บท
ตั้งค่า

จีอา

ทองหล่อ

ณ ห้องอาหารหรูแห่งหนึ่ง

“เดือนนี้เราทำยอดได้เยอะมากครับ เดี๋ยวจะส่งให้ทีหลังนะ” ชายคนที่ผมกำลังตามหากล่าว และผมก็ได้เข้ามาในห้องนี้พอดี และพวกเขาก็ไม่ได้สนใจผมเพราะคิดว่าผมเป็นพนักงาน

“ได้ครับ บัญชีหลังบ้านนะ” ผบตร.กล่าว ก่อนจะยกมือขึ้นกวักมือเรียกพนักงานที่เพิ่งเข้ามาหรือก็คือผม

“เราไม่ได้สั่งอะไรนะครับ” ผู้จัดการที่นั่งอยู่ข้างชายคนนั้นกล่าว

“ไม่เป็นไรท่านผบ.อยากสั่งอะไรก็สั่งเลยครับ” M หรือชายคนที่ผมกำลังตามหากล่าวเอาใจโดยไม่รู้เลยว่าผมได้เข้ามาประชิดตัวเขาแล้ว

ฟุบ

ผมนั่งลงบนโซฟานิ่มๆและใช้มือหยิบกุ้งแช่น้ำปลาขึ้นมากิน ทำให้คนทั้งโต๊ะหันมามองผมเป็นตาเดียว บางคนก็ไม่รู้จักผมพวกเขาถึงกับมองผมด้วยสายตาโกรธ แต่คนที่รู้จักผมกลับทำสายตาเลิ่กลั่กกันไปหมด การปรากฏตัวของผม ถ้าหากไม่ได้มาเพราะธุระ ก็มาเพราะมีคนล้ำเส้น เพราะผมคงไม่มานั่งดื่มนั่งกินอะไรแบบนี้ด้วยหรอก

“ท่าน…” ผู้จัดการเครือไดมอนด์เมื่อเห็นผมเขาก็ก้มหัวเคารพผมทันที

“เจเค ไม่โทรมาบอกก่อนล่ะว่าจะมา” ผบตร.กล่าว และการที่คนใหญ่คนโตกล่าวกับเด็กอย่างผมแบบนี้ มันทำให้คนที่ไม่รู้จักผมถึงกับก้มหัวเงียบกริบ

“พวกมาเฟียจีนที่มันคุ้มกันลุงอยู่ตายไปหมดแล้วนะครับ" ผมกล่าวกับลุงเอ็ม แต่การมากล่าวอะไรแบบนี้ต่อหน้าตำรวจนี่มันใช่เรื่องจริงๆเหรอ? ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้ให้อุ้มไปลอบสังหารพวกมันที่อยู่รอบร้านเป็นที่เรียบร้อย และให้เธอขับรถไปล่าต่อได้เลย เพราะเลขาของผมอีกคนที่เป็นคนคอยเก็บงานให้ผมมารอถึงที่แล้ว และเขาก็อยู่หน้าประตูห้องนี้แหละ

“เจเค เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” ผบตร.กล่าวถามผมก่อนจะหันไปมองลุงเอ็มที่เหงื่อแตกพลั่ก

“พ่อของผม…คงจะดูคนผิดไปจริงๆสินะ” ผมกล่าวเมื่อลุงเอ็มไม่กล่าวอะไรออกมา แสดงว่าเขายอมรับทุกอย่างโดยที่ผมไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากมาย

ฟึบ ฟุบ

“เห้ย!?” เพียงพริบตาผมหยิบปืนเก็บเสียงขึ้นมาและลั่นไกลไปที่หัวของลุงเอ็มทันที และมันทำให้พวกตำรวจตกใจกันมาก แต่ผบ.ตร.เขาก็ยังห้ามคนของตัวเองไว้ไม่ให้เสียงดัง

“ไม่ต้องห่วง ลุงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพวกจีน” ผบตร.กล่าวอย่างใจเย็น แต่ดูเหมือนลูกน้องของเขาที่มาด้วยกันจะอยู่ในสภาวะแตกตื่นกันไปซะหมดเลยนี่สิ

“ผมรู้…”

“วินเซนต์” ผมเรียกชื่อเลขาคนเก็บงานของผม และเขาก็เข้ามาในห้องพร้อมกับจัดการพาร่างไร้วิญญาณนี่ออกไปหลังร้านโดยมีพนักงานร้านคอยนำทางให้ เขาจะไปจัดการหลักฐานทุกอย่างทิ้ง ซึ่งท่าทางของ ผบตรก็ไม่ได้ดูตกใจอะไรมากนัก มันก็แน่แหละ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น ทำให้เขาต้องทำตัวใจเย็นเข้าไว้

