6 หาคู่ให้คนโสด
ไอรดามาถึงผับในเวลาเกือบจะห้าทุ่ม ปกติแล้วเธอจะมาดื่มคลายเครียดกับสริตาอยู่บ่อยๆ เพราะที่นี่เป็นผับของพี่ชายสริตาซึ่งไอรดาก็รู้สึกเป็นอย่างดี
“สวัสดีครับคุณลูกค้าได้จองโต๊ะหรือนัดใครไว้หรือเปล่าครับ” บริกรชายรีบเข้ามาต้อนรับทันทีเมื่อเธอเดินถึงบริเวณประตูทางเข้า
“ไม่ได้จองไว้ค่ะ โต๊ะเต็มเหรอคะ”
“โต๊ะไม่เต็มหรอกครับ แต่คืนนี้ทางร้านเราจัดกิจกรรมพิเศษหาคู่ให้คนโสด พอดีผมเห็นว่าคุณมาคนเดียวก็เลยอยากจะแนะนำให้ร่วมกิจกรรมดูครับ อีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มแล้ว ทางร้านยังขาดผู้หญิงสวยๆ มาร่วมกิจกรรมคนหนึ่งพอดี”
“จับคู่นี่คือต้องจับคู่กันจริงหรือแค่สนุกสนานคะ”
“แค่สนุกในงานครับ ส่วนใครถูกใจใครแล้วจะนัดกันออกข้างนอกต่ออันนี้เราให้สิทธิ์ของลูกค้าเต็มที่ครับ คุณผู้หญิงสนใจไหมครับ
“ก็น่าสนใจดีนะคะ”
“เดินตามผมมาเลยครับ”
เพราะคิดว่าไม่มีอะไรเสียหายมันก็แค่สนุกและผ่อนคลายไอรดาเลยเดินตามบริกรไปโดยที่ไม่ได้แวะทักทายเจ้าของผับเหมือนกับทุกครั้งที่มาเที่ยว
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีทั้งหมดห้าคู่โดยทางร้านจะให้ทุกคนได้ทำความรู้จักคู่ละ 4 นาทีจากนั้นก็จะวนกันไปเรื่อยๆ จนครบ
ผู้ชายคนแรกที่ไอรดาได้คุยด้วยนั้นเป็นนักศึกษาวิศวะปีสี่ซึ่งตั้งใจจะมาหาคู่ที่นี่เพราะควงสาวๆ มาทั้งมหาวิทยาลัยแล้วจึงอยากจะหาคนคุยที่ไม่ได้อยู่รั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันบ้าง แต่พอรู้ว่าไอรดาอายุมากกว่าตนถึง 4 ปีก็ยิ้มแห้งแล้วนั่งเงียบจนครบเวลาที่กำหนด
ชายหนุ่มคนที่สองเป็นพนักงานออฟฟิศที่เพิ่งเลิกกับแฟนเพราะเขาเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้ การร่วมกิจกรรมคืนนี้เพื่อหาใครสักคนไปควงเย้ยแฟนเก่า นอกจากเขาจะไม่สนใจถามแม้กระทั่งชื่อของเธอแล้วเขายังเอาแต่นั่งพร่ำเพ้อราวกับว่าหญิงสาวเป็นจิตแพทย์ที่มาคอยให้คำปรึกษา
คนที่สามเป็นนักธุรกิจหนุ่มชื่อปพนธีร์ที่เข้ามานั่งดื่มแล้วโดยพนักงานชวนให้ร่วมกิจกรรม
“คุณอัยย์เป็นหมอเหรอครับ”
“ค่ะ คุณธีร์”
“ผมคิดว่าคนเป็นหมอจะไม่มาเที่ยวสถานที่แบบนี้เสียอีก”
“น้อยไปสิคะ หมอทำงานเครียดมากก็อยากผ่อนคลายเหมือนกันคนอื่นนั่นแหละค่ะ”
“แสดงว่าวันนี้คุณเครียดใช่ไหมครับถึงมาเที่ยวที่นี่”
“ค่ะ อัยย์มีเรื่องให้เครียดนิดหน่อยเลยออกมาผ่อนคลายค่ะ”
เธอกับปพนธีร์คุยกันอย่างถูกคอจนครบเวลา 4 นาทีตามที่ทางร้านกำหนด
คนที่สี่เป็นหนุ่มนักเรียนนอก เพิ่งเรียนจบปริญญาโท และกลับมาเองไทยได้ไม่นาน ไอรดายังแนะนำตัวเองไม่จบเขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“อันที่จริงผมก็ไม่อยากจะร่วมกิจกรรมนี้หรอกนะครับ ผมคิดว่าคนที่เข้าร่วมแต่ละคนคงคาดหวังกันมากอย่างผู้หญิงคนเมื่อกี้ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ พอผมบอกว่าผมเรียนจบจากต่างประเทศเธอก็ดูสนใจผมขึ้นมาทันที”
“แล้วคุณเข้าร่วมทำไมคะ”
“ผมเพิ่งกลับมาไม่นานก็เลยอยากจะหาเพื่อนคุยครับ แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิดนะครับ เพราะคนที่ผมคุยด้วยไม่มีใครเรียนสูงเลยสักคน”
“คุณคบคนที่การศึกษาเหรอคะ” ไอรดาถามเขาอย่างตรงไปตรงมา เพราะเธอก็อยากรู้มุมมองความคิดของคนอื่นๆ
“ครับ คุยกับคนที่จบต่ำกว่าเราผมกลัวว่าเขาจะฉุดเราให้ต่ำลงนะครับ”
“เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นเราก็คงคุยกันไม่ได้แล้วล่ะคะ เพราะฉันจบแค่ปริญญาตรีเอง”
“แต่ผมคิดว่าผมคุยกับคุณได้นะ บางครั้งผมก็มองข้ามเรื่องนั้นได้บ้างถ้าคนที่คุยด้วยสวยและเซ็กซี่แบบคุณ”
“อ๋อ ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
ไอรดาพูดจบก็ต้องหันหน้าไปมองทางอื่นเพราะเธอไม่อยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว เขาทำให้เธอรู้ว่าการศึกษาสูงไม่ได้ช่วยยกระดับจิตใจของเขาขึ้นมาได้เลยสักนิด
ผู้ชายคนสุดท้ายที่เธอคุยด้วยคืนนี้เป็นหนุ่มเพลย์บอยซึ่งไอรดาจำได้ว่าเขาเคยคบกับเพื่อนสมัยเรียนของเธออยู่เกือบปีก่อนที่จะจบกันเพราะเพื่อนของเธอทนความเจ้าชู้ไม่ไหว หญิงสาวจึงไม่บอกชื่อจริงออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะจำเธอได้และเรื่องจะไปถึงหูของเพื่อนๆ
เมื่อทุกคนได้คุยกันจนครบแล้ว คนที่รับหน้าพี่เป็นพิธีกรก็มอบดอกไม้ให้กับทั้งฝ่ายชายเพื่อให้นำไปมอบให้กับคนที่ตัวเองอยากจะคุยด้วยเป็นครั้งที่สอง ไอรดาอยากจะถอนตัวเพราะผู้ชายทั้งห้าคนที่คุยด้วยนั้นไม่มีคนไหนที่เธออยากจะคุยต่อเลยสักคน แต่ในขณะที่กำลังคิดว่าจะขอถอนตัวปพนธีร์ก็เดินเข้ามาคุยกับเธออีกครั้ง เมื่อเขาส่งดอกไม้ให้เธอจึงรับไว้
“ผมว่าเราคงเป็นเพื่อนกันได้ จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะขอแลกเบอร์โทรคุณไว้”
“ได้ค่ะ” ไอรดาคิดว่าเขาคงไม่มีพิษมีภัยอะไรจึงให้เบอร์โทรศัพท์ของตนเองกับเขาไป
