7 เด็กร้านนี้หน้าตาดี
เมื่อมีคนหนึ่งออกไปจากกิจกรรม คนที่ทำหน้าที่พิธีกรก็เลยต้องประกาศหาคนมาร่วมสนุกเพิ่ม แต่เพราะรอบสุดท้ายเป็นการจับคู่เต้นรำก็เลยไม่มีใครอยากเข้าร่วมเนื่องจากคนที่จะเข้ามาใหม่ไม่มีโอกาสทำความรู้จักผู้หญิงทั้งห้าคนเลยสักนิด
เมื่อพอจะเดาสถานการณ์ได้ว่าตัวเองคงจะไม่มีใครเลือกให้เป็นคู่เต้นรำ ไอรดาเลยคิดจะถอนตัวแต่ยังเดินไปไม่ถึงพิธีกรผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามาบอกว่าจะเข้ารวมกิจกรรมนี้แทนผู้ชายคนที่เดินออกไป
“ถ้าอย่างนั้นเพื่อไม่ให้คุณผู้ชายที่เข้ามาใหม่เสียเปรียบผมให้เวลาคุณทำความรู้จักกับสาวๆ ทั้งห้าคนละหนึ่งนาทีนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมมองเธอตั้งแต่เริ่มกิจกรรมแล้ว เพราะฉะนั้นคุณเริ่มกิจกรรมของคุณได้เลย” ปิญชาน์ไม่อยากให้ทุกคนต้องเสียเวลาเพราะตัวเงอ และอีกอย่างเขาก็ตั้งใจมาเต้นรำกับหญิงชุดดำอยู่แล้ว
เมื่อชายหนุ่มยืนยันไปแบบนั้นพิธีกรก็เลยอธิบายขั้นตอนการเลือกคู่เต้นรำ ซึ่งครั้งนี้ฝ่ายจะมอบดอกไม้ให้กับฝ่ายหญิงแต่ฝ่ายหญิงจะยังไม่ออกไปเต้นรำด้วย เพราะไม่อยากเป็นการบังคับจนเกินไป ฝ่ายหญิงมีสิทธิ์ที่จะออกไปเต้นรำด้วยหรือไม่ก็ได้
และทันทีที่เพลงแรกจบก็ถือว่ากิจกรรมนี้จบลงเช่นกัน ถ้าคู่ไหนอยากจะเต้นรำกันต่อหรือต่างฝ่ายต่างแยกย้ายก็แล้วแต่ความสมัครใจของทั้งสองคน
สาวๆ ต่างพากันตื่นเต้นเพราะผู้ชายที่เข้ามาใหม่นั้นทั้งหล่อทั้งหุ่นดีแม้ว่าจะมองหน้าไม่ค่อยชัดเท่าไหร่แต่ทุกคนก็ลงความเห็นว่าเขานั้นหล่อกว่าอีกสี่คนที่เหลืออย่างเห็นได้ชัด
พอพิธีกรให้สัญญาญฝ่ายชายก็เดินเข้ามาหาฝ่าหญิง ไอรดาไม่ได้สนใจมองคนอื่นว่าถูกเลือกหรือไม่เพราะเธอกำลังใจเต้นแรงเมื่อผู้ชายที่เข้ามาใหม่เมื่อครู่เดินตรงมาที่เธอพร้อมกับส่งดอกไม้ในมือให้เธอ ก่อนจะก้มเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงออกมาจากตัวเขา
“ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ คุณสารัชเป็นคนส่งผมมา”
“พี่รัชที่เป็นเจ้าของร้านเหรอคะ”
ไอรดาถามและหันไปมองหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ก็เห็นว่าสารัชพยักหน้า หญิงสาวก็เลยเบาใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาหลอกเธอ
พอถึงคราวที่ฝ่ายหญิงจะต้องเอาดอกไม้ไปคืนให้ฝ่ายชายเพื่อเป็นการตอบตกลงว่าเธอจะเต้นรำด้วยไอรดาก็เดินตรงไปที่เขาอย่างไม่ลังเล
หลังจากเต้นรำจบเพลงแรกแล้วปิญชาน์ก็ชวนหญิงสาวขึ้นนั่งดื่มกันต่อที่โซนวีไอพีบนชั้นสอง เพราะคิดว่าภาคินจะยังรออยู่แต่พอขึ้นมาแล้วก็พบว่าตอนนี้ทั้งภาคินและสารัชนั้นหายออกไปจากร้านแล้ว
“คุณชาน์ทำงานที่นี่เหรอคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มรีบรับสมอ้างเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกเสียหน้า และเขาก็อยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น อยากรู้ว่าเธอมีมุมมองยังไงถ้าเขาเป็นแค่พนักงานในร้านคนหนึ่ง และถ้าคุยกันถูกคอเขาก็จะบอกกับเธอว่าเขาไม่ใช่พนักงานแต่เป็นเพื่อนกับสารัชที่บังเอิญมานั่งดื่มที่นี่
“อัยย์ไม่เคยเรียกเด็กมานั่งคุยแบบนี้มาก่อน จะเป็นไรไหมถ้าอัยย์จะถามว่าเขาคิดราคากันยังไงเหมือนผู้หญิงที่นั่งดริ้งค์หรือเปล่าคะ”
“ก็ประมาณนั้นครับ”
“งั้นอัยย์ต้องสั่งเครื่องดื่มใช่ไหมคะคุณถึงจะได้เงิน”
“ครับ”
“อัยย์ขอบคุณนะคะที่ลงไปเต้นรำกับอัยย์เมื่อกี้ ถ้าไม่อย่างนั้นอัยย์คงได้หน้าแตกแน่ๆ ที่ไม่มีคู่เต้นรำ เดี๋ยวอัยย์จะสั่งเครื่องดื่มสัก 10 ดริ้งค์นะคะเพื่อเป็นการขอบคุณ”
“ผมว่ามันมากไปหรือเปล่าครับ ผมเกรงใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หรือว่าคุณต้องไปนั่งคุยกับคนอื่น”
“เปล่าหรอกครับ คืนนี้ผมคงคุยกับคุณแค่คนเดียว”
“ทำงานนี้มานานหรือยังคะ” เธอมาที่นี่หลายครั้งแต่ไม่เคยเจอเขา และก็ไม่รู้ว่าที่ร้านของสารัชมีเด็กมานั่งคุยแบบนี้ด้วย
“ขอโทษนะครับ ที่นี่เรามีกฎว่าห้ามถามเรื่องส่วนตัวของพนักงานครับ เรามีหน้าที่รับฟังเท่านั้น” ปิญชาน์จำกฎแบบนี้ได้เพราะเขาก็เคยเรียกเด็กมานั่งคุยอยู่หลายครั้ง
“เหรอคะ จะว่าไปก็คุณก็เหมือนหมอนะคะ”
“หมอเหรอครับ” ชายหนุ่มตกใจที่เธอบอกว่าเขาเหมือนหมอเพราะคืนนี้เขาว่าตัวเองไม่ได้ใกล้เคียงกับคำนั้นเลย
“ค่ะ เหมือนจิตแพทย์ค่ะ ที่คอยรับฟังปัญหาของคนอื่น”
“แล้วคุณมีปัญหาอะไรจะเล่าให้ผมฟังไหมล่ะครับ”
“คุณจะรักษาความลับของฉันได้ไหมล่ะครับ”
“แน่นอนเพราะผมก็มีจรรยาบรรณของผมนะครับ แต่ถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องพูดนะครับ ผมไม่ได้บังคับ อ้อ แล้วผมเห็นคุณสวมแหวนแต่งงาน แล้วคุณมาเที่ยวแบบนี้ผมจะไม่เดือดร้อนใช่ไหมครับ”
“ฉันหย่าแล้วค่ะ” เพราะเขาสัญญาว่าจะเก็บทุกอย่างเป็นความลับไอรดาเลยกล้าพูดออกไป
“หย่าแล้ว หมายถึงคุณเป็นแม่หม้ายเหรอครับ”
“ค่ะ ฉันเป็นแม่หม้ายถ้าจะเรียกให้ถูกก็คงจะเป็นแม่หม้ายป้ายแดง เพราะฉันเพิ่งอย่าไปเมื่อเช้าเองค่ะ”
“อยากเล่าไหมครับ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาอย่างฟังเรื่องราวของเธอทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยอยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร
“ขอเล่าไปดื่มไปนะคะ”
“ได้สิครับ”
คนที่บอกจะเล่าไปดื่มก็กระดกเครื่องดื่มเข้าปากราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่า
“คุณว่าอัยย์สวยไหม”
“ครับ”
“คุณว่าอัยย์เซ็กซี่ไหม” หญิงสาวลุกขึ้นหมุนตัวให้เขาดูสามรอบก่อนจะนั่งลงบนตักเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“ครับ” ปิญชาน์เริ่มหายใจติดขัดเพราะตอนนี้หน้าอกของหญิงสาวแทบจะทิ่มหน้าเขาอยู่แล้ว
“นั้นไง ฉันทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แต่ก็ยังถูกผู้ชายทิ้ง”
“ใครกันที่มันตาต่ำแบบนั้น”
“นั่นสิ ตาต่ำมาก ถ้าเป็นคุณ คุณจะทิ้งฉันไหมล่ะ”
“ไม่มีทาง หุ่นแบบคุณใครทิ้งก็ทั้งบ้าทั้งโง่แล้วครับ”
“ถ้างั้นเขาก็เป็นคนบ้าที่โง่มาก ที่ทิ้งฉัน”
