8.ทำกันสองคนก็พอ
บนใบหน้าหล่อเหลาเผยให้เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง เพราะที่เขามองเห็น..สตรีเบื้องหน้านั้นงดงามมากทีเดียว นางสวย เก่งและดูเข้มแข็งมากในสายตาของเขา ทว่ามาร์เซลไม่รู้มาก่อนเลยว่าภายในของนางจะแตกสลายถึงเพียงนี้
“เรื่องนั้น..พี่สาวผ่านมันมาแล้วนี่ครับ”
เธอผ่านมันมาแล้ว เพราะแม่เลี้ยงเสีย และพี่ชายที่ยืนหยัดปกป้องเธอมาช่วยเหลือเอาไว้ แต่กว่าที่เธอจะกลับมายิ้มได้อีกครั้งมันใช้เวลานานมากทีเดียว เธอคิดว่าเรื่องร้ายๆ ในชีวิตมันผ่านไปหมดแล้ว จนได้พบเจอกับบ้านของแอชตัน
เธอถามตัวเองทุกวันว่าทำไมถึงเป็นเธอที่จะต้องพบเจอเรื่องราวที่แสนเลวร้ายพวกนี้ซ้ำๆ เธอทำอะไรผิดหนักหนาถึงไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสุข..
บางทีการย้อนเวลากลับมานี้ พระเจ้าอาจจะได้ยินเสียงก่นด่าของเธอก็เป็นได้ เธอถึงได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และสามารถเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้
“ข้าเคยฝัน..มันเป็นความฝันที่ยาวนานราวกับลางบอกเหตุ ข้าเชื่อมั่นในความรักและอยากจะมีความรักกับบุรุษสักคน เพียงแต่ในบ้านของชายที่ข้ารัก มีแม่ของเขาที่นิสัยเหมือนกับแม่เลี้ยงของข้า มีน้องสาวที่ชอบแย่งข้าวของทุกอย่างของข้าไป ส่วนสามีก็มีภรรยาคนใหม่ พวกเขาเอาข้ออ้างเรื่องขาของข้ามากล่าวอ้าง..ว่าเพราะข้าเป็นเช่นนี้มันทำให้พวกเขาอับอายและต้องหาคนอื่นมาแทนข้า..”
อยู่ๆ น้ำเสียงของเธอก็สั่นเครือพร้อมกับหยาดน้ำตาแวววาวที่รินไหลออกมา มาร์เซลอุ้มเธอขึ้นมาแล้ววางร่างเล็กๆ นั่นเอาไว้บนตักของเขา เพื่อที่เขาจะได้เช็ดน้ำตาให้เธอได้สะดวก ปลายนิ้วร้อนค่อยๆ ไล้ไปตามหางตาของเธออย่างเชื่องช้า เขาบรรจงซับหยาดน้ำตาอุ่นที่เอ่อล้นออกมาด้วยความแผ่วเบาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เพราะมือของเขามันหยาบกร้านเนื่องจากจับดาบมาตั้งแต่เด็ก เขากลัวว่าความด้านของฝ่ามือจะทำให้เธอรู้สึกระคายเคืองผิว
เธอซบใบหน้าลงไปบนแผงอกแกร่งพร้อมกับเสียงสะอื้นที่อู้อี้
“บุรุษแต่ละคนล้วนแล้วแต่แตกต่างกัน หากคนที่ท่านฝันถึงคือแกรนด์ดยุค เช่นนั้นก็ไม่ควรเอาบุรุษทั่วทั้งจักรวรรดิไปเปรียบเทียบกับเขาสิครับ..”
เฟรญ่าเงยหน้าขึ้นมาในทันที วันนี้มีเรื่องราวมากมายที่ชวนให้รู้สึกตกใจ และชายเบื้องหน้านี้ เขาอายุน้อยมากกว่าเธอแท้ๆ แต่ทำไมกันล่ะ เพราะดวงตาสีทับทิมของเขารึเปล่าที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับถูกอ่านออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
เขาไม่ได้บอกกล่าวว่าความฝันที่เธอพูดถึงนี้มันคือฝันร้ายที่ไม่ได้เป็นความจริง แต่กลับปลอบใจเธอ..ในแบบที่เธออยากได้ยินมากที่สุด
นั่นสินะ เธอเคยเชื่อว่าบุรุษแต่ละคนไม่เหมือนกันแต่เพราะความหวาดกลัวในใจ มันทำให้เธอไม่มีความกล้าพอที่จะเปิดใจให้กับความรักครั้งใหม่.. และเขามายืนยันในสิ่งที่เธออยากได้ยินอยู่พอดี
“บะ..แบบนั้นเองสินะ”
เขาไม่เชื่อว่าที่เธอแสดงอาการหวาดหวั่นมากขนาดนั้นต่อแกรนด์ดยุคจามินมันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน เรื่องของสตรีผู้นี้กับหมอนั่น..น่าจะมีอะไรที่มันลึกซึ้งมากกว่านี้
“อยากให้ข้า..จัดการเขาไหมครับ”
เฟรญ่ากะพริบตาถี่ๆ
“หมายถึง..”
“สังหารแกรนด์ดยุค ข้าสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่พี่สั่งออกมา”
ฆ่าแอชตันอย่างนั้นหรือ ทำไมเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เฟรญ่ากลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมาเพื่อมองหน้าเขา มาร์เซลก็ป้อนเหล้ารัมให้เธอดื่มอีกอึกใหญ่ๆ
“ข้าไม่ต้องการให้เขาตาย..”
อ่า..เริ่มไม่สนุกแล้วละสิ หรือว่าพี่สาวคนสวยที่เขาหมายตาเอาไว้ ชอบแกรนด์ดยุคจริงๆ
“ข้าต้องการให้เขา ทรมานมากที่สุด ต้องการให้จามินย่อยยับและล่มสลาย..”
เขากำลังจะถอดใจ แต่ดูเหมือนเธอจะพูดเรื่องน่าสนุกขึ้นมา..ริมฝีปากมาร์เซลจุดยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“อ่า..แบบนั้นเองสินะ เรื่องนั้นเป็นงานง่ายๆ สำหรับข้าเลยครับ”
เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้เธออีกครั้ง และเมื่อเช็ดน้ำตาให้เธอเสร็จแล้วมาร์เซลก็แลบลิ้นออกมาเลียที่ปลายนิ้วของตัวเอง โดยที่สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนใบหน้าของเฟรญ่า
ใบหน้าของเธอเห่อร้อนออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่คงเป็นหนึ่งในฤทธิ์ที่ร้ายแรงของสุราที่เธอพึ่งจะดื่มไปสินะ เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้ร่างกายของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา
เฟรญ่ายกมือขึ้นมาพัดใบหน้าเบาๆ และเมื่อเธอลองตั้งสติดีๆ ก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักเขา เธอลุกพรวดพราดขึ้นมาในทันที แต่ทว่าเพราะขาข้างซ้ายของเธอมันไม่สามารถลงน้ำหนักได้มากเท่ากับความตกใจของเธอ ทำให้ในยามนี้เฟรญ่ากำลังจะหงายหลังล้มลง
วงแขนของมาร์เซลคว้าเอวของเธอเอาไว้ในทันที เขาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเธอกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
“ระวังหน่อยสิครับ พี่ดื่มไปเยอะมากแล้วนะ แล้วข้าเองก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะอาสาไปส่งพี่สาวที่บ้าน”
“มะ..ไม่เป็นไร บ้านของข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่นัก”
มาร์เซลหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรที่ไหนกัน เรายังมีข้อตกลงที่จะต้องทำสัญญากันอยู่นะครับ เรื่องการว่าจ้างข้าไปจัดการตระกูลจามินน่ะ พี่จะต้องลงลายมือชื่อลงไปในใบสัญญาก่อนสิครับ ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นทหารรับจ้าง แต่ข้าทำอะไรโปร่งใสเสมอนะ”
จะว่าไปแล้ว เธอเองก็เริ่มจะคงสติเอาไว้ไม่ไหวแล้วละสิ แต่ให้คนที่ไม่ได้รู้จักกันไปส่งที่บ้านมันก็ยังไงอยู่
เฟรญ่ามองใบหน้าที่หล่อเหลาและแสนน่ารักของมาร์เซลอีกครั้ง..เธอรู้จักเขาแล้วนี่ เขาชื่อมาร์เซล
อา..มาร์เซล เป็นชื่อที่ดีมากทีเดียวและเขาน่าจะไว้ใจได้ ในครั้งหนึ่งคนที่ชื่อมาร์เซลเคยปลดปล่อยเธอออกมาจากความทรมานอย่างแสนสาหัสที่เธอได้รับ..
เฟรญ่าส่งกุญแจบ้านของเธอให้เขา
“แค่พูดคุยและลงนามเรื่องสัญญา อันที่จริงเราพูดคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้”
“ไม่ได้สิครับ เพราะมีคนจำนวนมากที่อ้างว่า พวกเขากล่าวเรื่องข้อตกลงออกมาเพราะความมึนเมา หลังจากนั้นพวกเขาก็คิดจะยกเลิกสัญญากับข้าราวกับไม่เคยกล่าวเรื่องนี้ออกมา..สัญญาการว่างจ้างจะต้องทำในวันนี้เท่านั้น..”
เฟรญ่าหลับตาลงช้าๆ เธอปรือตาขึ้นมามองเขา
“แต่เพราะข้าอยู่ในช่วงเวลาไร้สติ..ไม่ใช่ว่าเจ้าจะเอาเปรียบข้าอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นช่วยเรียกผู้ดูแลโรงแรมของข้ามาด้วย..”
มาร์เซลยกมือขึ้นมาแตะลงไปเบาๆ บนริมฝีปากของเธอ โอกาสเช่นนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ อีกทั้งเขาถูกใจพี่สาวคนนี้มากพอสมควรเลย..เขาไม่มีทางยอมปล่อยให้โอกาสทองเช่นนี้หลุดมือไปหรอก
“เรื่องนั้นไม่ต้องไปรบกวนผู้อื่นหรอกครับ นี่คือสัญญาการว่าจ้างของท่านและข้า เรื่องเช่นนี้เราทำกับสองคนก็พอแล้ว”