ชีวิตวัยรุ่นเป็นยังไง?
21 : 45
“อืม…อ่า” ผมสูบบุหรี่ไฟฟ้าในมือและพ่นควันออกไป ซึ่งในตอนนี้ผมกำลังนั่งดื่ม Hennessy xo อยู่ที่โซฟาโซน VIP ของเลานจ์แห่งหนึ่ง
“เจเค” เสียงเรียกชื่อผมทำให้ผมหันไปมองต้นเสียง ซึ่งเขาก็เดินมากับแม่เลานจ์ของที่นี่ ครั้งแรกที่ผมเข้าร้านมา มาม่า(แม่เลานจ์) ก็เดินมาถามผมถึงเครื่องดื่ม พอผมบอกชื่อเหล้าไปเธอก็เปิดโต๊ะ VIP ให้ผมทันที และยังพาสาวๆมาให้ผมเลือกด้วย แต่ผมบอกไปประโยคเดียวว่าเรียกเจ้าของร้านมา เธอกังวลเล็กน้อยแต่ก็ทำตาม เพราะผมดูไม่เหมือนใคร ทั้งรอยสัก การวางตัว สั่งเหล้าราคาแพง คงจะรู้จักกับเจ้าของร้านแน่ๆ
“สวัสดีครับอาพจน์” ผมกล่าวและยกมือไหว้ เขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่ผมต้องยกมือขึ้นมาไหว้ ไม่ใช่เพราะอายุ แต่เป็นเพราะความเคารพ เขาเป็นเพื่อนของพ่อผม และมาเล่นกับผมบ่อยมากตอนเด็กๆ
“ทำไมออกมาที่แบบนี้?” อาพจน์กล่าวถามก่อนจะหันไปส่งสายตาให้กับมาม่าและเดินมานั่งข้างผม ก่อนที่มาม่าจะจัดแก้วเหล้าให้กับอาพจน์
“ทำไมผมจะออกมาไม่ได้ครับ? ผมคือเจเคครับคุณอา” ผมกล่าวก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
“อ่อ…อืม” อาพจน์พยักหน้าและรับแก้วมาจากมาม่า
“พ่อของผมขอให้ผมไปใช้ชีวิตวัยรุ่นครับ”
“แต่ผม…ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร?” ผมกล่าวความกังวลของผมออกไป
“โอเคอาเข้าใจแล้ว…เด็กพวกนี้น่าจะมีอายุยี่สิบต้นๆอยู่มั้งนะ” อาพจน์กล่าวก่อนจะหันไปกวักมือหามาม่า บอกให้เรียกเด็กมายืนได้ ซึ่งแต่ละคนก็ทั้งขาว หุ่นดี สวย น่ารักกันหมด
“อายุยี่สิบต้นๆเดินมาข้างหน้า” อาพจน์กล่าวและทำให้มาม่ากังวล เพราะส่วนใหญ่แล้วเด็กนั่งดริ้งเขาไม่ค่อยเปิดเผยอายุจริงกัน แต่ถ้ามันเป็นคำสั่งจากเจ้าของร้านก็คงต้องทำล่ะนะ ซึ่งมันก็มีเพียงหกคนที่เดินมาข้างหน้า
“คุณพจน์ต้องการแบบไหนคะเดี๋ยวหนูดูให้?” มาม่าเดินมากระซิบกับอาพจน์ แต่อาพจน์ก็ส่ายหน้า
“หกคนนี้รู้จักกันหรือเปล่า?” อาพจน์กล่าวถาม
“เรารู้จักกันค่ะ” พวกเธอหันมองหน้ากันก่อนจะจับมือกันสามคนแล้วกล่าว
“สามคนมานั่ง” อาพจน์กล่าวทำให้สาวๆที่เหลือเดินกลับไป
“คุณพจน์คะ…” มาม่าเดินมาหาคุณพจน์แต่คุณพจน์ก็ส่ายหน้าเดี๋ยวค่อยคุยกัน เพราะน้องทั้งสามคนนี้คือตัวท็อปของร้านเลย มีคนเรียกเยอะมากๆ แต่กลับมากองไว้ที่ผมซะหมด
“อาพจน์ครับ” ผมกล่าวเรียกอาพจน์ก่อนจะหยิบบัตรสีดำให้เขา สาวทั้งสามรวมถึงมาม่าถึงกับมองตามเลยทีเดียว
“ผมซื้อดริ้งค์จนร้านปิด แล้วก็ทริปให้คนละหมื่นกับให้ร้านสามหมื่นครับ” ผมกล่าวซึ่งอาพนจ์ก็พยักหน้าและก็ไปจัดการบิลมาให้ผมเซ็น ระหว่างนั้นมาม่าก็จัดแก้วเหล้าและให้พนักงานมายืนบริการผมอย่างดี
ฟุบๆ
“หืม…” และเมื่อผมนั่งพิงโซฟา ปรากฏสองสาวมานั่งตักบนขาของผมข้างละคน ส่วนอีกคนนึงเดินไปเข้าห้องน้ำ
“พี่ชื่ออะไรคะ?” หนึ่งในสองคนกล่าวถาม และผมก็จ้องมองหน้าเธออย่างเรียบเฉย
“ชื่อเจเคครับ…พี่ไม่ได้ต้องการแบบนี้ นั่งลงดีๆก่อนได้ไหม?” ผมกล่าวก่อนจะจับเอวของพวกเธอและเลื่อนตัวเล็กๆวางลงบนโซฟาเบาๆ
“คืนนี้ถือว่าพวกน้องทั้งสามคนมาดื่มเหล้าด้วยกัน”
“แสดงให้ดูหน่อย ว่าวัยรุ่นเขาคุยอะไรยังไงกันบ้าง” ผมกล่าว เพราะโดยปกติแล้วเวลาผมนั่งคุย ก็จะมีแต่เรื่องงาน
“หะ?” ทำให้ทั้งสองสาวสับสนมาก มาเลานจ์ไม่ได้มาเพื่อผ่อนคลาย ไม่ได้มาสัมผัสของดีงามเนี่ยนะ!? เงินก็จ่ายไปแล้ว
แถมดริงค์ชั่วโมงละพันด้วย มันไม่ใช่เงินน้อยๆเลย
“ทำได้ไหม?” ผมกล่าวถาม
“ดะ…ได้ค่ะ” สองสาวกล่าวออกมาก่อนที่จะเริ่มแนะนำตัวกัน และพวกเธอก็ทำตามที่ผมบอกจริงๆ เมื่อสาวคนที่สามมาพวกเธอก็เริ่มพูดคุยกันทันที ผมนั่งฟังพวกเธอคุยกันนิ่งๆ พวกเธอก็พูดคุยกันเรื่องอาหาร สินค้าแบรนด์เนม และเรื่องผู้ชายงานดีอะไรสักอย่าง ซึ่งก็มีบางครั้งที่ผมพูดแทรกออกไปด้วย เป็นการถาม การมาเลานจ์ในครั้งนี้ของผมไม่ได้มาเพื่อสัมผัสสาวสวย แต่ผมมาเพื่อฟังพวกเธอพูดคุยกัน
01 : 11
“เป็นยังไงบ้างคะพวกหนูเซ็กซี่ไหม?” หนึ่งในสามสาวกล่าวถาม ซึ่งในตอนนี้ผมได้ย้ายที่มานั่งบริเวณสระน้ำกลางเลานจ์ และการจะลงไปในน้ำได้ต้องจ่ายให้กับเด็กคนละหมื่นเพื่อให้พวกเธอใส่ชุดบิกินี่หรือชุดว่ายน้ำ ซึ่งทั้งสามนั้นใส่ชุดบิกินี่ ส่วนเจ้าของเด็กจะลงหรือไม่ลงก็ได้ และการที่พวกเธอลงไปเล่นน้ำกลางร้าน มันทำให้ทุกโต๊ะหันมามองตาเป็นมันทันที
“สุดยอดทุกคนเลยครับ” ผมกล่าวและยกนิ้วโป้งให้ก่อนที่อาพจน์จะมายืนข้างๆผม
“ลงไปสิ” อาพจน์กล่าวทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเขา
“เดี๋ยวคนเขาจะกลัวกันนะครับ” ผมกล่าวแต่อาพจน์ก็ส่ายหน้าและบอกให้ผมลงไปเล่นสนุกกับสาวๆบ้าง ซึ่งในตอนนี้ถึงแม้ผมจะพูดว่าผมไม่มีอารมณ์ดี โกรธ หรือเศร้า แต่ด้วยความเป็นผู้ชายบวกกับฤทธิ์เหล้ามันทำให้ผมเริ่มกระหายขึ้นมาแล้วสิ
ฟุบ
“!!” เมื่อผมถอดเสื้อออก ปรากฏรอยผ่าตัดจำนวนมากบนตัวของผม รอยมีด กระสุน และอีกมากมายจนทำให้คนทั้งร้านหันมามองร่างของผมเป็นตาเดียว ส่วนกางเกงผมใส่ขาสั้นมาอยู่แล้วก็ลงไปในน้ำได้เลย
“อื้อ!”
“ฮิฮิ” เมื่อผมลงไปในน้ำ ทั้งสามสาวก็พุ่งตัวมากอดผมไว้ทันที และด้วยร่างใหญ่ของผมทำให้ผมสามารถโอบทั้งสามไว้ได้หมด คนนึงอยู่ตรงกลาง ส่วนอีกสองคนก็อยู่ข้างไหล่ผมคนละข้าง
และหลังจากนั้นพวกเราก็พูดคุยกันไปอีกพอสมควร พวกเธอได้เข้ามานัวเนียผมแทนที่ผมจะเป็นคนนัวเนียพวกเธอ และดูเหมือนพวกเธอจะชอบรอยสักที่คอของผมมาก จนมือของพวกเธอเริ่มเลื้อยไปทั่วตัวผมทำให้ผมรู้สึกวูบวาบ
“ขึ้นป่าว?” อาพจน์ก้มลงมาถามผมที่อยู่ตรงริมสระ
“ขึ้นไหม?”
“ขึ้นรึเปล่า”
“ขึ้นนะ” ทั้งสามสาวกล่าวด้วยเสียงออดอ้อน ซึ่งขึ้นในที่นี้มันไม่ใช่ขึ้นจากสระ แต่เป็นขึ้นไปในห้องนี่สิ
“ขึ้นครับ” ผมกล่าว และยิ่งระดับผมคงไม่ต้องถามว่าขึ้นกับใคร ก็ขึ้นกันไปหมดนี่แหละ!
จนเวลาได้ผ่านไปสักพัก อาพจน์จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก็ให้พวกเราสวมผ้าขนหนูและไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมของเจอกันที่ลิฟต์พาขึ้นไปบนห้อง ซึ่งชั้นบนๆของร้านนี้นอกจากจะมีห้อง VIP ห้องลับ และห้องคาราโอเกะแล้ว ก็ยังมีห้องที่สวยระดับโรงแรมอยู่ด้วย แต่ค่าห้องนี่ก็แพงใช่เล่น ห้องคืนละเจ็ดพัน แต่อาพจน์บอกว่าจ่ายให้ผมไปแล้ว เป็นการซื้อความสุขให้หลาน
เที่ยงตรงวันถัดไป
“สรุปเมื่อคืนท่านไปไหนมาครับ?” ชายผมทองกล่าวถามผม ซึ่งเขาใส่สูทราคาแพงมาก และเขาก็อยู่ในบ้านของผมด้วย
“เอ็กเซล…” ผมเรียกชื่อเขา มันเป็นความหมายว่าผมไม่ต้องการบอกเขา
“เจเคเมื่อคืนไปไหนมา?” เขากล่าวถามผมอีกครั้ง และในครั้งนี้เขาเรียกชื่อผมอย่างสนิทสนมเลยด้วย
“คือมึงจะรู้ให้ได้เหรอ?” ผมกล่าวถามกลับไป ซึ่งที่จริงแล้วเอ็กเซลเป็นเพื่อนสนิทของผม เขาเติบโตมาพร้อมๆกับผม และเป็นหนึ่งในเลขาทั้งเจ็ดของผม งานสายดำส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนจัดการแทนผม และยังมีหน้าที่คอยปกป้องผมแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
“ก็มึงเป็นผู้สืบทอดของเงาเพียงคนเดียว และยังเป็นเพื่อนคนเดียวของกูด้วย” เอ็กเซลกล่าว ถ้าให้ผมนึกแล้วเราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะจริงๆ ดูได้จากแผลเป็นของผม และแผลเป็นของมันที่มีทั้งตัว เพราะครั้งนึงเราเคยถูกจับไปทรมาณ และมันก็อ้างตัวว่าเป็นเจเคแทนผม
“ไปเลานจ์มา” ผมตอบกลับเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เอ็กเซลยอมเจ็บแทนผม ทั้งที่ผมปฏิเสธไปแล้ว และในตอนนั้นมันเกือบจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ
“ท่านคะ ชุดนี้ค่ะ” เลขาอีกหนึ่งคนของผมกล่าวก่อนจะมอบชุดสูทสีน้ำเงินให้ผม เพราะผมต้องไปฟังประชุมอะไรเล็กๆน้อยๆกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศที่กำลังจะร่วมมือกับประเทศจีน
“แมว ไปหาหอพักแถวมหาลัยให้หน่อย”
“ไม่ต้องหรูมาก แล้วก็ฝากซื้อเสื้อผ้าที่แบบนักศึกษาธรรมดาๆเขาใส่กันไว้หน่อยนะ” ผมกล่าว ซึ่งแมวจะรับหน้าที่เรื่องกิจวัตประจำวันของผม และรวมถึงเสื้อผ้าชุดสวมใส่
“รับทราบค่ะ” แมวก้มหัวเคารพผมก่อนที่จะมีผู้หญิงอีกคนเดินมาหาผม เธออายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมแถมยังสวยมากๆ
“น้องๆของผมเป็นยังไงบ้าง?” ผมกล่าวถาม และผู้หญิงคนนี้ก็คือเลขาของผมเหมือนกัน แต่ไม่ได้ดูแลผม เธอจะเป็นคนคอยดูแลน้องๆแทนผมและรายงานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับน้องๆของผม เพราะน้องคนเล็ก เจบีเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสู้คน หรือพูดง่ายๆก็คือแตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง ผมสู้เป็น เขาสู้ไม่เป็น ผมไม่เกรงกลัวใคร แต่เขากลัวการเข้าสังคม ผมจึงเป็นห่วงว่าน้องจะโดนใครแกล้ง
และมันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ยังมีเจดี้ที่คอยปกป้องน้องอยู่ตลอด น้องสาวคนกลางเธอชื่นชอบเล่นกีฬาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมวยไทย ซึ่งเธอมีพรสวรรค์สุดๆเลย แถมยังเรียนเก่งด้วย และที่ผมไม่ค่อยได้พบเจอน้องๆนั้นก็เพราะว่าพวกเขาไม่ค่อยชอบผมสักเท่าไหร่ เพราะผมหน้านิ่งไร้อารมณ์ ในตอนที่แม่เสีย ผมมีสีหน้านิ่งเฉยเกินไป แม้แต่ล่าสุดที่พ่อเสีย ผมก็ยังไม่รู้สึก และมันทำให้พวกเราดูห่างเหินกันมากขึ้น
แต่ที่จริงแล้วมันก็ดีเหมือนกัน ยิ่งห่างจากผมได้เท่าไหร่ยิ่งดี เพราะรอบตัวผมมันอันตรายไปหมด เลขาทั้งเจ็ดคนของผมทุกคนล้วนต่อสู้เป็น ยิงปืนเป็น และเคยฆ่าคนที่จะมาฆ่าผม ผมจึงอยากจะซ่อนน้องๆเอาไว้ให้ปลอดภัยมากที่สุด ไกลตัวผมที่สุด ไม่รู้จักกันเลยยิ่งดี เพราะที่จริงแล้วการมีอยู่ของพวกเราแทบจะเป็นความลับที่มีแต่ผู้มีอำนาจระดับสูงในประเทศเท่านั้นที่รู้
“มีนักฆ่าสะกดรอยตามเจบีค่ะ”
“ดิฉันจับตัวมันไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“ขุดคุ้ยมาเรียบร้อย ผู้อยู่เบื้องหลังคือที่ปรึกษาบริษัทประเทศจีนที่ท่านกำลังจะไปประชุมด้วยค่ะ” อุ้มกล่าว
“พวกมันไม่น่าจะมีอำนาจขนาดนั้น” ผมกล่าว เพราะเขาเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาของบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยี มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมามีปัญหากับผม และเมื่อผมกล่าวจบทำให้อุ้มยกยิ้มมุมปากทันที
“ไดมอนด์ค่ะ” อุ้มกล่าวอีกครั้ง และมันทำให้ผมเข้าใจได้ทันที เพราะถ้าหากเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งไดมอนด์ หรือเครือผับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย อันนี้ดูฟังขึ้นกว่าเยอะเพราะเขาคิดจะหักกับพ่อของผมมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พ่อของผมดันให้โอกาสเพราะพวกเขาเคยร่วมฝ่าฟันอะไรกันมาเยอะ คิดว่าจะกลับใจแล้ว แต่พอพ่อผมจากไป นี่คิดจะเล่นน้องคนเล็กผมเลยงั้นเหรอ?
“ยกเลิกประชุมไปก่อน” ผมกล่าวและทำให้แมวเดินไปหยิบสูทอีกตัวมาให้ผม
“นี่ค่ะ” แมวยื่นสูทสีดำเนคไทน์สีแดงให้กับผม
“เดี๋ยวกูจัดการเองดีกว่า” เอ็กเซลกล่าว เพราะคิดว่าผมอาจจะหนักใจ ถึงยังไงอีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนของพ่อ
“ไม่ต้อง มึงไปหาตระกูลหลี่ไปทานข้าวกับเขาสักมื้อแทนกูหน่อย” ผมกล่าวซึ่งมันทำให้เอ็กเซลแสดงสีหน้าเซ็งๆออกมา
“ครับหัวหน้า” มันกล่าวก่อนจะเดินออกไปจากห้องแต่งตัวของผมทันที
“มันอยู่ที่ไหน?” ผมกล่าวถาม
“ตอนนี้กำลังทานข้าวกับผู้จัดการและผบตร. อยู่ค่ะ” อุ้มเป็นคนตอบ ซึ่งผมก็ได้ใช้นิ้วชี้ไปที่กุญแจรถคันนึงและหันไปหาอุ้ม เป็นความหมายว่าให้เธอขับพาผมไปที่นั่น