7.อัดอั้นในใจ
เพราะเหล้ารัมที่ดื่มเข้าไปหลายแก้ว และเพราะจิตใจที่ไม่มั่นคงของเฟรญ่า นั่นทำให้เธอคิดว่าเธออยากจะหลบหนีไป..ถึงแม้ว่าเธอจะหนีมามากพอแล้วก็ตาม
ดวงตาของมาร์เซลเบนสายตามองใบหน้าที่กำลังขึ้นเป็นแดงระเรื่อของฤทธิ์ของสุรา ดวงตาสีน้ำทะเลของเธอฉ่ำวาวและปรือปรอยทว่าในแววตานั้นมีความโศกเศร้าที่ราวกับว่าเธอพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ สตรีอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้าแต่มีแววตาราวกับสตรีที่มีอายุมากกว่านั้น
ตัวแปรในเรื่องนี้คือแกรนด์ดยุคจามิน อย่างงั้นเหรอ เขาคนนั้นสามารถทำให้ใบหน้าที่งดงามของพี่สาวคนสวยเต็มไปด้วยร่องรอยความเศร้าหมองขนาดนี้เลยหรือ?
“ทำไมถึงอยากจะหนีล่ะครับ”
“...ข้าคิดว่าทหารรับจ้างจะยอมทำตามสิ่งที่ว่าจ้างทุกอย่างซะอีก”
มาร์เซลส่งเสียงร้อง “หึ” ออกมาเบาๆ
“นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนว่าจ้างให้ข้าลักพาตัว..ตัวเองนะครับ คำสั่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ข้าจะต้องสอบถามรายละเอียดให้ดีหน่อยสิ”
ร่างกายของเฟรญ่าโอนเอนเล็กน้อยขณะพูด เธอซบใบหน้าลงบนฝ่ามือของตัวเอง
“นี่คือความรู้สึกแบบไหนกันครับ การหลบหนีของท่านมันคือการหลบหนีเพราะว่าท่านทำผิดอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่นะ! ข้าไม่ได้ทำผิดเลย!!”
เป็นอีกฝ่ายต่างหากที่ทำผิดต่อข้า
“อ่า..เช่นนั้นก็เป็นฝั่งของแกรนด์ดยุคจามินสินะครับทื่ทำผิด”
ชื่อที่เฟรญ่าไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของเขา ถูกพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยของทหารรับจ้างที่นั่งอยู่เบื้องหน้าของเธอ
เฟรญ่ากลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากกับสถานการณ์เบื้องหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขามีหูตาที่ว่องไวมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ซะอีก
“เจ้าแอบตามข้างั้นหรือ”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แต่ข้าบังเอิญไปเห็นในตอนที่ท่านพูดคุยกับแกรนด์ดยุคต่างหาก”
บังเอิญ..ในความคิดของเฟรญ่ามันไม่มีเรื่องบังเอิญอยู่หรอกในโลกใบนี้น่ะ
“สรุปว่าที่พี่อยากจะหลบหนีจากแกรนด์ดยุค เพราะเขาต้องการจะทำร้ายท่านงั้นเหรอครับ”
เฟรญ่าลดสายตาลงมาเล็กน้อย เธอลดสายตาก้มมองมือของตัวเองเงียบๆ
“ข้าไม่อยากเจอเขา ไม่อยากเห็นหน้า..”
“ท่านหวาดกลัวเขาขนาดนั้นเลย?”
“ไม่ใช่แบบนั้น ที่ข้าหลบหนีไปไม่ใช่เพราะว่าข้าหวาดกลัวเขา แต่มันเป็นเพราะข้ากลัวว่าตัวเองจะตรงปรี่เข้าไปฆ่าเขาต่างหาก..เขาสมควรตาย เป็นคนที่สมควรตายมากจริงๆ!!”
หัวคิ้วของเฟรญ่าขมวดเข้าหากัน เธอก้มหน้าลงอีกครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง ในขณะที่มือของมาร์เซลกำลังตักเหล้ารัมเติมใส่แก้วไม้ให้เธอ
นี่มันเรื่องน่าสนุกมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก สตรีตัวเล็กที่ดูท่าทางแสนจะบอบบางผู้นี้กำลังบอกว่านางจะฆ่าแกรนด์ดยุคแห่งจามินล่ะ
แสดงว่าหมอนั่น..คงจะเคยทำร้ายนางอย่างแสนสาหัสเลยสินะ
“ดื่มนี่ก่อนสิครับ ท่านดูเหมือนคนที่กำลังคอแห้ง”
เฟรญ่ายกแก้วไม้ขึ้นมาดื่มอีกครั้ง พร้อมกับหยาดน้ำตาที่คลอหน่วยอยู่บนดวงตา เธอกำลังหักห้ามใจไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา..
