มึงพี่กูจริงป่าววะ!?
“ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล้าครับ ผมจ่ายเอง” ผมกล่าวและมันทำให้พวกเธอบางคนผ่อนคลายลงบ้าง เพราะถ้าหารกันแล้วคงจะตกคนละพันกว่าบาทละมั้ง
“ไม่ได้ค่ะ เราพูดแล้วว่าจะหารกันแต่ถ้าเป็นเหล้าคงจะไม่ไหว”
“งั้นมิกเซอร์หลังจากนี้เราจะหารกันเองค่ะ” กิ่งกล่าว และมันทำให้ผมประทับใจเธอมาก ไม่ผิดคำพูด แม้จะดูลำบากแต่ก็ยังหาช่องทางให้ไม่เกินตัวได้
“ชิงช้าด้วยเหรอคะ!?” และเมื่อชิงช้าอีกสองอันมาวางบนโต๊ะ พวกเธอก็ตกใจกันไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าผมก็บอกว่าผมจ่ายเอง จนพวกเธอเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเหล้าบนโต๊ะ
“เธอ ขอไอจีหน่อยได้ไหมจะแท็ก” กิ่งกล่าวและยื่นโทรศัพท์ให้ผม
“เจเคเขาไม่เล่นไอจีน่ะ” จีอาเป็นคนกล่าวแทนผมเพื่อให้น่าเชื่อถือขึ้น แต่พวกเธอกลับมองผมด้วยสายตาแปลกๆ
“เธอมีแฟนแล้วเหรอ พวกเราไม่ได้อะไรนะแค่เมคเฟรนด์กันไว้” กิ่งกล่าว
“เราไม่เล่นไอจีจริงๆ” ผมกล่าวก่อนจะเปิดโทรศัพท์ให้พวกเธอดูว่าในโทรศัพท์ของผมมีแค่ไลน์กับยูทูปและติ๊กต๊อกที่เป็นแหล่งโซเชียล
“ไหนจะสั่งเหล้าอะไรกันเดี๋ยวพี่เลี้ยงโปรนึง” ชายคนนึงเดินมาที่โต๊ะของเราแล้วกล่าว ซึ่งเขาน่าจะเป็นพี่ชายของกิ่งที่ชื่อก้าน
“โห” และเมื่อเขาเห็นว่าเหล้าบนโต๊ะคืออะไรทำให้เขาตกใจมากทันที พร้อมกับหันมามองผม เดาว่าในความคิดของเขาคือคิดว่าผมเป็นคนจ่าย ซึ่งมันก็ถูก
“แฟนของเราเหรอจีอา?” คนชื่อก้านกล่าวถาม
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนในสาขาค่ะ" จีอากล่าว
“สวัสดีครับ” พร้อมกับก้านที่เดินมาหาผม เขาน่าจะอยากสร้างชื่อเสียงตัวเองบ้าง ในฐานะผู้ถือหุ้นของร้าน เขาพาลูกค้ามีคลาสเข้าร้าน ซึ่งการพูดคุยของเราผู้จัดการร้านก็เห็นทันที เขาจึงไม่ค่อยแปลกใจที่ผมสั่งเหล้าแพง
“เหล้านี้พี่ช่วยจ่ายไหมหนึ่งโปร?”
“เพราะยังไงพี่ก็ต้องขอโทษน้องๆด้วยเกือบทำโต๊ะหลุด” ก้านกล่าวถามผม
“ค่อยเลี้ยงพวกน้องๆคราวหลังก็ได้ครับ" ผมกล่าวและยิ้มออกมา
“พวกน้องๆ? เราอายุเท่าไหร่?” ก้านกล่าวถามผม
“ยี่สิบห้าครับ” ผมกล่าวออกไปและมันทำให้ทุกคนในโต๊ะตกใจมาก เพราะได้ยินมาว่าผมเป็นเพื่อนในสาขาของจีอา แต่ไม่คิดว่าอายุของผมจะมากขนาดนี้ ก็คงไม่แปลกแหละที่จะมีเงินเยอะ ไม่บ้านรวยก็หาเงินเก่งจนไม่ได้สนในเรื่องเรียน
“ก็เท่ากับเราเลยสิ” ก้านกล่าว และพวกเราก็พูดคุยกันไปเยอะพอสมควรก่อนที่ก้านเขาจะไปทำงานของตัวเอง
24 : 00
“มึงง โคตรเมาเลยอ่าา” กิ่งกล่าวด้วยท่าทางมึนเมา ก็แน่ล่ะเล่นใส่โค๊กผสมกับเหล้าอย่างเดียวก็เมาไวสิ ส่วนผมใส่เหล้ากับน้ำเปล่าและโซดา โดยในตอนนี้เหล้ามันก็เหลือขวดสุดท้ายแล้ว ทุกคนก็เริ่มเมากันหมดทั้งโต๊ะ เหลือเพียงจีอาที่ไม่ได้กินเยอะ เพราะเธอต้องคงสติตัวเองเอาไว้เมื่อนั่งข้างผม เนื่องจากในตอนนี้ผมเป็นเจ้านายของเธออยู่
“กิ่ง ตำรวจลงเรารีบตามพี่มาเร็ว” ก้านเดินมาที่โต๊ะของเราแล้วกล่าวให้เพื่อนๆของกิ่งทุกคนเดินตามไปหลังร้าน แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว เพราะตำรวจเข้ามาไวมาก แถมพวกเขายังได้สั่งให้เปิดไฟและปิดเพลงกันแล้วด้วย ก้านถึงกับมีสีหน้าตึงเครียดทันทีและเดินไปคุยกับตำรวจ
ครืดๆ
“ว่าไง?” ผมกล่าวถามปลายสายที่โทรหาผม นั่นก็คือเอ็กเซล
“ออกมาจากร้าน เรามีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย” เอ็กเซลกล่าว
“รอแปปนึงพอดีมีเรื่องในร้านเหมือนกัน” ผมกล่าวก่อนจะกดวางสายไป
“ทำไมวันนี้ตำรวจลงล่ะ?” ผมกล่าวถามก้าน
“น่าจะมีสายตำรวจเข้ามาในร้าน” เขากล่าว แต่ผมกลับคิดอีกแบบ ร้านน่าจะจ่ายให้ตำรวจไม่ถึงมากกว่า
“จะทำยังไงดี?” จีอากล่าว เพราะถ้าโดนจับเรื่องบัตรเดี๋ยวมันจะมีเรื่องเงินที่ต้องจ่ายอีก จีอาจึงเป็นกังวลมาก และเพื่อนๆของเธอก็เมากันหมดทุกคนแล้วด้วย
“เดี๋ยวจัดการเอง” ผมกล่าวเมื่อได้เห็นเอ็กเซลเดินเข้ามาในร้านโดยมีการ์ดคอยห้าม แต่ก็ไม่มีใครห้ามเขาอยู่ ซึ่งเขาก็กำลังมองหาผม และเดินมาทางผมทันที
“ท่านครับเราเกิดปัญหา เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้" เอ็กเซลเดินมาหาผมพร้อมกับก้มหัวให้ผม ซึ่งพวกตำรวจก็ได้เดินมาหาเอ็กเซลทันที
“กลับไปนั่งที่ด้วยครับ” ตำรวจกล่าวพร้อมกับผลักเอ็กเซลเบาๆ แต่เอ็กเซลในตอนนี้ดูเหมือนจะเดือดจัด เขากระแทกตำรวจออกไปทันที ทำให้ตำรวจหลายนายเดินมาที่เรา
“ยกมือขึ้น!” ตำรวจนายนึงกล่าวและพยายามจะเข้ามารวบมือเอ็กเซล แต่ก็โดนเอ็กเซลรวบกลับและผลักออกไปเหมือนเดิม ทำให้ทุกคนทั้งร้านหันมามองเหตุการณ์นี้เป็นตาเดียว
“ยกมือขึ้นเดี๋ยวนี้!!!” ตำรวจยศสูงเดินมาและยกปืนขึ้นมาชี้พวกเรา
“อะไรวะ!” เอ็กเซลที่โกรธมากๆเขาจึงจะหยิบปืนออกมาจากในสูท แต่ผมก็ยกมือห้ามเอาไว้และลุกขึ้น
“ฮัลโหล ลุงเข้มครับผมเจอสถานการณ์ลำบากนิดหน่อยช่วยคุยให้หน่อยนะครับ” ผมกล่าวกับปลายสายซึ่งก็คือ ผบตร. และผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้กับตำรวจที่ถือปืน พวกเขาคิดว่าพวกเราน่าจะมีของในตัวอะไรประมาณนั้น จึงจะใช้ปืนขู่ แต่ถ้าเอ็กเซลมันยกปืนขึ้นมาแล้วเดี๋ยวเรื่องจะไม่จบ ที่ไม่จบเพราะตำรวจที่มาลงวันนี้จะได้ไปคุยกันนอกรอบ
“ครับ…ครับ” เมื่อตำรวจนายนั้นได้คุยกับปลายสาย เขาก็ค่อยๆลดปืนลงจนเก็บปืนไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม
“ออกไป” ผมเดินไปกระซิบกับตำรวจยศสูง ซึ่งเขาก็หันไปสั่งลูกน้องกลับทันที
“ก้าน เดี๋ยวจัดการเรื่องต่อให้นะ สนุกกันได้เลย”
“จีอา ไปก่อนนะถ้าเกิดอะไรขึ้นโทรมา”
“หรือยกบัตรนั้นขึ้นมาก็ได้” ผมกล่าวพร้อมกับพวกตำรวจหลายสิบนายค่อยๆเดินออกจากร้านไป
“มึงลุกลี้ลุกรนอะไรวะเอ็กเซล” ผมกล่าวก่อนที่จะเดินนำเอ็กเซลออกไปจากร้าน ซึ่งก้านเขาก็เดินตามผมมาด้วย
“แม่งมีคนมาเผาเรือส่งน้ำมันเราสองลำ”
“เหมืองขุดบิตคอยน์ก็โดนตัดไฟเครื่องขุดพังไปร้อยกว่าเครื่อง” เอ็กเซลกล่าวพร้อมกับพวกเราที่เดินออกมาหน้าร้านพอดี ซึ่งหน้าร้านพวกตำรวจก็กำลังยืนออกันอยู่ เพราะพวกเราโดนล้อมไปด้วยชายชุดดำ ซึ่งพวกเขาดูน่ากลัวกว่าตำรวจซะอีก เพราะแต่ละคนเชื่อว่ามีอาวุธอยู่บนตัวแน่ๆ
“รบกวนปล่อยตำรวจออกมาด้วยครับ” ชายกลุ่มนึงได้เดินมากล่าวกับชายสูทดำ ซึ่งสูทดำนั้นก็คือพรรคพวกของเรา มีมากกว่าสามสิบคน มากับรถตู้นับสิบคันที่จอดอยู่หน้าร้าน และคันที่อยู่ใกล้ที่สุดกำลังเปิดประตูรอเราอยู่
“ขึ้นรถ!” เอ็กเซลกล่าวสั่ง ซึ่งชายที่มาบอกให้ปล่อยตำรวจนั่นก็คือหัวหน้างานความมั่นคงแห่งชาติที่จับตามองผมอยู่
“แล้วมีอะไรอีก?” ผมกล่าวถาม เพราะเรื่องแค่นี้จัดการไม่ยากหรอก แต่เรื่องที่มันเดือดจริงๆน่าจะเป็นเรื่องอื่นซะมากกว่า
“น้องสาวมึงเกือบถูกจับตัวไป แล้วก็อุ้มโดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส” เอ็กเซลกล่าวก่อนจะเดินขึ้นไปบนรถตู้ ส่วนผมเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ตุบ
ฟุบ
ผมได้ชกไปที่ประตูรถอย่างจังจนทำให้คนแถวนั้นสะดุ้งกันไปหมด ก่อนที่ผมจะเข้าไปในรถและปิดประตูรถ รอยชกนั้นยังเป็นรอยกำปั้นของผมอยู่เลย ผมไม่กลัวการสูญเสียอย่างอื่นหรอกนอกจากน้องของผมทั้งสองคน และเรื่องที่เอ็กเซลมันเดือดผมก็เข้าใจแล้ว เพราะอุ้มเป็นแฟนของมัน และเจดี้ก็เป็นเสมือนน้องสาวของมันด้วยเช่นกัน
ณ โรงพยาบาล
“อุ้ม…” เอ็กเซลจับมืออุ้มด้วยความเจ็บปวด ทั้งแขนทั้งมือของเขาสั่นไปหมด อุ้มอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสมากจริงๆนั่นแหละ ถูกยิงสามนัด แต่ยังดีที่ไม่เข้าจุดตาย ถูกของมีคมบาดเจ็ดแผล แขนซ้ายหัก หมอบอกว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง อาจจะหลับไปนานพอสมควร
“ฮิว…” ผมเรียกคนคุ้มกันส่วนตัวของผม ซึ่งเขาได้ยืนอยู่ข้างๆผม เขาเป็นคนไปช่วยอุ้มออกมาจากการโดนรุมทำร้ายจากคนเกือบยี่สิบคน และผมเชื่อว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คนธรรมดา น่าจะเป็นนักฆ่า เพราะอุ้มเองก็มีฝีมือใช่เล่น
“ไอพวกตัวเล็กตัวน้อยสั่งเก็บเลย”
“ส่วนหัวหน้ามันเดี๋ยวจะไปคุยเอง” ผมกล่าว เพราะระหว่างทางผมได้ข้อมูลมาแล้ว มันคือ จัสติน พ่อเป็นมาเฟียตัวใหญ่จากจีน แม่เป็นคนอิลตาลี และมันต้องการจะเข้ามาแบ่งธุรกิจกับผมที่ไทยรวมถึงธุรกิจนอกประเทศ แต่ผมก็ปฏิเสธมันไปทุกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ดูเหมือนจะเล่นหนักกันเกินไปแล้ว
“กูไปด้วย” เอ็กเซลกล่าวเสียงแข็ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมกลัวเกรงอะไรมันเลย ถ้าเป็นคนรุ่นมันแล้วคงจะมีหวั่นๆบ้าง ด้วยจิตสังหารของมัน สายตาอาฆาตแค้นสุดๆ
“มึงนั่งลง” ผมกล่าวพร้อมกับจับไหล่ของมันและใช้แรงทั้งหมดบังคับให้มันนั่งลงที่เดิมข้างๆเตียงผู้ป่วย
“เจเคกูขอแค่เรื่องนี้!” เอ็กเซลกล่าวและพยายามฝืนลุกขึ้น
“งั้นไปจับมันมา และอย่าฆ่ามัน"
“มึงทำได้ไหม?” ผมกล่าวถามกลับไป ซึ่งเอ็กเซลมันก็ใช้เวลาคิดสักพัก
“ได้” มันกล่าวด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ทำให้ผมยอมปล่อยมันไป มันก็เดินออกไปกับฮิวทันที ส่วนผมก็ยืนอยู่ในห้องผู้ป่วยและมองดูเลขาของตัวเองก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นหน้าประตูและประตูก็ถูกเปิด
“ถอยไปนะ!” เสียงใสกล่าวพร้อมกับถีบชายสูทดำกระเด็น ซึ่งเธอก็คือเจดี้ น้องสาวของผม
“พี่อุ้ม…” เมื่อเธอได้มาเห็นสภาพของอุ้ม เธอถึงกับน้ำตาไหลออกมาทันที
“แมว ย้ายที่พักของเจบีและเจดี้เดี๋ยวนี้เลย” ผมหันไปกล่าวกับแมว ซึ่งเธอก็ก้มเคารพผมก่อนจะออกไปจากห้อง ทำให้เหลือเพียงสองพี่น้องและอุ้มที่นอนไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง
“พี่! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
ผลั๊วะ
“ฉันจะไม่ยอมแล้วนะเว้ย!” เจดี้พุ่งเข้ามาชกหน้าผม และผมก็ไม่หลบ ถ้าคนปกติโดนหมัดนี้คงจะมีเซกันบ้างและ
ตุบๆๆๆๆ
“ได้โปรด…” เจดี้กล่าวขอร้องผมก่อนจะทุบหน้าอกผมรัวๆ
“พี่เจเค!!” เจดี้ตะโกนเสียงดังเมื่อผมยังคงเงียบอยู่
“พี่มีความรู้สึกบ้างไหมวะ?” เจดี้กล่าวถามผม
“เจดี้ บางทีความเงียบมันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้สึก” ผมกล่าว
เพลี๊ย!
“ก็พูดออกมาได้ดิ มึงพี่กูจริงหรือเปล่าวะ!?” เจดี้ตบหน้าผมดังลั่นแล้วกล่าว น้องสาวของผมเป็นแบบนี้แหละ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงแต่นิสัยและการกระทำคล้ายๆผู้ชาย ไม่กลัวใคร ห้าว ไม่สนโลก แต่เธอก็เป็นคนที่จิตใจดี
“ถ้ากูยิงตัวตายไปมึงจะรู้สึกเสียใจบ้างไหม!?” เจดี้ใช้ความไวแย่งปืนไปจากสูทของผมและเอามาจ่อหัวตัวเอง
“รู้วิธีปลดล็อคปืนแล้วรึไง?” ผมกล่าวถามกลับไป
“เอามานี่” ผมกล่าวอีกครั้งก่อนจะยื่นมือไปจับปืนและดึงกลับมาไว้ในกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม
“ฮึก..ฮืออ”
“พี่แม่งเป็นคนจริงๆไหมวะ?” เจดี้ปล่อยโฮออกมาก่อนจะทรุดลงไปนั่งบนพื้น
“แน่นอนสิ เรายังต่อยพี่อยู่เลย” ผมกล่าวและมันทำให้เจดี้ร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม
“ท้อว่ะแม่ง” เจดี้กล่าวก่อนจะถีบขาผม และมันทำให้ผมเซเล็กน้อย
ฟึบ
“วินเซนต์ดูแลที่นี่ต่อด้วย” ผมกล่าวก่อนจะเดินสวนกับวินเซนค์ออกไปจากห้อง ซึ่งภายนอกนั้นมีชายสูทดำมากกว่าสิบคนยืนอยู่ และเมื่อผมออกมาพวกเขาก็ก้มหัวเคารพผมทันที
“จิมมี่ ธุรกิจในไทยของพวกมันถอนรากถอนโคนให้หมดเลย” ผมกล่าวเมื่อจิมมี่กำลังเดินมาหวังจะมาดูอาการของอุ้ม แต่กลับโดนผมสั่งงานเพิ่มซะงั้น ซึ่งเขาก็พยักหน้าตอบรับและผมก็เดินออกไปจากที่นี่พร้อมกับชายสูทดำสิบคน