“ลุงเข้มเป็นยังไงบ้างครับ” ผมกล่าวทักทายผบตร. ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่พ่อของผมผลักดันให้กลายเป็นผู้บังคับการตำรวจ ที่จริงก็มีอีกขั้วอำนาจหนึ่งพยายามผลักดันตำรวจยศใหญ่อีกคนเหมือนกัน แต่ถ้าพ่อของผมลงสนามแล้วก็ไม่แพ้แน่นอน ไม่มีใครกล้าขัดใจพ่อของผมหรอก รวมถึงตัวผมเองด้วย

ฟึบๆๆๆ

“อยากได้เท่าไหร่ก็เขียนเลยครับ” ผมกล่าวพร้อมกับยื่นเช็คและปากกาให้กับผบตร.

“เจเคเขียนเองเลยดีกว่าครับ” เขากล่าว ดูเหมือนเขาจะเกรงผมมาก

“นี่ลูกน้องใหม่เหรอครับ?” ผมกล่าวถามเพราะรองผบคนก่อนที่ผมเจอไม่ใช่คนนี้ ที่จริงก็ได้ยินมาว่าเขาไปล้ำเส้นเอ็กเซลมากเกิน ไป เอ็กเซลมันก็เลยปิดปากซะ

“ใช่ เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเลย” ลุงเข้มกล่าวก่อนที่ผมจะเซ็นเช็คให้ห้าล้านเก้าแสน

“ขอให้ทำงานอย่างราบลื่นนะครับ” ผมกล่าวก่อนจะถอดแหวนทองหนึ่งบาทและมอบให้กับรองผบคนใหม่ ซึ่งเขาก็ยื่นมือมาสองมือเพื่อรับแหวนวงนั้นไป

“ผู้จัดการ คืนนี้เรียกประชุมเครือไดมอนด์ด้วยนะ” ผมหันไปกล่าวกับผู้จัดการที่มากับลุงเอ็ม ที่จริงผมรู้ว่าเขามีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วคงจะโดนบังคับซะมากกว่า

“ท่านผบ.จะไม่แนะนำหน่อยเหรอครับ?” รองผบกล่าวเมื่อผมลุกขึ้นจากโต๊ะ ซึ่งผมก็ได้ยินพอดีแม้เสียงจะเบาก็ตาม

“ไม่ต้องไปรู้จักเขาหรอก อยู่เงียบๆแหละดีแล้ว”

“บางเรื่องไม่รู้จะดีกว่า” ผบตร.กล่าวสั่งสอนลูกน้องของตัวเองผมจึงพยักหน้าและเดินออกไปจากที่นี่

22 : 00

ที่จริงวันนี้ผมมีเรียน แต่ผมไม่ได้เข้าเรียน เพราะผมขี้เกียจไปนั่งฟังบรรยาย ผมก็เลยไปนั่งผ่อนคลายที่สระว่ายน้ำที่บ้านซะแทน ซึ่งในตอนนี้ผมก็ได้มานั่งอยู่ในห้องประชุมใหญ่ของผับไดมอนด์สาขาหลักเป็นคนแรก โดยในการประชุมครั้งนี้จะมีแต่ผู้บริหารระดับสูงในเครือเท่านั้น ถ้าหากมองว่าโดยปกติแล้วพวกเขาจะเป็นคนสั่งประชุมลูกน้องและสั่งงาน ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมสั่งประชุมและจะมอบงานให้พวกเขาทำ พวกเขาก็จะไปส่งงานต่ออีกทีหนึ่ง

“อึก..” และเมื่อผู้บริหารพวกนั้นเข้ามาพบว่าผมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาถึงกับสะอึกทันที นี่ผมมานั่งรอตั้งแต่ตอนไหนกันแน่?

“เมื่อไหร่จะมากันครบ?” ผมหันไปกล่าวถามจิมมี่ เขาคืออีกหนึ่งในเลขาทั้งเจ็ดของผม และเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุดเลยก็ว่าได้ เขาเป็นคนคอยคุมธุรกิจทุกอย่าง มีอำนาจรองเพียงผมเท่านั้น และการกล่าวของผมทำให้ผู้บริหารระดับสูงทุกคนถึงกับสะดุ้งกันเลยทีเดียว

“มาครบแล้วครับท่าน” จิมมี่กล่าว ก็แน่ล่ะ ที่ว่างที่สุดท้ายคือที่ของลุงเอ็ม และผมเพิ่งจะฆ่าเขาไปวันนี้นี่เอง

“งั้นมาเริ่มกันเลย เอาล่ะง่ายๆ”

“ไดมอนด์ จะไม่ใช่ผับอย่างเดียว”

“เราจะทำให้มันกลายเป็นร้านเหล้าด้วยและเน้นตลาดไปที่กลุ่มนักศึกษา”

“ผมขอแค่สองที่ หนึ่งคือมหาลัยเกษตร”

“อีกหนึ่งคือห้วยขวาง…” และเมื่อผมกล่าวถึงห้วยขวางมันทำให้หลายคนแสดงสีหน้าสับสนออกมา เพราะแถวนั้นมันเป็นแหล่งรวมงานเอ็นเตอร์เทน ลาดพร้าว สะพานควาย เรียบด่วน แต่จะเอาร้านเหล้าไปเปิดที่นั่นงั้นเหรอ?

“ในเมื่อ..น้ำมันเต็มแก้วแล้ว”

“ก็แค่เทน้ำใส่แก้วใหม่ก็พอ”

“และผมเชื่อว่าเราไม่ต้องมานั่งลุ้นหรอกว่าจะมีลูกค้าไหม”

“ในเมื่อทุกคนที่อยู่ที่นี่คือเหล่าผู้บริหารที่เก่งที่สุดและผมเชื่อมั่นในความสามารถที่สุด”

“แค่นี้แหละ” ผมกล่าวจบก็ลุกขึ้นและหยิบหน้ากากสีดำออกมาจากสูทของผมและเดินไปหลังร้าน ปล่อยให้พวกผู้บริหารเขาพูดคุยกันเอง ผมให้หัวข้อพวกเขาไป และพวกเขาก็จะทำมันให้เป็นรูปเป็นร่างตามที่ผมสั่ง

“ค่ะ ถึงน้องจะสวย จะหุ่นดีหรือน่ารักมากก็ตาม”

“น้องดีไปซะทุกอย่าง แต่อายุของน้องยังไม่ถึง”

“และอีกอย่างนึงคือน้องยังไม่เข้าใจในงานเอ็นเตอร์เทน”

“มันไม่ใช่แค่มานั่งกินเหล้ากับลูกค้าเฉยๆนะคะ” แม่เลานจ์กล่าวกับหญิงสาวคนนึง ซึ่งตอนนี้เธอกำลังคัดเด็กเอ็นสาวๆมาเข้าร้านใหม่อยู่ ซึ่งในผับของเราไม่ได้มีเพียงแต่เด็กเอ็นผู้หญิงเท่านั้น บาร์โฮสเราก็มี ใครๆก็อยากมาทำงานนี้ บ้างก็ทำงานเสริม บ้างก็ทำเป็นงานหลักเลยทีเดียว เพราะคืนนึงได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท ผมจึงเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้อง

และผมก็ยืนดูเหตุการณ์ตรงนี้อยู่สักพักจนสาวๆที่ยืนเรียงหน้ากระดานกันอยู่หันมามองผมเป็นตาเดียว เนื่องจากพวกเธอได้ถอดเสื้อถอดกางเกงเหลือเพียงแต่ชุดชั้นในเพื่อให้มาม่าเช็คของ ดูหุ่น แต่ผมเป็นผู้ชาย ผมไม่สมควรมาอยู่ตรงนี้

“มีผู้ชายเข้ามาค่ะ…” หญิงสาวที่ยืนเรียงหน้ากระดานคนนึงกล่าวและทำให้แม่เลานจ์คนนั้นหันมามองผม

“ท่านเอส…” เมื่อเธอเห็นผม จากท่าทีที่ดูยิ่งใหญ่มีอำนาจกลับก้มหัวเคารพผมอย่างสุภาพเรียบร้อย ทำให้พวกเธอเข้าใจได้ทันทีว่าผมน่าจะมีอำนาจมากๆในผับแห่งนี้ โดยชื่อเอสที่เธอเรียกผมคือชื่อในวงการเมื่อผมสวมใส่หน้ากาก

‘สายตาของเธอคนนั้น…’ ผมคิดในใจเมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นของหญิงสาว ดูเหมือนเธอกำลังแบกรับภาระที่หนักอึ้ง และไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องการทำงานนี้เพื่อหาเงินให้ได้ ผมเจอมาเยอะ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ ผมรู้สึกคุ้นๆหน้าของเธอ เพราะผมได้เห็นการพูดถึงตัวตนของเธอที่เป็นเด็กใหม่ในคณะบริหารของมหาลัยที่ผมเรียนอยู่ เธอถูกบูลลี่เยอะมากๆในเรื่องฐานะการเงิน และนั่นน่าจะเป็นเพราะรูปลักษณ์ของเธอมันดีไปหมด ทำให้มีคนอิจฉาและเริ่มจิกกัดเธอในโพสต์ของกลุ่มมหาลัย

ที่จริงเธอได้ถูกทาบทามให้ไปแข่งขันเป็นดาวมหาลัยด้วยซ้ำ แต่เธอก็ปฏิเสธไป จากที่ผมอ่านข่าวในมหาลัย มันก็สนุกดีเหมือนกันนะการได้มาเห็นคนพูดคุยกัน นินทากัน แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้นกับผู้หญิงคนนึงแบบนี้ด้วย?

“เธอคนนี้อายุเท่าไหร่?” ผมเดินไปกล่าวถามใกล้ๆ และจ้องมองหน้าตาของเธอชัดๆ ถ้าหากปั้นดีๆเธอเป็นดาราหรือนางแบบได้เลยนะนี่

“สิบเก้าค่ะ” แม่เลานจ์กล่าว ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้ว เราไม่รับคนที่ต่ำกว่ายี่สิบเข้าร้านเด็ดขาด เพราะเราถูกจับตามองจากทุกที่ มีสายเข้ามาในร้านของเราทุกวันเพื่อรายงานคนที่คิดจะต่อต้านพวกเรา

“ที่นี่มันไม่เหมาะกับเธอหรอก มาเถอะมีงานให้ทำ” ผมกล่าวก่อนจะจะยกมือขึ้นมาแล้วใช้นิ้วหมุนๆรอบตัวเธอให้เธอสวมใส่เสื้อผ้า

“น้องไม่ต้องกลัวนะคะ ท่านเอสคนนี้คือคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเครือไดมอนด์ค่ะ” แม่เล้านจ์กล่าว ทำให้เธอยอมรับข้อเสนอของผม ซึ่งแน่นอนว่าผับของเราไม่มีการขายบริการแต่อย่างใด นั่นคือกฏเหล็ก และเหล่ามาม่าซังจะดูแลเด็กเอ็นเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้ลูกค้าล่วงเกินพวกเธอมากเกินไป ชื่อเสียงผับของเราจึงดูดีที่สุด

“เธอชื่ออะไร?” ผมกล่าวถามเมื่อเราขึ้นมานั่งบนรถโดยมีจิมมี่เป็นคนขับรถ ซึ่งจิมมี่คนนี้ทุกคนก็รู้จักเขาดี เขาไปออกงานแทนผมบ่อย และมีชื่อเสียงพอๆกับ CEO บริษัทใหญ่ รวมถึงเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากมาย แต่จิมมี่คนนั้นกลับกลายเป็นเพียงคนขับรถให้ผม

“จีอาค่ะ” เธอกล่าวออกมา ทำให้ผมมั่นใจมากกว่าเดิมว่าเธอมีเชื้อสายเกาหลี แต่คนเกาหลีมาอยู่ไทยเนี่ยนะ?

“งานที่จะให้ทำคืออะไรคะ?” เธอกล่าวถามด้วยความสงสัย

“เป็นพี่เลี้ยงเด็ก อายุราวๆมัธยม” ผมกล่าว

“เอ่อ…พอดีว่าฉันต้องใช้เงินจำนวนมาก” จีอากล่าว

“มากนั่นเท่าไหร่ล่ะ สิบล้าน?” ผมกล่าวถามก่อนจะถอดหน้ากากออก

“มะ ไม่ได้มากถึงขนาดนั้น”

“เดี๋ยวนะ หน้าตาของนายคุ้นๆ” เธอกล่าวเมื่อได้เห็นหน้าของผม

“โปรดพูดกับนายท่านดีๆด้วยครับ” จิมมี่กล่าวเสียงแข็ง

“อึก…" จีอาที่รับแรงกดดันไปเมื่อครู่ เธอถึงกับนั่งนิ่งเงียบไปเลยทีเดียว

“นายท่าน…” จิมมี่กล่าวพร้อมกับเหลือบมองกระจกข้าง ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเรากำลังถูกสะกดรอยตาม

“เอาล่ะ ดูเหมือนจะไม่ค่อยปลอดภัยแล้ว”

“จีอาเธอช่วยหมอบลงหน่อยนะ” ผมกล่าวก่อนจะเอื้อมมือไปจับหลังหัวของเธอและกดลงเบาๆให้เธอหมอบลงบนที่นั่ง ส่วนผมได้หยิบปืนเก็บเสียงออกมา จิมมี่เองก็เช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel