทำให้แม่กินทุกวันเถอะ แม่เบื่ออาหารที่ป้าหยางทำจะแย่” บอกอย่างเอาใจ คิดว่าถ้าหากนางทำดีหรือตามน้ำไป จ้าวซือซืออาจจะไม่อาละวาดสร้างเรื่องให้หนักใจก็เป็นได้ รสชาติอาหารก็ไม่ได้แย่เลย ทานทุกวันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอันใด

“ท่านแม่อย่าได้เกรงใจ ชอบหรือไม่ท่านสามารถบอกข้าได้ อย่าเอ่ยเพราะเกรงว่าข้าจะโกรธแล้วอาละวาด นั่นมันเมื่อก่อน ยามนี้จ้าวซือซือไม่ใช่คนเดิมแล้ว จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นอีก นอกจากจะเจอคนที่ร้ายใส่หรือทำร้ายคนรอบตัวข้าเจ้าค่ะ”

เผยฮูหยินนิ่งไปเมื่อได้ยินคำของสะใภ้ สีหน้าและท่าทางของจ้าวซือซือก็ดูหนักแน่นดี ไม่เหมือนคนที่เอ่ยออกมาลอย ๆ หรือคนเสียสติที่พูดจาเรื่อยเปื่อยแม้แต่น้อย

“เอาเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องเชื่อข้าก็ได้ ข้าแค่อยากบอกว่ายามนี้สกุลเผยคือบ้านของข้า ข้าจะไม่ทำให้คนที่นี่ต้องอับอายเช่นที่ผ่านมา ข้าเป็นสะใภ้ หน้าที่หลักก็คือดูแลท่านกับสามี เรื่องนี้ข้าจะทำให้เต็มที่ ไม่ให้ขาดตกบกพร่องแน่” เสียงเรียบเปล่งออกมา ก่อนจะเผยใบหน้าเปื้อนยิ้มให้เห็น

“ขอแค่เจ้าอยู่ในส่วนของตนก็พอแล้ว การแต่งงานครานี้ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เต็มใจ ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำตัวดีหรอก” เสียงดังแทรกมาที่หน้าประตู พร้อมกับร่างสูงที่ก้าวเข้ามา

“ไม่มีมารยาท ก็เห็นอยู่ว่าข้าคุยกับท่านแม่ ยังจะเอ่ยวาจาสอดแทรกมาอีก” ใครจะยอมให้อีกฝ่ายต่อว่าฝ่ายเดียว แรงมาก็แรงกลับ ทั้งที่ตนนั้นก็พยายามทำตัวดีกับมารดาเขาแล้ว แต่สามีกลับตำหนิหาว่านางเสแสร้งเสียอย่างนั้น ไม่คิดจะฟังเหตุผลคนอื่นเลย ไม่รู้ทำงานในหน่วยพยัคฆ์ได้เยี่ยงไร

“นี่เจ้า กล้ามากนะที่ตำหนิเจ้าของเรือน” ยังมิวายต่อว่าภรรยาตัวน้อย ซึ่งมองเขาราวกับศัตรู จะไม่ให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขามาถึงก็สาดโคลนใส่นางทันที

“ชิ! เจ้าของเรือนนี้ก็สามีข้ามิใช่หรือ เหตุใดจะตำหนิไม่ได้ ขนาดท่านพ่อข้ายังเอาดาบไล่ฟันเลย แค่สามีข้าต้องกลัวหรือ” ย้อนคำแล้วก็ลอยหน้าลอยตาใส่ มองอีกฝ่ายซึ่งโกรธจนลมออกหู ใบหน้าแดงก่ำ มือก็กำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้น

ซือซือนึกขันในใจที่ยั่วโมโหคนตัวโตได้ ใครอยากให้เขาเอาแต่ต่อว่านางกันล่ะ ไม่เคยคิดจะปกป้องตามหน้าที่ มาถึงก็พ่นถ้อยคำไม่น่าฟังออกมา ราวกับรู้จักตนดีเสียอย่างนั้น

“เอาล่ะ เอาล่ะ หย่งอวี้เจ้าก็อย่าได้ตั้งแง่กับน้องนัก นางก็แค่ทำอาหารมาให้แม่ก็เท่านั้น มิได้สร้างความหนักใจให้แม่เลย นั่งลงคุยกันดีดีเถอะ” เผยฮูหยินรีบลุกขึ้นมาห้ามทัพ และเอ่ยประโยคหลังแผ่วเบากับบุตรชายให้ได้ยินกันแค่สองคน “น้องเป็นเช่นไรเจ้าก็รู้ อยากให้เกิดเรื่องกระนั้นหรือ” ว่าพร้อมกับบีบแขนแกร่งราวกับส่งสัญญาณบางอย่าง จึงทำให้หย่งอวี้สงบลง

เขาเองก็เกรงว่านางจะมาสร้างความวุ่นวายให้มารดา อุตส่าห์จะมาบอกกล่าวก่อนไปทำงานเช่นทุกวัน มาถึงก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของภรรยาอยู่ในห้องโถง เขาก็ต้องตื่นตกใจเป็นธรรมดา เกรงว่านางจะมาอาละวาดที่นี่

“ท่านมาก็ดี ข้าจะออกไปสำรวจตลาดเสียหน่อย อ่อ อีกอย่างนะ ข้าอยากทำอะไรขายเพื่อหารายได้เข้าเรือนช่วยท่านอีกแรง เงินเดือนข้าราชการคงได้ไม่มากกระมัง” เอ่ยออกมาเมื่อสามีนั่งลงข้างมารดาแล้ว ซึ่งมันทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องต่างก็ตาโต แม้แต่ชิงหลิวซึ่งอยู่กันมานานยังไม่เชื่อหู

“คะ คุณหนูจะขายอันใดกันเจ้าคะ ท่านไม่มีความรู้เลยนะ ยามที่นายท่านทำการค้า คุณหนูก็ไม่เคยสนใจสักนิด” 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel