LABEL
“เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆก่อนไหม?” ผมกล่าวถาม เมื่อพวกเธอได้ฟังเรื่องราวของผมที่ว่าผมไม่ได้เรียนมหาลัย แต่ออกมาใช้ชีวิต ทำงานหาเงิน ซึ่งที่จริงแล้วเป็นเรื่องโกหก และในตอนนี้ผมมีเงินเยอะมากๆ ซึ่งเงินมันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการเพื่อให้ชีวิตอยู่สบายขึ้น และพวกเธอเองก็เข้าใจสิ่งนี้
โดยพวกเธอตัดสินใจว่าจะออกมาทำธุรกิจด้วยตัวเอง เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอินฟลูโดยเฉพาะ รวมถึงยังมีงานรองเป็นเทรดเดอร์ โดยธุรกิจอินฟลูก็คือเราจะสร้างบริษัทจัดหาอินฟลูเพื่อไปโปรโมทร้านหรือสิ่งต่างๆที่คนยังไม่รู้จัก ใช้จากยอดผู้ติดตามของพวกเธอ รวมถึงพวกเธอจะทำช่องยูทูปกันขึ้นมาอีกด้วย
“จริงๆแล้วเราก็คิดว่าการเรียนมันน่าเบื่อ”
“พอช่วงทำงานยิ่งงานหนักเข้าไปอีก”
“กับเงินเดือนแค่นั้นเราอยู่กันไม่ได้หรอก”
“เพราะฉะนั้นเราต้องมีอะไรเป็นของตัวเอง” เคทกล่าว ซึ่งเธอคืออินฟลูที่มียอดติดตามห้าหมื่นกว่าคนบนไอจี และเคยได้งานไปร้านเหล้าบ่อย รวมถึงโปรโมทสินค้าซึ่งมันได้เงินเยอะมาก และเธอมาย้อนคิด เงินพวกนั้นถึงทำให้เธอมีชีวิตที่ดีแบบนี้
“การจะทำอะไรแบบนั้นไม่ใช่แค่คิดก็ทำได้นะ”
“มันใช้หลายอย่างมาก เธออย่าคิดว่ามีความสามารถแล้วจะหาเงินได้อย่างเดียว”
“เธอต้องมีเงินที่เป็นต้นทุนด้วย”
“ไหนจะคอนแนคชั่นที่สำคัญที่สุด” ผมกล่าวและทำให้พวกเธอตั้งใจคิดอีกครั้งก่อนจะหันหน้ามองกันและหันมาหาผม
“เราสามารถกู้เงินนายได้ไหมเจเค” กิ่งกล่าวถามและมันทำให้ผมชะงักค้างไปเลย ผมไม่คิดว่าพวกเธอจะมุ่งมั่นถึงขนาดนี้
“เอาแบบนี้ล่ะกัน เรื่องบริษัทเราสามารถสร้างขึ้นมาให้ได้เลย”
“ส่วนเรื่องการบริหารหรือควบคุม ขอให้เป็นจีอา”
“จีอาก็เหมือนกับเป็นพนักงานของเราแล้วในตอนนี้”
“การทำงานให้เราก็คงไม่แปลก” ผมกล่าวให้ข้อเสนอกับพวกเธอ
“ไม่มีปัญหานะ แต่ตอนนี้มันก็เริ่มเย็นแล้ว”
“เราไปกินข้าวกันไหมแล้วคุยกันต่อ” กิ่งกล่าวถาม ผมจึงคิดอะไรดีๆขึ้นมาได้
“แปปนึงนะ” ผมกล่าวก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาจิมมี่
“ประชุมอยู่เหรอ?” ผมกล่าวถามเมื่ออีกฝ่ายรับสายและผมก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันมากมาย
“ครับ ท่านมีอะไรหรือเปล่าครับ?” จิมมี่กล่าวถาม ถ้าหากเป็นสายโทรเข้าจากผม ยังไงเขาก็ต้องรับไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน
“มากินข้าวด้วยกันหน่อยสิ ร้านเดิม จองไว้เจ็ดที่” ผมกล่าวซึ่งจิมมี่ก็รับปากและผมก็วางสายไปในทันที
“พวกเธออยากจะกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนไหม?” ผมกล่าวถาม เพราะสถานที่ที่เราจะไป มันหรูมากๆ มันคือร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพ
“เอ่อ…อื้ม” พวกเธอพยักหน้าและเริ่มสับสน
“แนะนำให้ใส่เดรสนะ” ผมกล่าวก่อนที่เราจะแยกย้ายกัน ส่วนผมก็ได้ขับรถพาจีอาไปห้าง ไปซื้อชุดให้เธอใส่สักตัว รองเท้าดีๆและเครื่องประดับนิดหน่อย
ณ ห้าง T
ณ LABEL ร้านเสื้อผ้าชั้นนำระดับโลก
“ชุดเดรสออกงานชุดนึง ให้เหมาะกับผู้หญิงคนนี้” ผมกล่าวกับพนักงานก่อนจะผลักหลังจีอาเบาๆไปหาพนักงาน ซึ่งพนักงานเธอก็ก้มหัวเคารพผมและพาจีอาไปเลือกชุด ซึ่งภายในร้านก็ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ เพราะร้านนี้มันมีแต่สิ่งที่คนธรรมดาซื้อกันไม่ได้ ราคาเสื้อตัวหนึ่งต่ำสุดคือหนึ่งหมื่นบาท
จนเวลาได้ผ่านไปพอสมควร จีอาได้ออกมาจากห้องลองชุดด้วยเดรสสีน้ำเงิน และรองเท้าส้นสูง รวมถึงสร้อยคอและแหวนของแบรนด์ LABEL ซึ่งแบรนด์นี้ก็คือแบรนด์ของผมเองนี่แหละ ผมกับจิมมี่ร่วมสร้างมันขึ้นกับมือ
“ทั้งหมดเจ็ดแสนห้าค่ะ” พนักงานกล่าวและผมก็มอบบัตรที่มีจ่ายได้ไม่จำกัดให้เธอ ซึ่งการชำระเงินก็เรียบร้อย สถานที่ต่อไปก็คือไปแต่งหน้าทำผม
“จะรับคอร์สไหนดีคะ?” ผู้จัดการร้านเดินมาถามผมอย่างเป็นมิตรเมื่อได้เห็นชุดที่จีอาสวมใส่
“ให้เธอคนนี้ออกมาดูดีที่สุด” ผมกล่าวและฝากเธอไว้กับผู้จัดการ ส่วนผมก็ไปเดินชมห้างของตัวเองรอเช่นกัน
18 : 25
“สูทค่ะท่าน” อุ้มมอบชุดสูทสีน้ำเงินให้ผมเมื่อได้ยินมาว่าผมซื้อเดรสสีน้ำเงินให้กับจีอา ซึ่งในตอนนี้เราอยู่กันที่บ้านหลักของผม และจีอาก็ดูตกใจมาก เพราะมันหรูสุดๆไปเลย ราวกับคฤหาสถ์ แต่ผมอยู่คนเดียวจริงๆเหรอเนี่ย?
“เดี๋ยวเอาลีมูซีนออกนะ ไปรับคนสี่คน” ผมกล่าวทำให้อุ้มลงไปข้างๆบ้านเพื่อเตรียมรถทันที ส่วนผมก็จัดการแต่งตัวทำผมให้ดี สวมใส่เครื่องประดับและนาฬิกาของแบรนด์ตัวเอง ที่มีหน้าปัดเป็นเพชร มีเรือนเดียวบนโลก ราคายี่สิบกว่าล้าน แต่ที่จริงแล้วผมสร้างมาใส่เองคนเดียวนี่แหละ
“ปะ” ผมส่งเสียงเมื่อเราเดินมาทีหน้าบ้านและอุ้มก็ขับรถลีมูซีนมารับ ซึ่งผมก็ได้ให้จีอาติดต่อเพื่อนๆไปนัดเจอกันที่คาเฟ่ที่เดิม เพราะมันอยู่ใกล้คอนโดพวกเธอพอดี
และเมื่อเรามาถึงร้าน…
“ห้ะ!?” ผมที่ได้เห็นสีหน้าตกใจของพวกเธอถึงกับยกยิ้มมุมปากทันที ก่อนที่ประตูจะเปิดอัตโนมัติ
“ขึ้นมาได้เลย” ผมกล่าวให้พวกเธอมั่นใจ และพวกเธอก็ขึ้นมานั่งด้วยท่าทางเกร็งๆ ซึ่งที่นั่งมันก็เป็นแบบโซฟาแนวขวาง ทั้งยังมีโต๊ะตรงกลางที่วางปอปคอร์นไว้ด้วย และผมก็หยิบมากิน
“เดี๋ยวนะ LABEL!?” เมื่อกิ่งเห็นเดรสที่จีอาสวมใส่ เธออ้าปากค้างเลยทีเดียว
“ท่านใช้บัตรซื้อไปใช่ไหมคะ จอร์นเขาฝากถาม” อุ้มที่เป็นคนขับรถกล่าวถาม
“ใช่ จิมมี่ไปที่ร้านยัง?” ผมกล่าวถามกลับ
“จิมมี่รออยู่ที่ร้านแล้วค่ะ ที่จริงจิมมี่มีไปคุยงานที่ร้านนั้นพอดีเลยค่ะ" อุ้มกล่าวพลางขับรถออกไป
ซึ่งหลังจากนั้นพวกเธอก็พูดคุยกันยกใหญ่เกี่ยวกับรถหรูคันนี้และเดรสของจีอา จนเมื่อเรามาถึงร้าน พวกเราก็ลงไปจากรถและเข้าไปในร้านทันที ซึ่งก็มีพนักงานมารอต้อนรับเรียบร้อยแล้ว
“คุณจิมมี่ได้โปรดฟังอีกสักสามประโยคได้ไหมครับ?” เมื่อเราเดินมาถึงกลางร้าน ผมก็ได้เห็นจิมมี่ที่กำลังจะเดินไปที่โต๊ะจองของเรา แต่ก็ถูกหยุดไว้โดยนักธุรกิจคนหนึ่ง
“อย่าบอกนะว่าจิมมี่ที่เจเคพูดถึงคือคนคนนั้น?” กิ่งกล่าวกับเพื่อนเมื่อได้เห็นคนตรงหน้า
“พอก่อน” จิมมี่กล่าวกับคนที่มาคุยงานก่อนจะเดินมาหาผม
“ท่านครับ” จิมมี่ก้มหัวเคารพให้ผมและทำให้ทุกโต๊ะตกใจมาก เพราะจิมมี่เป็นถึง CEO บริษัทใหญ่ยักษ์ถึงสี่บริษัท และมีหุ้นส่วนกับอีกหลายบริษัททั่วไทย เขาคือคนที่มีอิทธิพลอันดับต้นๆของประเทศไทยเราเลยก็ว่าได้ แต่ในตอนนี้เขากำลังก้มหัวเคารพผมอยู่
“เด็กข้างหลังนี้ดูมีไฟกันดี เดี๋ยวลองคุยดูหน่อยนะ” ผมกล่าวก่อนที่จะเดินนำไปที่โต๊ะ ซึ่งทุกคนคงคิดว่าผมคงเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆ ถึงขนาดที่จิมมี่เคารพ
และเมื่อพนักงานแจกใบเมนูเท่านั้นแหละ
“อึก…” เพื่อนๆของจีอาถึงกับพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว เพราะราคาของมันก็เป็นพันกันทุกจาน ขนาดข้าวไข่เจียวธรรมดาๆยังราคาตั้งห้าร้อย
“ไม่ต้องกังวลนะครับเรื่องค่าอาหารผมจัดการเอง” เมื่อจิมมี่เห็นว่าพวกเธอไม่กล้าสั่ง เขาเลยบอกให้พวกเธอผ่อนคลายลง
“เอ่อ…ข่าวไข่เจียวค่ะ” เพื่อนของกิ่งกล่าว และมันทำให้จิมมี่หัวเราะออกมา
“ไม่ต้องเกรงใจ สั่งได้เลยเต็มที่” จิมมี่กล่าวอีกครั้ง และนี่คือบททดสอบแรก ถึงจะบอกว่าเลี้ยงก็เถอะ แต่ถ้ามากับเจ้ามือ อย่างน้อยก็จะสั่งอาหารที่ถูกที่สุดมากิน
“สปาเก็ตตี้ เห็ดทรัฟเฟิลค่ะ” เคทกล่าว ซึ่งท่าทางของเธอนั้นดูดีมาก จิมมี่ถึงกับให้ความสนใจกับเธอ ผมเองก็เช่นกัน
“ท่านทานแบบเดิมไหมครับ?” จิมมี่กล่าวถามผม
“ไม่ล่ะ…จีอาสั่งอาหารให้หน่อย”
“เอามาหลายๆจานเลยก็ได้” ผมกล่าว ซึ่งจีอาเธอน่าจะคุ้นชินกับการใช้ชีวิตของผมแล้ว และผมอยากให้เธอเลือกเพราะผมไม่มั่นใจว่าเพื่อนๆของเธอชอบกินอะไรกันบ้าง หรืออยากกินอะไร จีอาก็เลยจัดการสั่งอาหารไปสิบกว่าจาน
“แล้วว่ายังไงครับ อยากเปิดบริษัทเหรอ?” จิมมี่กล่าวถามพวกจีอาอย่างเป็นมิตร แต่ดูพวกเธอเกร็งกันไปหมดเลย
“ผมขอฟังแค่ข้อเดียว อะไรที่ทำให้ผมต้องลงทุนกับพวกคุณ” จิมมี่กล่าวทำให้สาวๆถึงกับสะดุ้ง
“หึ…” ผมส่งเสียงหัวเราะเบาๆก่อนที่อาหารของเราจะเริ่มมาเสิร์ฟ
มาดูกันสิว่าพวกเธอจะตอบอะไร ถ้าตอบว่าพวกเธอมีความสามารถ พวกเราก็มีคนที่มีความสามารถมากมายเหมือนกัน ถ้าบอกว่าพวกเธอมีทุกสิ่งอย่างพร้อมไปหมด พวกเราไม่พร้อมกว่าเหรอ? หรือถ้าบอกว่าพวกเธอมียอดผู้ติดตาม มีฐานคนรู้จักที่เยอะมาก เรามีทั้งดารา ทั้งไอดอล วงดนตรี ที่อยู่ในสังกัดเฉพาะ
“คุณจิมมี่คะ… คนที่จะลงทุนกับเราคือเจเคค่ะ” จีอาเป็นคนกล่าวพร้อมกับผมที่ตักกุ้งแม่น้ำชิ้นพอดีคำวางบนจานของจีอา
“แค่คำถามเดียวพวกคุณก็ผวากันไปหมดแล้ว”
“ถ้าพวกคุณได้เจอกับผู้บริหารของบริษัทพันธมิตรในอนาคตจริงๆ”
“พวกคุณจะนั่งเกร็งกันแบบนี้หรือเปล่า?” จิมมี่กล่าวถามต่อ ซึ่งคำถามแรกที่จีอาตอบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรถึงมันต่อ อาจจะเป็นความหมายว่ามันเป็นคำตอบที่ผ่านก็ได้ ซึ่งมันก็จริง จิมมี่ไม่ได้มาลงทุนกับพวกเขา แต่เป็นผม มันถูก แต่ที่ผิดคือพวกเธอควรจะโน้มน้าวจิมมี่ให้มาลงทุนด้วย เพราะถ้ามีจิมมี่คอยซัพพอร์ต ธุรกิจของพวกเธอจะเติบโตไวขึ้นราวกับพลุแตก
“ไม่เป็นแบบนี้แน่นอนค่ะ เป็นเพราะตัวตนของคุณจิมมี่และสภาพรอบข้างในตอนนี้” จีอากล่าว อันนี้ก็จริง เพราะจิมมี่มีแต่คนอยากเข้าหา และผมก็ใช้เส้นให้พวกเธอมานั่งทานอาหารกับจิมมี่ได้ และมันทำให้ทุกคนที่นี่จ้องมาที่โต๊ะของเรา
“พวกคุณต้องพบเจอคนมากมายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“แต่ทำไมถึงกดดันกับ ‘สภาพแวดล้อมแบบนี้ล่ะ?’” จิมมี่กล่าวถามต่อโดยเน้นคำพูดของจีอา ทำให้จีอาแสดงสีหน้านิ่ง
“ไหนบอกคำถามเดียวไงคะ?” จีอากล่าวถามและมันทำให้จิมมี่หัวเราะออกมา
“ท่านเจเค เด็กคนนี้มีของอย่างที่ท่านว่าจริงๆ”
“ผมจะช่วยสนับสนุนครับ” จิมมี่กล่าวและมันทำให้พวกเธอยิ้มดีใจออกมา
“ไหนล่ะมีแผนงานมาให้ดูไหม?” จิมมี่กล่าวถาม
“ให้ดิฉันส่งเป็น Airdrop ไหมคะ?" จีอากล่าวถาม ผมก็เห็นแล้วแหละ ระหว่างนั่งทำผมและตอนมาร้านอาหารเธอนั่งเขียนอะไรบางอย่างลงในไอแพด
“มาสิ” จิมมี่กล่าว และทั้งสองก็พูดคุยกันพอสมควร ซึ่งจากที่ผมดูท่าทางของจิมมี่แล้ว มีโอกาสมากเลยทีเดียวที่จิมมี่จะยอมรับข้อเสนอแทบทุกอย่างของจีอาและเข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
“เธอชื่อจีอาใช่ไหม?…รับนี่ไปสิ” จิมมี่กล่าวก่อนจะมอบซองเอกสารให้เธอ ซึ่งเมื่อเธอรับมันมาและเปิดดู มันทำให้เธอน้ำตาไหลทันที
“อย่าเข้าใจผิดล่ะ ท่านเจเคเป็นคนสั่งให้ผมทำ” จิมมี่กล่าว เพราะในเอกสารนั้นคือใบมอบอำนาจประธานบริษัท วาฬฟู๊ด หรือก็คือบริษัทร้านอาหารทะเลที่เน้นเกี่ยวกับเนื้อปลาวาฬ โดยมีกว่าสี่สิบสาขาทั่วไทย ซึ่งมันคือบริษัทที่พ่อของจีอาสร้างขึ้นมานั่นเอง
“หลังจากที่เธอเซ็น เธอจะต้องดูแลสองบริษัทควบคู่กัน”
“เธอจะไหวหรือเปล่า?” จิมมี่กล่าวถาม
“แน่นอนค่ะ ฉันไม่ได้คิดจะทำอย่างเดียวอยู่แล้ว” จีอากล่าวจบก็อ่านรายละเอียดในเอกสารอย่างรอบครอบและเซ็นสัญญา ซึ่งสายตาของจิมมี่ได้ส่งเป็นความหมายนัยๆว่าเธอคนนี้ผ่าน มีอนาคตไกลแน่นอน