#บทที่ 4 สืบทอด
ช่วงเช้ามืดของทุกวันหนุ่มร่างเล็กลุกจากห้องนอนส่วนตัวชั้นสองด้านบนร้านกาแฟเดินกลับไปบ้านพ่อแม่ที่อยู่ในสวนด้านหลังร้าน ร้านนวดหันหน้าออกถนนหลวงอยู่สายนอกติดทางคู่ขนาน ส่วนบ้านตาแช่มหันหน้าเข้าหมู่บ้าน
ตีสี่ฟ้ายังมืดวันจันทร์อาศัยความคุ้นเคยทางในสวนตัวเองหลับตาเดินก็ยังไปถูกเลยไม่ใช้ไฟฉาย ขนาดว่าเขาตื่นเช้าแล้ว มาถึงหลังบ้านก็ได้ยินเสียงกุกกักมาจากในครัวไฟด้านในเปิดสว่าง
ชายหนุ่มเดินเข้าไปประตูครัวด้านหลังสวมกอดหอมแก้มแม่แรง ๆ "ฟอด! คนสวย"
"อุ๊ย แม่เวีย!" (อุ๊ย แม่มันสิ)
"วันจันทร์! เดี๋ยวแม่จะทุบให้ คนยิ่งบ้าจี้"
"คุณนายเพ็ญศรีลุกมาทำอะไรแต่เช้าจ๊ะ นอนไม่หลับอีกแล้วล่ะสิ"
"พ่อเอ็งสิ นอนไม่หลับพาให้คนอื่นนอนไม่ได้นอนไปด้วย"
"มีอะไรอีกล่ะ" ชายหนุ่มถามท่าทางสบาย ๆ เดินไปหยิบแก้วจัดการชงกาแฟให้ตัวเองกับแม่ ส่วนตาแช่มแกกินกาแฟไม่เป็น
"ทำไมมองหน้าหนูยังงั้นอ่ะแม่" หันมาเห็นแม่มองค้อนตัวเองอยู่
"มีใครพูดเรื่องหนูอีกแล้วน่ะสิ"
ยายเพ็ญศรีถลึงตาใหญ่กว่าเดิม "รู้แล้วยังจะถาม"
"ก็บอกแล้วไม่ต้องไปฟังชาวบ้านให้มาก พอฟังแล้วก็ไม่สบายใจ"
"ข้าก็ไม่ได้อยากจะฟังโว้ย! แต่คนมานั่งเล่าให้ฟังถึงบ้าน" เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังปึง
ยายเพ็ญศรีเอ็ดผัวเสียงเขียว "ตาแช่ม เบา ๆ หน่อยประตูพังหมด!"
คนตัวเล็กว่า "ใครมาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง พ่อก็ไล่กลับไปเลย บอกวันไปเล้ยนี้อารมณ์ไม่ดี ไม่รักษาใคร"
"แม่มัน ดูมันพูดเข้า" ตาแช่มโมโหแทบจะเต้นผางแต่ทำอะไรไม่ได้ชี้มือใส่ลูกชายคนโตพลางฟ้องเมีย
"ชาวบ้านเขามาหาข้าก็หวังพึ่งพาให้ช่วยรักษา จะทำยังงั้นได้ยังไง"
"มารักษาอย่างเดียวใครจะว่า นี่อะไร ชอบนักเรื่องลูกชาวบ้าน พูดไม่รู้จักจบ"
วุ่นวายกับชีวิตเขาเหลือเกินตั้งแต่พ่อตัดสินใจส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัย ต่อด้วยเรียนจบสูงแต่ไม่ได้เป็นเจ้าคนนายคน ล่าสุดสิ้นคิดเปิดร้านนวดแผนไทยที่คนจำภาพแง่ลบจากข่าวเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง สาเหตุทั้งหมดคงเป็นเพราะ
"ก็ดูเอ็งสิ พ่อเป็นหมอเฒ่าคนยอมือไหว้ทั้งตำบล แต่ลูกชายดันเปิดร้านนาบ..."
"ร้านนวดแผนไทยจ้ะพ่อ ไม่ใช่นาบ วุ้..." เจ้าตัวดีทำหน้างอรีบขัดขึ้น
"นั่นล่ะ ๆ ก็ชาวบ้านเขาพูดกันยังงี้ เรียนจบมาไม่ไปสอบสมัครงานฝ่ายปกครองที่อำเภอพ่อก็ไม่ว่า คาถาอาคมก็ถ่ายทอดให้เอ็งไปไม่น้อยทำไมไม่ช่วยพ่อปัดเป่ารักษาชาวบ้านล่ะ"
"ไม่เอาอะ หนูไม่ได้อยากเป็นหมอผีนี่หน่า"
เจอแต่ผีน่ากลัวจะตาย วันดีคืนดีปอบที่ถูกสวดคาถาไล่ก็ตามมาสิงลูกเมีย บันเทิงไปอีก
เหนื่อยก็เหนื่อย แล้วพ่อเขาก็ไม่เคยเรียกร้องเงินทองตอบแทน แล้วแต่ชาวบ้านใส่ค่าครูตามความนับถือศรัทธา
คนมาขอให้ช่วยรักษาปัดเป่าแทบทุกวันก็ต้องรบกวนเวลาการประกอบอาชีพลงไร่นาทำการเกษตรรวมถึงเวลาพักผ่อนพ่อเฒ่า เลิกงานมาจากนาแทนที่จะได้เอนหลังบ้างเจอชาวบ้านมารอก็ต้องรีบอาบน้ำผลัดชุดมาทำพิธี
"เอ้า แล้ววิชาอาคมของตระกูลที่สืบทอดกันมาล่ะ ไหนจะชาวบ้านที่เขาหวังพึ่งเรา"
"วิชาอาคมก็เก็บไว้บนหิ้งพระ ส่วนชาวบ้านเจ็บป่วยก็พากันไปหาหมอสิ โรงพยาบาลก็อยู่ใกล้แค่นี้" พูดหน้าตาดื้อ ๆ
"บ๊ะ ไอ้นี่ มันเถียงฉอด ๆ ยังกะพวกผู้หญิง ทำตัวให้มันแมน ๆ สมกับเป็นผู้ชายหน่อย"
แหมะ รู้จักภาษาปะกิตกับเขาด้วย วันจันทร์เกือบจะแซวผู้เป็นพ่อแต่กลัวถูกไม้เท้าเคาะหัว
"แบบนี้จะมีลูกมีเมียเป็นหัวหน้าครอบครัวกับเขาได้ยังไง" ตาแช่มว่า แกชักโมโหเมื่อลูกชายเถียงไม่หยุดปากจนเริ่มเถียงไม่ทัน
"โอ๊ย พ่อ! ช่วยดูสภาพหนูหน่อยเถอะ"
สูง 168 หนัก 60 นุ่มนิ่มไปทั้งตัวจับไปตรงไหนก็มีแต่เนื้อ หน้าร้อนก็แก้มแดง หน้าหนาวก็แก้มแดง
"นี่ ๆ พ่อมัน ตั้งแต่เจ้าจันทร์มันเกิดมาฉันก็ไม่เคยเห็นมันไปเตะบอลกับเพื่อนผู้ชายเลยนะ แกจำไม่ได้รึไงว่ามันไปโดดยาง เล่นแต่งหน้ากับพวกลูกสาวยายวรรณตั้งแต่ปอหนึ่งน่ะ"
คุณนายเพ็ญศรียกมือพูดแทรกขัดจังหวะพ่อลูก
ลูกชายคนนี้ตั้งแต่เริ่มหัดพูดก็พูดเก่งยังกะนกแก้ว พูดจ๊ะพูดจ๋าจีบปากจีบคอกับครอบครัวมาแต่ไหนแต่ไร อะไรที่เล่นแล้วเลอะเทอะเจ็บตัวจะไม่ยอมไปเล่นเด็ดขาด ไม่มีท่าทางเหมือนเด็กผู้ชายสักนิด
"ให้หนูหาผัวยังง่ายกว่าตั้งเยอะ ทุกวันนี้มีแต่ผู้ชายมาจีบ" คุณหมอนวดพูดอุบอิบเสียงเบา
ตาแช่มสะดุดหูแต่ฟังไม่ชัด หันมาจ้องลูกชายตาดุ "ห้ะ เมื่อกี้เอ็งว่าอะไรนะ!?"
"เปล๊า!"
"แม่จะทำอะไรกิน เดี๋ยวหนูทำเอง" วันจันทร์รีบเปลี่ยนเรื่องหนีก่อนจะโดนฟ้าผ่าหัว
"เออ ว่าจะแกงส้มดอกแค ฝนตกมาดอกแคหน้าบ้านกำลังออก ยอดอ่อนก็น่าจิ้มน้ำพริก"
ถึงลูกชายคนโตจะชอบกวนประสาทตัวเองทุกวันแต่ยายเพ็ญศรีก็คอยไกล่เกลี่ยเวลาพ่อลูกเถียงกันประจำ ตาแช่มมองสองแม่ลูกอย่างติดใจ หมอเฒ่าแก่แล้วเริ่มหูไม่ค่อยดีเหมือนสมัยก่อน
"หมอแช่ม หมอแช่ม! อยู่บ่?"
ยังไม่ได้คาดคั้นลูกชายต่อก็ได้ยินเสียงคนเรียกดังมาจากหน้ารั้วบ้าน บ้านตามชนบทไม่ได้ทำรั้วก่ออิฐถือปูนมิดชิด รั้วบ้านเพิ่งถูกลูกชายเปลี่ยนเป็นเสาปูนขึงด้วยลวดหนามสี่เส้นตลอดแนวเขตเมื่อตอนต้นปี พอตกค่ำจะใช้แค่ไม้ไผ่สามสี่ท่อนสอดกั้นปิดทางเข้าหน้าบ้านเอาไว้กันคนหรือสัตว์เลี้ยงวัวควายเข้ามา
"อยู่ ๆ ถ่าก่อนคาวหนึ่ง!" (อยู่ รอเดี๋ยว)
พอมีคนมาขอความช่วยเหลือตาแช่มก็เลิกด่าลูกชายทันที เดินเร็วไปหน้าทางเข้าดึงท่อนไม้ไผ่เปิดให้แขกเข้ามา
"เอ้า นึกว่าไผ เฒ่าย้อยนี่เอง มา ๆ เข้ามาก่อน ไผเป็นหยังล่ะ" (นึกว่าใคร ตาย้อยนี่เอง เข้ามาก่อน มีใครเป็นอะไรล่ะ)
"เบิ่ง บักน้อย ๆ นี่ติล่ะ ฮ้องมาสามมื้อแหล่ว ไปหาหมอก็บ่หายบ่เซาพอเถื่อ" (ดูสิ ไอ้ตัวเล็กนี่ไง ร้องมาสามวันแล้ว พาไปหาหมอก็ยังไม่หาย ไม่หยุดร้องสักที)
วันจันทร์ชะเง้อมองตามหลังพ่อแล้วส่ายหน้า จะให้ตนเองเป็นหมอธรรมหมอมนต์อย่างพ่อไม่ได้หรอก พ่อมีจิตเมตตาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มากมาย แต่เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวจะให้เขาถ่างตาตื่นมาตอนกลางดึกเวลามีคนมาเรียกให้ไปไล่ผี ทำงานสวนเหนื่อยมาทั้งวันไม่ทันจะได้กินน้ำให้ชื่นใจก็มีคนมารับตัวไปข้างนอก
หลัง ๆ มานี่ตาแช่มลดรับงานนอกบ้านลงเกือบหมดแล้วเพราะถูกลูกบ่น นอกจากเป็นคนบ้านโนนเจริญที่ป่วยจนขยับตัวไม่ได้จริง ๆ ถือเป็นกรณีพิเศษแต่ต้องเอารถมารับส่งถึงบ้าน ส่วนนอกนั้นใครจะให้รักษาก็เอาคนป่วยมาที่บ้าน
ตาแช่มอายุอานามปาไป 74 ปีแล้ว พลังจิต พลังชีวิต ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าตอนหนุ่ม ๆ ล้มเจ็บขึ้นมาใครจะมาเป่าให้แกฟื้นได้ ไม่พ้นลูกเมียหามส่งโรงพยาบาลความลำบากตกใส่พวกตนทั้งนั้น จะให้ช่วยเหลือคนอื่นจนตัวเองลำบากวันจันทร์ไม่มีวันยอมทำ