“ครับ”
“ฉันโดนทิ้ง ฉันเป็นแม่หม้ายแล้วชีวิตคงไม่อะไรแย่กว่านี้อีกแล้วล่ะ”
“มันแน่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ คุณยังรักเขาเหรอเหรอครับถึงยังไม่ยอมถอดแหวนแต่งงานออก”
“เรียกว่าเคยรักดีกว่าค่ะ แต่ที่ยังไม่ยอมถอดแหวนก็เพราะในหนึ่งปีนี้เราจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าเราหย่ากันแล้ว”
“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณโสด ถ้าผมจะจีบได้ไหม”
“ขอเหตุผล”
“เพราะคุณทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ไงล่ะ สเปกผมเลยนะ”
“คุณก็คงปากหวานกับแขกทุกคน”
“ถึงผมจะปากหวานแต่ก็ไม่ใช้ทุกคนที่ผมยอมนอนด้วย”
“คุณพูดเหมือนจะนอนกันฉัน” ไอราดมองหน้าเขาอย่างใช้ความคิด อันที่จริงเขาก็หล่อถูกใจเธอที่สุดหล่อกว่าอดีตสามีของเธอด้วยซ้ำ
“ถ้าคุณสนใจ ผมคิดราคาไม่แพง ถือว่าต่างฝ่ายต่างหาความสุข” ตอนนี้ปิญชาน์สวมบทโฮสหนุ่มเพราะเขารู้สึกถูกใจผู้หญิงคนนี้มาก เธอไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสา เธอผ่านการแต่งงานมาแล้ว ซึ่งเขาก็มั่นใจเลยว่าจะไม่โดนข้อหาพรากผู้เยาว์อย่างแน่นอน
“นี่ฉันอดอยากถึงขนาดซื้อผู้ชายกินแล้วเหรอ” ไอรดาหัวเราะให้กับตัวเอง
“อย่าเรียกว่าซื้อผู้ชายสิครับ เรียกว่าซื้อความสุขดูจะเหมาะกว่า”
“ขอฉันกินเหล้าย้อมใจก่อนนะ”
“ผมให้คุณกินอีกสองแก้วแล้วเราจะออกไปหาความสุขด้วยกัน”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำเรื่องแบบนี้” เพราะมันไม่มีอะไรจะเสียหายแล้ว เธอแต่งงานแล้วจะมีใครที่ไหนคิดว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่อีก ในเมื่อเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้คนรักแต่เขากลับไม่ต้องการเพราะฉะนั้นเธอจะไปสนใจทำไม สู้หาความสุขให้ตัวเองอย่างที่ผู้ชายคนนี้บอกยังจะดีกว่า
“ใครๆ ก็มีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละครับ ผมรับรองว่าคุณจะมีความสุข”
“คุณไม่รังเกียจแม่หม้ายเหรอคะ”
“มันก็แค่สถานะที่สังคมมอบให้เท่านั้น เวลาอยู่บนเตียงมันก็คือเรื่องของคนสองคน”
“แล้วเรื่องนี้เราจะรู้กันแค่สองคนใช่ไหม”
“แน่นอนครับ ผมก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมทำงานงานแบบนี้”
“คุณจะไม่แบล็กเมลฉันทีหลังใช่ไหม” หญิงสาวกังวลกับภาพลักษณ์คุณหมอใจดีของเด็กๆ และไหนจะคุณยายที่กำลังป่วยอยู่ ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูท่านเธอคงได้กลายเป็นหลานอกตัญญูแน่ๆ
“ไม่หรอกครับ ถ้าผมทำแบบนั้นก็เท่ากับผมทุบหม้อข้าวตัวเองนะครับ ใครจะเชื่อใจแล้วเรียกใช้บริการผมอีกล่ะ คุณไม่รู้หรอกว่าการทำอาชีพนี้มันก็มีจรรยาบรรณเหมือนกัน”
“แล้วฉันต้องจ่ายคุณยังไง” ไอรดาถามออกไปตรงๆ เพราะเรื่องแบบนี้เธอเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจ่ายกันยังไง
“แค่ค่าเครื่องดื่มที่คุณซื้อผมว่ามันก็มากพอที่ผมจะทำให้คุณมีความสุขแล้วล่ะครับ”