3 คืนเข้าหอ
ไอรดาใช้เวลาอาบน้ำสระผมเกือบหนึ่งชั่วโมง หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นกับคืนเข้าหอ จากที่ฟังเพื่อเล่ามานั้นส่วนใหญ่คู่บ่าวสาวจะหลับเป็นตายเพราะเหนื่อยจากงานแต่งมาตั้งแต่เช้ามืด แต่สำหรับเธอนั้นแค่นี้ถือว่าไม่ได้มากมายอะไร เพราะเคยอยู่เวรแบบไม่ได้พักยาวนานถึง 48 ชั่วโมงก็ทำมาแล้ว
หญิงสาวสวมชุดนอนวาบหวิวที่เพื่อนๆ ให้มาเป็นของขวัญและย้ำว่าให้สวมชุดนี้คืนวันแต่งงาน ไอรดามองตัวเองในกระจกบานใหญ่ เมื่อมองร่างกายของตัวเองแล้วก็ยิ้มอย่างภูมิใจ
ถึงแม้จะเป็นคนชอบทานอาหารขยะและขนมหวานแต่ก็บังคับให้ตัวเองออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตลอดทั้งเรือนร่างแทบไม่มีไขมันส่วนเกินเลยสักนิดแถมหน้าอกคุณแม่และคุณยายก็ให้มาอย่างล้นเหลือ
แต่พอออกมาจากห้องน้ำก็ต้องแปลกใจเพราะตอนนี้เจ้าบ่าวของเธอไม่ได้รออยู่อย่างที่คิดไว้
เธอเห็นว่ามันนานเกินไปที่เขาจะอยู่ในห้องน้ำ บวกกับตอนนี้ตัวเองก็อยากจะออกไปหาน้ำดื่มสักแก้ว จึงคิดว่าจะไปตามเขาที่ห้องนอนเผื่อว่าเขาจะเผลอหลับอยู่ในห้องนั้น
ยังเดินไปไม่ถึงห้องนอนแขกไอรดาก็ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันออกมาจากห้องนั้น ตอนแรกเธอก็คิดว่าอติรุจน์อาจจะกำลังคุยโทรศัพท์ แต่พอเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เสียงที่ได้ยินก็ทำให้เธอแทบจะหมดแรงอยู่ตรงนั้น
“คุณเอวดุแบบนี้ผมจะเปลี่ยนใจได้ยังละพนา อีกนิด ลึกอีก แบบนั้น พนากระแทกมาแรงๆ แบบนั้นโอ่วว สุดยอดพนา มันดีมาก”
ไอรดาจำได้ว่าเสียงที่กำลังร้องครางอย่างสุขสมนั้นเป็นเสียงของอติรุจน์
“ติ ผมจะไม่ไหวแล้ว อ่าห์....”
แล้วเสียงของอีกคนก็ดังตามกันมา
“พนาคุณจะอยู่กับผมแบบนี้ใช่ไหมจะไม่ทิ้งผมใช่ไหม”
“คุณก็รู้ว่าผมรักคุณหลงคุณ และผมก็มีความสุขมากที่ได้เป็นผัวคุณ ถึงแม้ว่าคุณกำลังจะหนีผมไปมีเมียก็ตาม”
“น้อยใจเหรอ”
“ครับ ผมกลัวว่าคุณจะรักหมออัยย์มากกว่าผม หมออัยย์นะทั้งสวยทั้งเซ็กซี่มีนมมีหอย ผมก็กลัวคุณจะเปลี่ยนใจ”
“อย่าห่วงไปเลยน่าเธอก็แค่คนที่เข้ามาทำให้ชีวิตของผมดูสมบูรณ์ขึ้นเท่านั้นเอง เรื่องบนเตียงไม่เคยอยู่ในหัวผม”
“คุณจะบอกเธอยังไง นี่มันคืนเข้าหอนะติ”
“เอาน่าอย่าห่วงเลย ถ้าผมบอกว่าเหนื่อยอยากนอนเธอก็คงไม่ปล้ำผมหรอก หรือบางทีตอนนี้เธออาจจะหลับไปแล้วก็ได้”
“แล้วจะหนีได้ทุกคืนแบบนี้เหรอ ผมกลัวนะ ผมไม่อยากเสียคุณไป”
“คุณพูดแบบนี้ทั้งๆ ที่ไอ้นั่นของคุณยังในตัวผมนะ มั่นใจหน่อยสิพนา ยังไงผมก็ชอบแบบนี้ ชอบให้คุณเข้ามาลึกแบบนี้”
“แต่พรุ่งนี้คุณก็จะไปฮันนีมูนกับเธอ”
“ทำอย่างกับคุณจะไม่ไปด้วย แล้วประเทศที่เราไปกฎหมายก็รับรองการจะไปก็เปิดกว้างเรื่องการสมรสของคนเพศเดียวกัน”
“คุณหมายถึงอะไร”
“พนาเราไปจดทะเบียนกันที่นั่นนะ ผมอยากมั่นใจว่าระหว่างเราจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“สำหรับผมคุณติก็คือทุกอย่าง ถ้าไม่มีคุณก็ไม่มีผม วันนี้คุณติ เหนื่อยไหมครับ”
“ผมจะเหนื่อยได้ยังไงล่ะ เราเพิ่งเสร็จกันไปรอบเดียวเองนะ น้องชายของคุณมันแข็งปั๋งอยู่เลย”
“แต่ผมช่วยคุณเตรียมงานมาทั้งวันผมเหนื่อย”
“เหนื่อยก็นอนเฉยๆ สิที่รักเดี๋ยวผมขึ้นเอง”
“ก็คุณเด็ดแบบนี้ ผมจะไม่รักคุณหลงคุณได้ยังไงล่ะ อื้อ คุณติ คุณทำผมเสียวจนจะขาดใจแล้ว”
“คุณทำให้คืนแต่งงานของผมมีความหมายที่สุด”
ไอรดาก้าวขาแทบไม่ออกไม่คิดว่าตัวเองจะมาได้ยินอะไรแบบนี้ ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังประตูนั่นกำลังทำอะไรอยู่ เสียงหนึ่งคือเสียงของอติรุจน์เธอจำได้อย่างแม่นยำ อีกเสียงหนึ่งถ้าฟังไม่ผิดก็คงจะเป็นเสียงของพนาเพราะเธอได้ยินเขาเรียกแบบนั้น
เธอเคยเจอกับพนานับครั้งมาถ้วน เพราะทุกครั้งที่อติรุจน์บินไปเยี่ยมเธอที่อเมริกาผู้ชายคนนี้จะตามไปด้วย เพราะเขาเป็นเลขาของอติรุจน์ แต่เธอไม่เคยเอะใจถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองเลย เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสเป็นสามีของเธออย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นเขายังมีสถานะเป็นภรรยาของคนอื่นอีกด้วย
หญิงสาวกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้งแล้วล้มตัวลงนอน เสียเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้รับรู้ เธอนอนร้องไห้ในคืนเข้าหอขณะที่เจ้าบ่าวของเธอนั้นกำลังมีความสุขอยู่อีกห้อง เมื่อตอนหัวค่ำไอรดายังคิดอยู่เลยว่าตัวเองเป็นคนโชคดีที่ได้เจอกับอติรุจน์ที่แสนสุภาพและให้เกียรติเธอจนถึงวันแต่งงาน แต่พอรู้สาเหตุก็รู้สึกใจสลาย
เธอนอนรอให้เขากลับมาที่ห้องจนกระทั่งเผลอหลับไป
เช้าวันใหม่ไอรดาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในห้องนอนคนเดียว ส่วนที่ว่างข้างกายนั้นไม่มีร่องรอยสักนิดว่าเมื่อคืนเขาไม่กลับมานอนด้วย แต่มันก็ดีแล้วที่เขาไม่มานอนร่วมเตียงกับเธอ
หญิงสาวไม่ได้รังเกียจเลยที่เขาเป็นชายรักชาย แต่ที่รังเกียจก็เพราะเขาไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่แรก เขายอมให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นและให้สถานะแม่หม้ายกับเธอตั้งคืนแรกที่เข้าหอ
หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเธอก็ลงมายังชั้นล่างซึ่งตอนนี้อติรุจน์กำลังนั่งอ่านอะไรสักอย่างในไอแพด
“อรุณสวัสดิ์ครับน้องอัยย์ หิวหรือยัง”
“ยังคะ”
“อัยย์ไม่สบายหรือเปล่าดูสีหน้าไม่ดีเลย อย่างนี้เราจะไปฮันนีมูนด้วยกันได้ไหมครับ”
“พี่ติจะพาอัยย์ไปที่ไหนคะ” ไอรดาถามพร้อมกับมองหน้าเขาไปด้วย ดูท่าทางแล้วอติรุจน์คงไม่รู้ว่าเมื่อคืนเธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขาและพนาแล้ว
“พี่จำได้ว่าอัยย์ชอบกินช็อกโกแลตมากพี่เลยจะอัยย์ไปเบลเยี่ยมครับ”
“ช่างเหมาะเจาะจังเลยนะคะประเทศเบลเยียม อัยย์เหมือนได้ยินว่าประเทศนี้มีกฎหมายรองรับการสมรสของเพศเดียวกันแล้วยังขอบุตรบุญธรรมได้ด้วยนะคะ”
“เหรอครับ พี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“พอเถอะค่ะพี่ติ อย่าพยายามเลย”
“อัยย์หมายถึงอะไรครับ”
“เรื่องพี่ติกับคุณพนาอัยย์รู้หมดแล้ว”
“อัยย์” อติรุจน์หน้าซีดเผือด เขาไม่คิดว่าไอรดาจะรู้เรื่องนี้
“พี่ติทำแบบนี้กับอัยย์ได้ยังไงคะ พี่ติหลอกให้อัยย์แต่งงานกับพี่ทำไม พี่ทำให้อัยย์เชื่อว่าพี่รักอัยย์และอยากสร้างครอบครัวด้วยกัน” ไอรดาทั้งผิดหวังและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“อัยย์ พี่รักอัยย์นะ แต่ความรักที่มีให้อัยย์มันไม่ใช่แบบที่อัยย์ต้องการ พี่ขอโทษ”
“ขอโทษแล้วชีวิตอัยย์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหมคะ ใครๆ ก็รู้ว่าตอนนี้อัยย์แต่งานแล้ว”
“อัยย์ พี่ขอโทษ พี่รู้ว่าเรื่องนี้พี่ผิด แต่เถ้าพี่ไม่แต่งงานกับอัยย์ พ่อกับแม่ก็ต้องให้พี่แต่งกับคนอื่นอยู่ดี”
“แล้วทำไมต้องเป็นอัยย์คะ อัยย์ไปทำอะไรพี่ถึงต้องมาทำลายชีวิตอัยย์แบบนี้”
“เพราะอัยย์เป็นคนที่เอาแต่ทำงานพี่เลยสบายใจที่ไม่ต้องทำตัวติดกันเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น”
“แล้วพี่คิดว่าสถานะแม่หม้ายที่พี่ให้อัยย์มันน่าภูมิใจนักเหรอ มีอย่างที่ไหนแต่งงานได้คืนเดียวอัยย์ก็กลายเป็นแม่หม้ายไปแล้ว”
“เราอยู่กันแบบนี้ได้นะอัยย์”
“พี่พูดตลกดีนะคะ ใครจะไปทนอยู่ได้ อัยย์จะหย่า”
“พี่ว่าอัยย์ไม่กล้าหรอก”
“ทำจะไม่กล้าล่ะคะ”
“เพราะถ้าอัยย์หย่าคนที่จะเสียใจก็คือคุณยายนวลแข อัยย์คงไม่รู้ใช่ไหมที่ท่านรีบให้เราแต่งงานกันเพราะท่านไม่ค่อยสบาย”
“พี่ติอย่ามาหลอกอัยย์เลยค่ะ”
“ไม่เชื่ออัยย์ลองไปถามลุงนุกับป้าอรดูสิ อัยย์ไม่สงสัยเหรอว่าแค่นครปฐมมาที่นี่นั่งรถไม่ถึงสองชั่วโมงทำไมคุณยายถึงไม่ยอมมา”
“เราหย่ากันเงียบๆ ก็ได้นี่คะ”
“พี่ว่าเรามาทำข้อตกลงกันหน่อยดีไหม”
“ไม่ค่ะ จนกว่าอัยย์จะแน่ใจว่าที่พี่พูดเป็นเรื่องจริง”