#บทที่ 5 เป่า
ตาแช่มให้เฒ่าย้อยอุ้มหลานเข้ามาวางบนตั่งไม้ตรงมุขหน้าบ้าน เด็กน้อยนอนขดตัวเป็นกุ้ง ร้องครวญครางไม่เป็นภาษาใบหน้าซีดเซียว
"ลูกบักสินมันติ" (ลูกเจ้าสินมันเรอะ) ถามไปมือผอมก็กดลงที่ท้องเด็กน้อยวัยขวบกว่า พอมือหมอแช่มสัมผัสถูกตัวร่างเด็กน้อยสั่นเทากว่าเดิมเหมือนพยายามจะถอยหนี
"แหม่น" (ใช่)
"พ่อแม่มันไปไสล่ะ" (พ่อแม่มันไปไหนกันล่ะ)
"ไปเฮ็ดงานก่อสร้างในเมือง กลับเฮือนมาซอยหว่านเข่าหลายมื่ออยู่ ลบไปวังแลงนี่เอง" (ไปทำงานก่อสร้างในเมือง กลับบ้านมาช่วยหว่านข้าวหลายวัน เพิ่งกลับไปทำงานต่อเมื่อตอนเย็น)
"มีอิหยังล่ะ รึมันเกี่ยวกับบักสิน"
"มีของแฝงมานำพ่อ แต่ผู้ใหญ่จิตแข็งมันเฮ็ดหยังบ่ได้มาเกาะเด็กน้อยแทน" (มีของแฝงมากับพ่อ แต่ผู้ใหญ่จิตแข็งมันจึงทำอะไรไม่ได้เปลี่ยนมาเกาะเด็กแทน)
เฒ่าย้อยตกใจละล่ำละลักถาม "ซอยได้บ่ ซอยหลานข่อยนำหมอเฒ่า สงสารมันแฮงฮ้องมาหลายมื้อ ยามกลางคืนแฮงฮ้องคัก"
(ช่วยได้ไหม ช่วยหลานข้าด้วยนะหมอเฒ่า สงสารมันเหลือเกินร้องมาหลายวันแล้ว ตอนกลางคืนยิ่งร้องหนัก)
"มันฮ้องคือคนปวดท้องไปหาหมอโรงบาล เพิ่นก็ว่าเสียดท้องให้ยามากินก็บ่หาย" (มันร้องเหมือนคนปวดท้อง ไปหาหมอโรงบาลเขาก็ว่าเสียดท้องให้ยามากินก็ไม่หาย)
"บ่ต้องห่วง ถ่าจักคราว ข่อยสิขุดว่านไพล" (ไม่ต้องห่วง รอสักครู่ ข้าจะไปขุดว่านไพล)
ตาแช่มพูดเท่านั้นก็ลุกขึ้นหยิบไฟฉาย เดินไปฉวยเอาเสียมหน้ายุ้งข้าวเปิดไฟฉายส่องบริเวณริมรั้ว นั่งก้ม ๆ เงย ๆ สักพักก็ได้หัวว่านไพลมา 3-4 หัวขุดเอาต้นติดมือกลับมาด้วยสองต้น ตักน้ำโอ่งล้างหัวว่านพร้อมกับล้างมือล้างเท้าตนเองจนสะอาดถึงกลับมานั่งบนตั่ง ยกตะกร้าเชี่ยนหมากประจำตัวออกมา
สมัยก่อนหมอแช่มเคี้ยวหมากพลูเป่ารักษา พอแก่ตัวลงฟันไม่ดีเคี้ยวหมากไม่ไหวจึงปรับเปลี่ยนมาเคี้ยวว่านแทน ค้นเอามีดสนากออกมาหนีบหัวว่านไพลทั้งเหง้าเป็นชิ้นบาง ๆ หยิบเข้าปากเคี้ยวจนมีน้ำมีกลิ่นเย็นหอมเฉพาะตัวของว่านไพลออกมา
"อะแฮ่ม! วันจันทร์เอ๊ย! ออกมานี่ก่อน" ดูเฒ่าย้อยแล้วกลัวจับหลานไม่อยู่
ได้ยินเสียงพ่อเรียกวันจันทร์ก็รีบผละมือจากการทำอาหารในครัวออกมา ถึงเพิ่งจะเถียงต่อปากต่อคำกันเมื่อครู่แต่ชายหนุ่มก็คอยเป็นลูกมือช่วยหยิบจับให้ผู้เป็นพ่อหลายครั้ง รวมถึงการร่ำเรียนคาถาอาคมที่ใช้ปัดเป่ารักษา แต่สาเหตุที่คุณหมอนวดไม่ยอมลงมือรักษาให้ใครก็เพราะคนเป็นอาจารย์ต้องถือศีลห้าเคร่งครัด
แปลว่าตนเองจะแอบไปดริ๊งก์ตามผับในคืนวันเสาร์หรือนั่งก๊งร้านยาดองไม่ได้ ถึงชายหนุ่มจะไม่ได้ออกไปดื่มสังสรรค์บ่อย ๆ แต่เขาก็ยังไม่ได้อยากละทางโลกปล่อยวางกิเลสขนาดนั้น
ขณะเดียวกันคนเจ็บที่มาเป่าก็ต้องใช้หลักการเดียวกันในช่วงของการรักษา เป่าเสร็จแต่กลับบ้านไปแอบเป๊กแอบก๊งยาดองพอวันรุ่งขึ้นมาเป่าหมอแช่มจะรู้ทันที คนเจ็บรายนั้นจะถูกไล่กลับไปและหมอแช่มจะไม่รับรักษาให้อีก
ข้อห้ามสำคัญที่สุดระหว่างทำการรักษา คือห้ามดื่มสุราของมึนเมาทุกชนิดจนกว่าจะเสร็จสิ้นรักษา
"วันจันทร์มาจับตัวไอ้หนูนี่ไว้ที"
ลูกชายนั่งเข้าที่ เมื่อหมอเฒ่าเริ่มพึมพำมนต์คาถา ลมเย็นวูบหนึ่งพัดเข้ามาปะทะ
"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะฯ (สามจบ)
...อัตถิ อิมัสมิง กาเย**
เกสา
โลมา
นะขา
ทันตา
ตะโจ
.
โลหิตัง
.
เอวะ มะยัง เม กาโย
กายของเรานี้อย่างนี้
อุทธัง ปาทะตะลา
อะโธ เกสะมัตถะกา
ตะจะปะริยันโต
ปุโรนานัปปะการัสสะ อะสุจิโนฯ
เพี้ยงงง...."
กล่าวคาถาจบหนึ่งรอบหมอเฒ่าเป่าคาถาไปยังร่างสั่นเทาของเด็กน้อยตั้งแต่กระหม่อมถึงปลายเท้า สวดคาถาครบ 3 จบเกิดสายลมเย็นเยือก เด็กน้อยขวบเศษกระตุกดิ้นพราดไปมาส่งเสียงร้องอืออา วันจันทร์กดข้อมือหนักขึ้นถ้าดิ้นหลุดไปได้จะต้องเสียเวลาอีก
หมอเฒ่าเอาเนื้อว่านที่เคี้ยวทาลงบนกระหม่อม ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เป่าคาถาพรมอีกรอบเด็กน้อยตัวอ่อนยวบนิ่งไปในที่สุด
"หมอเฒ่า..."
"เอาล่ะ เสร็จแล้ว เดี๋ยวเอาว่านกลับไปผูกไว้ประตูบ้านกับประตูห้องนอนนะ" ล้วงเอาด้ายสายสิญจน์ออกมาจากเชี่ยนหมากผูกเรียกขวัญข้อมือเด็กทั้งสองข้าง "เรียบร้อยกลับบ้านได้"
เฒ่าย้อยยกมือไหว้หมอแช่มท่วมหัว ดวงตาแดงก่ำจากการอดนอนเฝ้าหลานมาหลายวันเต็มไปด้วยความซาบซึ้งศรัทธา
"ขอบคุณหลายหมอเฒ่า ตะกี้ข่อยฟ้าวหลายบ่ได้เฮ็ดขันธ์ ๕ มาเลย ถ่ายามแลงข่อยสิพาบักน้อย ๆ นี่มายกพานขันธ์ ๕ ขันครู ให้หมอเฒ่าเด้อ" (ขอบคุณมากหมอเฒ่า เมื่อกี้ข้ารีบมากไม่ได้ทำขันธ์ ๕ มาด้วย รอตอนเย็นข้าจะพาหลานน้อยมายกพานขันธ์ ๕ พานขันครูให้หมอเฒ่านะ)
"บ่เป็นหยัง บ่ต้องฟ้าว แค่อย่าลืมก็พอมันสิยากเฮา" (ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบหรอก แค่อย่าลืมก็พอข้าจะลำบาก)
นั่นไง...
วันจันทร์ได้ยินก็แอบเหล่ตามองผู้เป็นพ่อ ก็เป็นอีแบบนี้ตลอด ๆ ถ่างขี้ตารักษาคนแต่เช้ามืด ดีนะ ยังได้ล้างหน้าแปรงฟันแล้ว ไม่เคยจะเรียกร้องค่าตอบแทน ตาแช่มชอบบอกว่า ตามแต่จิตศรัทธา... แต่อย่าลืมเงินใส่พานขันธ์ห้า 12 บาทเด็ดขาด
คนรู้กาลเทศะ รู้ธรรมเนียมก็ดีไป เขาก็จะใส่เงินค่ายกครูตามความหนักเบาของอาการ ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษา แต่คนไม่รู้ความรู้ประสาแม้แต่พานขันธ์ ๕ ก็ไม่ยอมมายกให้ตาแช่ม เรื่องนี้ล่ะที่ทำให้วันจันทร์โมโหผู้เป็นพ่อบ่อย ๆ บ้านตนไม่ใช่สถานพยาบาล ตาแช่มก็ไม่ใช่หมอ มันไม่ใช่ธุระกงการหน้าที่อะไรของพ่อจะต้องคอยเสียสละเวลามาปัดเป่ารักษาคนเหล่านี้
"ขอบคุณหลาย ๆ หมอเฒ่า ข่อยพาหลานกลับไปนอนก่อน เช้าพอดี"
"ไป ๆ อย่าลืมเฮ็ดตามที่บอก"
เฒ่าย้อยอุ้มหลานพาดบ่าเดินกลับบ้านที่อยู่ซอยถัดไป ตาแช่มเดินออกไปส่งแขกหันกลับมาเจอลูกชายคนโตกอดอกยืนหน้าบูด
"มายืนทำหน้าบูดอะไรตรงนี้ ไป กลับเข้าบ้านช่วยแม่เอ็งทำกับข้าวนู่น"
"งานฟรีแบบนี้ไม่ต้องเรียกหนูมาช่วยเลยนะ ถ้าไม่มียายเพ็ญศรีหนูกับเจ้าดวงคงได้กินแต่เกลือจนผอมแห้งไม่ได้โตจนป่านนี้หรอก"
"กินทำไมเกลือ ข้าทำนาเยอะแยะมีข้าวเต็มยุ้งให้กิน"
"ก็มีพ่อชอบเปิดโรงทานไง"
"วันจันทร์เอ๊ย ช่วยคนมันได้บุญกุศลนะลูก ไม่ต้องคิดถึงแต่เงินอย่างเดียว เอ็งอย่าเค็มนักเลย"
"ไม่เค็มได้ไง กินข้าวคลุกเกลือมาตั้งแต่เด็ก เกลือซึมเข้าไปในเส้นเลือดหนูแล้ว"
ว่าแล้วลูกชายคนโตของหมอแช่มก็เดินสะบัดหน้าฟึดฟัดเข้าไปหลังบ้าน หมอเฒ่าส่ายหัวมองท้องฟ้าเห็นแสงอาทิตย์รำไร คนแก่รักสะอาดเดินไปหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวปัดกวาดลานดินรอบ ๆ ตัวบ้าน