การคุยรอบที่สองใช้เวลาสี่นาทีเหมือนเดิม จากนั้นพิธีกรก็ให้ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงแยกไปนั่งกันคนละมุม เพื่อจะเริ่มกิจกรรมในรอบต่อไปคือการเต้นรำ ซึ่งครั้งนี้ฝ่ายชายจะต้องเป็นคนเอาดอกไม่ไปให้เพื่อเป็นคู่เต้นรำ
ไอรดาคิดว่าตัวเองคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะคุยกับปพนธีร์ไว้แล้ว แต่จู่ๆ เขาก็เดินออกจากร้านไป หญิงสาวใจเสียเล็กน้อยเพราะถ้าเขาไม่อยู่ก็หมายความว่าเธอจะไม่มีคู่เต้นรำ มันคงจะไม่เป็นอะไรมากถ้าหากว่าคนที่เข้าร่วมมีแค่ห้าคู่ แต่เพราะตอนนี้คนที่มาเที่ยวต่างก็สนใจกิจกรรมตรงหน้าและไอรดาก็ไม่อยากจะหน้าแตกต่อหน้าคนทั้งหมด
“อ้าว ผู้ชายออกไปอย่างนี้ก็ไม่คบคู่สิวะรัช” ผู้ชายที่นั่งอยู่บนชั้นโซนวีไอพีถามเจ้าของร้าน
“ไม่ครบก็มาเป็นไรหรอกมั้ง หรือแกว่าไงรัช”
“ฉันกำลังคิดว่าพวกแกคนใดคนหนึ่งต้องเข้าไปแทนผู้ชายที่เดินออกไป” สารัชบอกกับเพื่อนทั้งสองที่บังเอิญมานั่งดื่มที่ผับของเขาในคืนที่จัดกิจกรรมพอดี
“ปล่อยไปเถอะน่าก็แค่สนุกขำๆ ไม่ครบก็ไม่เป็นเลยว่าไหมชาน์” เพราะกลัวว่าตัวเองจะต้องไปจับคู่เต้นรำภาคินเลยหันมาขอความเห็นจากเพื่อน
“อือ แต่มันก็น่าเห็นใจอยู่นะ” ชาน์หรือปิญชาน์มองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสีดำเพราะคิดว่าเธอคงจะเป็นคนที่ไม่มีคู่
ชายหนุ่มมองเธอตั้งแต่เริ่มร่วมกิจกรรมก็เลยรู้ว่าคนที่เดินออกไม่เมื่อครู่นั้นเป็นคนที่มอบดอกไม้ให้เธอ
“น่าเห็นใจก็ลงไปสิ”
“เธอสวยมากนะ”
“ชาน์แกรู้เหรอว่าคนไหนที่จะไม่ถูกเลือก”
“รู้สิ ก็นั่งดูอยู่ แกนี่เป็นเจ้าของร้านยังไงถึงไม่สนใจอะไรเลย”
“อ้าว ก็ฉันต้องดูลูกค้าคนอื่นด้วยนะ ไม่ได้ไม่เวลาจ้องขนาดนั้น ว่าแต่คนไหนวะ”
“คนนั้นไง ชุดดำ แต่งหน้าเข้มๆ หน่อย” ปิญชาน์ชี้ให้เจ้าของร้านดูผู้หญิงที่สวมเดรสสายเดี่ยวสีดำที่มีใบหน้าสวยสะดุดตาเข้าตั้งแต่แรกที่เห็น
“เฮ้ย ไม่ได้นะ ไอ้ชาน์ ไอ้คินแกสองต้องลงไปแล้วเลือกน้องเขามาเต้นรำด้วย”
“ฉันไม่ไปอะ ขี้เกียจ” ภาคินพูดพลางกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก
“งั้นแก ไอ้ชาน์ช่วยฉันหน่อยนั้นน่ะเพื่อนน้องสาวฉัน ถ้าเกิดยายริตารู้ว่าเพื่อนตัวเองหน้าแตกต่อหน้าคนอื่นมีหวังได้โวยวายบ้านแตกแน่”
“แล้วเขาจะยอมเหรอว่ะ”
“เอาน่าตอนไปจับคู่เต้นรำแกไปบอกเขาว่าฉันเป็นคนบอกให้แกมา นะชาน์ช่วยเพื่อนหน่อยแกก็รู้ว่าถ้าน้องสาวฉันวีนขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้น”
ปิญชาน์ชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจ