ตอนที่ 7
เมื่อเพียงเดินลงมาข้างล่าง ก็ตรงเข้าไปหาคิงที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะกินข้าวทันที
“ลุงเรียกผมมามีไรอ่ะ” เพียงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“นั่งลงสิ มายืนค้ำหัวฉันทำไม” คิงปลายตามองไปที่เก้าอี้นิดๆ เพียงกรอกตามองบนด้วยความหมั่นไส้กับความเยอะของอีกฝ่าย แต่ก็ยอมเดินไปนั่งลงอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะไม่อยากมีปัญหา
“คืนนี้นายต้องไปงานกับพวกฉัน” คิงพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งเรียบร้อยดีแล้ว
“อาห๊ะ” เพียงพยักหน้านิดๆ เพราะพอรู้มาจากปากของรินบ้างแล้ว
“อย่าทำให้ฉันต้องขายหน้า งานนี้เป็นงานใหญ่ เด็กที่ไม่เคยออกงานอย่างนายจะต้องเตรียมตัวและเรียนรู้เรื่องมารยาทให้ไวที่สุด” คิงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยคำสั่งที่จริงจัง
เพียงถอนหายใจออกมาหนักๆ
“กูมาพักผ่อนหรือมาฝึกมารยาทกันแน่ กฎเชี้ยไรเยอะฉิบหาย” เพียงบ่นในใจอย่างเซ็งๆ
“ตกลงที่ฉันพูด นายได้ยินมั้ย” คิงจ้องหน้าเพียงเพื่อขอคำตอบ
“อยู่ใกล้กันแค่นี้มันก็ต้องได้ยินสิลุง ผมไม่ได้หูหนวกนะ” เพียงเถียงกลับไปด้วยความเคยชิน
“ผู้ใหญ่เขาพูดก็ตอบสิ จะได้รู้ว่าไม่ได้หูหนวกแล้วก็เป็นใบ้”
เพียงกัดปากตัวเองนิดๆ
“ครับ!ได้ยินแล้วครับ!! พอใจยังลุง” เพียงขึ้นเสียงใส่คิงเล็กน้อยด้วยความประชด แต่นั่นมันกลับทำให้คิงมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาที่มุมปาก
"ได้ยินแล้วก็ดี พูดเพราะๆ วางตัวให้ดี งานนี้ถ้านายพลาด..นายจะเป็นตัวตลกของทุกคนในงาน” คิงพูดเตือนด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่น้อย ซึ่งเพียงเองก็มองเห็นความจริงจังของสายตาคู่นั้นได้
“ผมไม่รู้หรอกนะว่างานที่ไปเนี้ยมันต้องทำยังไง แต่ถ้าใครกล้ามาว่าผมต่อหน้า..ผมไม่รักษามารยาทแน่” เพียงมองแววตาของคิงด้วยความมั่นใจ เพราะนิสัยของเขาไม่ใช่คนยอมใครมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เขาจะไม่ทำใครก่อน ถ้าคนคนนั้นไม่มายุ่งกับเขา
“แต่ก็อย่าให้มันมากไปแล้วกันนะ ยังไงนี่มันก็ชื่อเสียงของครอบครัวฉัน ถ้าคนนอกอย่างนายทำให้มันเสียหาย..ฉันเองก็ไม่เอานายไว้เหมือนกัน” คิงมองหน้าเพียงนิ่ง
เพียงที่เห็นแววตาของอีกฝ่ายก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย เพราะมันเป็นสายตาที่เรียบนิ่งมากเกินไป มากจนทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“อือ” เพียงทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปเท่านั้น จู่ๆเขาก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขาไม่ควรเถียงอะไรอีกฝ่ายในตอนนี้
เกิดความเงียบภายในโต๊ะอาหารทันที หลังจากที่บทสนทนาเมื่อสักครู่จบลง เพียงเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องลุกหรือนั่งลงต่อดี สายตาของเขาเลิ่กลั่กเล็กน้อย เขาทำได้เพียงกวาดตามองไปรอบๆเท่านั้น
“หิวรึยัง” คิงถามขึ้น
เพียงสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเขาขึ้นมาดื้อๆแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้
“ตกใจหรอ? เป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่” คิงเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มุมปากมีรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาเล็กๆ
“จู่ๆลุงนึกจะพูดก็พูด เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั้นแหละ” เพียงขมวดคิ้วมองคิงด้วยความไม่พอใจ
“หึ เรียนวิทยาลัยที่ชอบมีเรื่องมีราวขนาดนั้น ไม่น่าเป็นคนขวัญอ่อนนะ” คิงวางแท็บเล็ตลงบนโต๊ะ แล้วกอดอกหันไปมองใบหน้าหวานของเพียงนิ่งๆ
“นี่ลุงสืบประวัติผมหรอ!” เพียงถามคิงอย่างหาเรื่อง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายสืบประวัติของเขา
“นายมายุ่งกับลูกสาวฉัน แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าฉันจะสืบประวัติของนาย” คิงบอกด้วยท่าทีสบายๆ
“แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของผม ลุงยุ่งไรด้วยวะ!” เพียงลุกขึ้นจ้องหน้าคิงเขม็ง
ลูกน้องของคิงทำท่าจะเข้ามาจับตัวเพียงเอาไว้ แต่คิงยกมือห้ามก่อน
“พ่อแม่นายก็ขายของด้วยนี่ คงไม่ดีเท่าไหร่มั้งถ้าหากลูกชายของตัวเองโดนจับ ข้อหาทำร้ายร่างกายของผู้มีอิทธิพล” คิงยกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วเดินเข้าไปหาเพียงช้าๆ
เพียงเองก็ได้แต่กำหมัดมองหน้าคิงด้วยความโกรธ
“หัดใจเย็นลงมากกว่านี้หน่อยสิ..พ่อแม่นายยังต้องใช้สถานที่ทำมาหากินนะ” คิงก้มมองคนที่ตัวเล็กกว่า พร้อมกับรอยยิ้มร้าย
“มึงคิดจะทำอะไร” เพียงกัดฟันถามออกไปด้วยความโมโห
คิงดวงตาวาวโรจน์เมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ดีออกจากปากเล็กตรงหน้า
“พูดดีดี”
“กูถามว่ามึงจะทำอะไรพ่อแม่กู” เพียงจ้องหน้าคิงกลับไปอย่างไม่กลัว เขาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก พอได้ยินเรื่องในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันเลยทำให้เขาเลือดขึ้นหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
คิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขารู้แล้วว่าตอนนี้ต่อให้พูดยังไงร่างบางตรงหน้าก็คงไม่ฟัง และถึงแม้ว่าเขาจะโมโหไปมากแค่ไหน แต่อีกฝ่ายก็คงโมโหมากกว่าเขาอยู่ดี เพราะฉะนั้นเขาก็คงต้องเป็นฝ่ายที่ใจเย็นลงแทน ไม่อย่างนั้นอาจจะมีการลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้นที่นี่ก็ได้
“ฉันจะไปทำอะไรพ่อแม่นายได้ นายไม่ได้ทำอะไรฉันนี่” คิงพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งตามเดิม
“แล้วสิ่งที่มึงพูดมาคือไร” เพียงถามต่อทันที คิงถอนหายใจออกมานิดๆ แล้วหันหลังเพื่อที่จะกลับมานั่งที่เดิม
“อย่าเดินหนีสิวะ!” เพียงดึงแขนของคิงให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง แต่เขาอาจจะแรงไม่มากพอที่จะให้อีกฝ่ายขยับเข้ามา มันเลยกลายเป็นเขาที่เป็นฝ่ายเข้าไปหาร่างสูงแทน
ปึก!
เพียงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อตัวเองต้องมาอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้า ปลายจมูกที่กำลังชนกันทำให้เพียงได้กลิ่นน้ำหอมยี่ห้อดังลอยเข้ามาแตะจมูก หัวใจของเขาเผลอเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่..ซึ่งเขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
ตึกตัก ตึกตัก
สายตาของทั้งสองประสานเข้าหากันนิ่ง ดวงตาสีควันบุหรี่ที่เพียงได้เห็น ทำให้เพียงพึ่งรู้ว่ามันมีเสน่ห์ที่กำลังดึงดูดเขาบางอย่าง ที่ไม่สามารถทำให้เขาละสายตาไปจากดวงตาคู่นั้นได้เลยแม้แต่นิดเดียว ความอบอุ่นที่เขาได้รับในอ้อมกอดของร่างสูงมันทำให้เขารู้สึกวูบวาบที่หัวใจดวงเล็กๆของเขา
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า” เสียงทุ้มต่ำของคิงถามด้วยความเป็นห่วง
ซึ่งน้ำเสียงของอีกฝ่ายทำให้เพียงได้สติ เขารีบผลักร่างสูงให้ออกห่างจากตัวเองทันที
“แฮ่ม! ตกลง..คุณจะบอกผมได้รึยัง ว่าเมื่อกี้ที่คุณพูดมาคุณหมายความว่ายังไง” เพียงถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ออกไปทันที ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะสั่นมากแค่ไหนก็ตาม แต่เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อสักครู่ เขาจำเป็นที่จะต้องพูดเสียงแข็งออกไป
“ที่ฉันถามนายว่าเจ็บตรงไหนน่ะหรอ” คิงเอามือล้วงกระเป๋าแล้วถามเพียงยิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
“เรื่องพ่อแม่ผมต่างหากล่ะ” เพียงถลึงตาใส่คิงนิดๆ
“ฉันเพียงแค่พูดเฉยๆ ส่วนเรื่องประวัติของนาย ฉันให้คนสืบมาจริงแต่ไม่ได้เอาไปทำอะไรไม่ดี ฉันแค่อยากรู้ว่าเพื่อนสนิทที่ลูกสาวฉันคบด้วยมีประวัติอาชญากรรมหรือเปล่าก็แค่นั้นเอง” คิงบอกเหตุผลของตัวเองออกไป
นั่นมันจึงทำให้ความโมโหของเพียงในตอนแรกที่มีค่อยๆเบาลง
“มารยาทไม่ดีนะลุงอ่ะ มาสืบข้อมูลของคนอื่นเขาเฉยเลย” เพียงมองขวางคิงเล็กน้อย
“หึ” คิงหัวเราะในลำคอนิดๆ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากลับมามีอารมณ์ที่ปกติแล้ว
“เรื่องคืนนี้ อย่าทำอะไรพลาดเด็ดขาดนะ” คิงย้ำอีกครั้ง เพราะเขาเองก็รู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ด้วยความที่เขาผ่านงานพวกนี้มามากมาย มันเลยทำให้เขารับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย
“ลุงไม่ต้องห่วงหรอก ชื่อเสียงของลุงกับไอรินอยู่ครบแน่นอน” เพียงยักคิ้วใส่คิงอย่างกวนๆ คิงพยักหน้านิดๆแล้วขยับเข้ามาใกล้เพียงอย่างช้าๆ
“ก็ดี..ฉันจะได้หายห่วง”