9.น่าสนุก
ในตอนแรกเรายื้อกันอยู่พักหนึ่ง เพราะว่าเฟรญ่ายืนยันว่าเธอจะเดินเอง ทั้งๆ ที่ทรงตัวเองไว้แทบไม่อยู่ ส่วนมาร์เซลเขาได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ วงแขนแสนอบอุ่นนั้นกำลังโอบเอวของเฟรญ่าเอาไว้หลวมๆ และคอยประคองร่างเล็กๆ นั่นให้อยู่ในอ้อมแขนของเขา
บนใบหน้าหล่อเหลานั้นระบายรอยยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู เพราะในยามที่สตรีในอ้อมแขนไม่ได้เมา เธอมักจะทำตัวสง่างามและตั้งกำแพงใส่เขาอยู่เสมอ แต่ในยามนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น พี่สาวคนสวยดูเหมือนเด็กสาวตัวน้อยที่กำลังเอาแต่ใจ
“ให้ข้าอุ้มไปเถอะครับ..พี่ไม่อยากให้ถึงบ้านของพี่เร็วๆ รึไง”
เธอช้อนสายตามองหน้าเขาอีกครั้ง ในมือของมาร์เซลถือไม้เท้าของเธอเอาไว้ เขาใช้ตัวเองในการช่วยประคองเธอให้เดินไปข้างหน้าได้
ใบหน้าขึ้นเป็นสีกุหลาบเพราะในยามนี้เฟรญ่ากำลังรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก..เธอขบกัดริมฝีปากบางจนมันช้ำเลือด
“คิดอะไรอยู่กันครับ”
สุดท้ายเป็นมาร์เซลที่ทนไม่ไหว เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนร่างกายของเฟรญ่าขึ้นมาอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน
“เจ้าทำให้ข้ารู้สึกอับอาย..”
มุมปากของมาร์เซลยกสูงขึ้นมา
“อับอายหรือว่าเขินอายกันครับ ถึงแม้ว่าจะอายเหมือนกันแต่ความรู้สึกมันแตกต่างกันมากเลยนะครับพี่..”
เฟรญ่ายกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้ เธอเบือนหน้าหนีแสร้งหลบสายตาเขาอย่างเขินๆ และเธอเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้นของมาร์เซล..เขาพาเธอเดินไปเรื่อยๆ ตามท้องถนนที่ร้างผู้คน เพราะว่าในยามนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว งานเทศกาลจบลงเพียงเท่านี้ ทิ้งเอาไว้เพียงร่องรอยของความสนุกสนาน..
มาร์เซลเดินมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่มีหนึ่งห้องนอน และที่ด้านหน้าปลูกดอกไม้เอาไว้มากมายหลากหลายชนิด เขาก้มมองกุญแจในมือและเมื่อเห็นเลขบ้านที่ตรงกัน มาร์เซลก็ไขกุญแจรั้วเข้าไป
เฟรญ่าหลับตาลงช้าๆ เมื่อเธอได้กลิ่น หอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบที่คุ้นเคย นี่คงจะถึงบ้านของเธอแล้วสินะ
เขาอุ้มเธอเปลี่ยนท่าเพื่อให้เธอกอดคอเขาเอาไว้ ก่อนที่มาร์เซลจะไขกุญแจประตูบ้านเข้าไปอีกครั้ง และเมื่อประตูเปิดออก สิ่งแรกที่เขามองเห็นคือรูปวาดที่ตั้งตระหง่านเอาไว้กลางห้อง
“งานอดิเรกของพี่คือการวาดรูปอย่างนั้นหรือครับ”
เขาวางเธอลงบนโซฟาผ้าถักตัวยาว และเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นเฟรญ่าก็แย้มยิ้มขึ้นมาจางๆ ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยวาดภาพมาก่อนเลย แต่เพราะมันมีเรื่องราวมากมายที่ค้างคาอยู่ในใจ และเมื่อลองได้จับพู่กันออกมามันทำให้จิตใจที่แหลกสลายของเธอสงบลงอย่างน่าประหลาด เหมือนกับว่าในช่วงเวลาที่เธอกำลังถ่ายทอดความคิดในหัวออกมาเป็นภาพวาด มันทำให้เธอได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น มันทำให้จิตใจของเธอสงบขึ้นอย่างน่าประหลาด
“อืม..เอาสัญญาของท่านมาสิคะ ข้าจะรีบประทับตราลงไป..”
เขานั่งลงข้างๆ เธออย่างถือวิสาสะ ดวงตาสีทับทิมหรี่ลงเล็กน้อย
“ข้าเหนื่อยนะครับ ข้าอุ้มพี่มาตั้งไกล ขอนั่งพักสักครู่ก็ไม่ได้งั้นหรือ พี่คนสวยจะใจร้ายเกินไปแล้วนะ”
เขากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับที่แก้มของเธอ หางตาของมาร์เซลเหลือบไปเห็นขวดสุราที่ตั้งอยู่ เขาเดินไปหยิบขวดสุรานั้นขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาแก้ว ท่าทางของเขามันราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี
มาร์เซลรินสุราใส่แล้วยกขึ้นมาดื่มมันเข้าไปครั้งเดียวจนหมดแก้ว ต่อให้เขาดื่มสุราหมดขวดนี้เขาก็ไม่เมาหรอก เพราะทหารรับจ้างดื่มสุราแทนน้ำอยู่แล้วในช่วงเวลาที่เราต่อสู้กันอย่างยาวนานในสนามรบ
เขามองหน้าเธอที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด มาร์เซลเดินมานั่งข้างๆ เฟรญ่าอีกครั้ง
“อยากดื่มไหมครับ..ข้าป้อนให้ดีไหม”
เฟรญ่าถอนหายใจยาวๆ
“ข้า..ดื่มไม่ไหวแล้วค่ะ ข้าอยากทำสัญญาให้เสร็จเพื่อที่เราจะได้แยกย้ายกันกลับไปนอน”
ดวงตาของเธอแดงช้ำ ซึ่งมันเป็นผลพวกจากการร้องไห้ไม่หยุดพักเมื่อสองชั่วโมงก่อน และเฟรญ่าคิดว่าสภาพตัวเองในยามนี้คงไม่น่าดูเท่าไหร่นัก เธอให้ชายเบื้องหน้าเห็นในด้านที่อ่อนแอของเธอมามากพอสมควรแล้ว ในยามนี้เธอจะต้องไม่หลงกลไปกับใบหน้าที่น่ารักของเขาอีก
“งั้นเหรอครับ แต่ข้าคิดว่าพี่ยังดื่มไหวอยู่นะ อีกทั้งข้าไม่อยากจะดื่มเพียงคนเดียวนี่ เอาน่า..ไหนๆ เราทั้งสองคนก็เหมือนกับคนที่ลงเรือลำเดียวกันแล้ว พี่ช่วยไว้ใจข้าสักหน่อยได้ไหมครับ..”
รอยยิ้มของเขานั้นมันดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย เฟรญ่าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้..รู้สึกไว้ใจเขามากขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยลดกำแพงที่สูงชันในใจของตัวเองลงเลย แต่กับมาร์เซล..ทำไมกันนะเธอถึงได้ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอ
“เอาแก้วมาสิ”
มุมปากของเขาผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา มาร์เซลไม่ได้รินขวดสุราในมือใส่แก้วอย่างที่ควรจะเป็น แต่ทว่าเขากลับกลอกสุราใส่ปากแทน เมื่อเขาวางขวดสุราลงบนโต๊ะ มือทั้งสองข้างของเขาก็จับเข้าที่ดวงหน้างาม หลังจากนั้นยังไม่ทันที่เฟรญ่าจะได้ตั้งตัวริมฝีปากของเขาก็แนบชิดลงมาในทันที
สุรารสข่มปร่า ไหลรินลงคอจนเธอรู้สึกร้อนไปหมด อึกแล้วอึกเล่าที่เธอกลืนสุราที่เขาบรรจงป้อนให้ลงท้อง และเมื่อสุราในริมฝีปากของเขามันหมดลง เธอที่คิดเอาไว้ว่าเขาจะต้องผละริมฝีปากออกไป แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะสิ่งที่สอดแทรกเข้ามาแทนที่ของสุราที่เธอกลืนลงไปมันคือเกลียวลิ้นร้อนของเขา
“อื้อ!”
เธอร้องประท้วงในลำคอกับความหวานล้ำที่แทรกลึกเข้ามา เกลียวลิ้นของเขาปลุกเร้าไปมาในโพรงปากอุ่น เฟรญ่าไม่แน่ใจว่าที่เธอกำลังรู้สึกมึนเมานี้มันคือการมัวเมาเพราะฤทธิ์ของสุราหรือว่ามัวเมาไปกับความลุ่มหลงชายเบื้องหน้ากันแน่
เธอปิดเปลือกตาแน่นเพราะไม่มีความกล้ามากพอที่จะปรือตาขึ้นมามองหน้าเขา ใบหน้างามเห่อร้อนและไม่ได้เพียงแค่ใบหน้าที่รู้สึกร้อน ร่างกายของเธอเองก็เช่นกัน
ลมหายใจของเรามันร้อนผ่าว อีกทั้งริมฝีปากของเขามันทั้งเย้ายวนและร้ายกาจในคราวเดียวกัน สติของเธอกำลังจะจางหายไปพร้อมๆกับลมหายใจที่ขาดเป็นห้วงๆ
มาร์เซลผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้าด้วยความเสียดาย แต่เพราะสตรีเบื้องหน้าของเขาทำท่าทางราวกับหายใจไม่ออก เขาไม่อยากคิดแบบนี้สักเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่ว่านี่คือจูบแรกของเธออย่างนั้นหรือ?
สตรีที่งดงามเช่นนี้กลับไม่เคยมีใครแตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้วเลยอย่างนั้นสินะ อาจจะเพราะแผลเป็นขนาดใหญ่ในใจของเธอ มันทำให้หัวใจของเธอถูกปิดตาย..
อ่า..นี่มันน่าสนุกชะมัดเลย