แต่การหักห้ามใจนั้นมันไม่พ้นสายตาของมาร์เซลไปได้หรอก เขาลุกขึ้นก่อนจะย้ายไปนั่งข้างๆ เธอ มาร์เซลยกมือขึ้นมาแล้วจับเข้าที่ศีรษะของเฟรญ่าเพื่อให้เธอเอนศีรษะมาซบเข้าที่ไหล่ของเขา
“วันนี้ข้าว่างนะครับ ข้าว่างมากพอที่จะรับฟังปัญหาของพี่สาวทั้งคืนเลยล่ะ หากว่าท่านอยากจะร้องไห้หรืออยากระบายเรื่องราวที่อัดแน่นในใจออกมา..ข้ายินดีรับหน้าที่นั่นนะครับ”
เราพึ่งพบเจอกันเมื่อช่วงบ่ายวันนี้เอง เธอไม่ได้สนิทกับเขาและไม่รู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับทหารรับจ้างผู้นี้เลยสักนิดเดียว แต่น่าแปลกที่อ้อมกอดของเขามันอบอุ่นมากทีเดียว
เฟรญ่าไม่รู้ว่าที่เธอรู้สึกแบบนี้เพราะชื่อของเขาที่มันดันไปตรงกับชื่อเจ้าของมีด หรือว่าเป็นเพราะเธอเมากันแน่
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอเก็บเงียบเรื่องราวความเจ็บปวดที่เคยได้รับมาเพียงคนเดียวโดยตลอด เพราะไม่อยากจะเอาเรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไปเล่าให้กับคนในครอบครัวฟัง จะดีแค่ไหนหากว่าเธอได้เล่าเรื่องที่อัดแน่นในใจพวกนี้ให้กับใครสักคนฟัง
“ในตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก เพราะเป็นลูกนอกสมรสที่เกิดจากแม่ที่เป็นสาวชาวบ้านทำให้ ภรรยาหลวงของท่านพ่อ ไม่ค่อยชอบข้าเท่าไหร่นัก..”
เธอหลับตาลงพร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าจะพอเล่าได้ให้แก่ทหารรับจ้างผู้นี้ฟัง
ส่วนมาร์เซลเขาทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดี มือของเขากระชับอ้อมแขนที่กำลังโอบไหล่ของเธอเอาไว้เพื่อประคองให้เธอยังสามารถนั่งอยู่ได้ในอ้อมแขนของเขา
“ข้าถูกพาไปที่บ้านท่านพ่อในตอนที่ข้าอายุเก้าขวบ ก่อนหน้านั้นข้าเป็นเพียงเด็กชาวบ้านธรรมดาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเราสองแม่ลูกก็มีความสุขมากทีเดียว ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นหน้าท่านพ่อ ข้ารู้สึกดีใจที่ตัวเองจะได้มีครอบครัวเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่พอข้าเข้าไปในบ้านหลังใหญ่..สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือ แม่ของข้าถูกวางยาพิษ มันผสมเข้ามาในอาหารที่เราสองแม่ลูกทานเข้าไปทุกวัน ทุกวันจนแม่ของข้าล้มป่วย ส่วนข้าก็เริ่มซึมขึ้นเรื่อยๆ จากฤทธิ์ของยา..แน่นอนว่าความเป็นอยู่ของเราสองแม่ลูกไม่ได้รับความสนใจจากท่านพ่อที่พาเราเข้าไปอยู่ในนั้น แม่เลี้ยงเริ่มทรมานข้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทุบตี สาดน้ำร้อนใสร่างกายของข้า สั่งให้ข้าคุกเข่าอยู่ทั้งคืน ข้าพยายามอยู่ที่บ้านนั้นด้วยความเจียมตัว เพื่อไม่ให้แม่เลี้ยงโกรธไปมากกว่านี้ แต่ไม่ว่าข้าจะหลบซ่อนและทำเหมือนตัวเองไม่มีตัวตนมากแค่ไหนแต่นางก็หาเรื่องมาทรมานข้าได้ตลอด ในตอนที่ข้ายังเป็นเด็กข้าสงสัยนะว่าข้าผิดอะไรนักหนา จนเมื่อข้าเติบโตขึ้นมาข้าจึงรู้ว่าข้าผิด..ผิดตั้งแต่ที่เกิดมาแล้ว”
มาร์เซลลดสายตามองหน้าของเฟรญ่า นางมีใบหน้าที่งดงามและผิวกายที่เนียนละเอียด เขาเอื้อมมือไปเลิกแขนเสื้อของนางขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็พบรอยแผลเป็นมากมายบนนั้น ส่วนที่โผล่พ้นร่มผ้าไม่มีรอยแผลอะไรเลย แต่ร่างกายภายใต้ร่มผ้าของนางเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นน้อยใหญ่และรอยถูกน้ำร้อนลวก
“บางส่วนหายไปแล้วเพราะว่าพี่ชายของข้าเชิญนักบุญมารักษา ในความโชคร้ายของข้าก็มีพี่ชายที่เป็นเหมือนความโชคดีเพียงหนึ่งเดียว”
ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย คราแรกเขาคิดว่านางจะเล่าเรื่องของแกรนด์ดยุคให้ฟัง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟัง ดูจากร่องรอยแผลเป็นพวกนี้ แสดงว่าคนที่ทำร้ายนาง..จงใจทำร้ายในส่วนที่คนอื่นมองไม่เห็นสินะ
“ท่านทน..มีสภาพเช่นนั้นมากี่ปีกัน”
เฟรญ่าแค่นหัวเราะออกมา
“เจ็ดปีมันเป็นเจ็ดปีที่เหมือนกับอยู่ในนรกเลยล่ะ”