6.พูดเองนะ
ทั้งๆ ที่คิดว่าจะหลบหนีไปจากตรงนั้น แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆขาทั้งสองข้างของเฟรญ่ามันกลับก้าวเดินไม่ออก เธอกำไม้เท้าเอาไว้ในมือแน่น เมื่อเขาเดินมาประชิดตัวด้วยท่าทีหอบเหนื่อย
“เฟรญ่า..จะ..เจ้าหายไปไหนมา!! แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเรากัน ก่อนการตกลงหมั้นหมายเจ้ากับข้าเราสองคนยังรักกันอยู่ดีๆ อยู่เลย แล้วทำไม..”
“ท่านแกรนด์ดยุค สำหรับข้าแล้ว เรื่องของเรามันเป็นเพียงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายลงนามบนหนังสือถอนหมั้นเรียบร้อย ข้าและท่านในยามนี้เปรียบเสมือนคนแปลกหน้า ข้ามาเที่ยวที่นี่เพื่อต้องการมองดูบรรยากาศที่แสนสนุกสนานของงานเทศกาล เราต่างคนต่างไปเถอะนะคะ..”
แอชตันเอื้อมมือมาจับข้อมือของเฟรญ่าเอาไว้แน่น สีหน้าของเขามันเต็มไปด้วยความวิงวอนและขอร้อง ดวงตาของแอชตันแดงก่ำราวกับว่าเขากำลังจะร้องไห้ออกมา
จนถึงตอนนี้การแสดงของเขา..ยังคงนับว่ายอดเยี่ยมเหมือนเดิมเลยสินะ เขาทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน แสดงออกมาราวกับว่ารักเธอจริงๆ ..
“เฟรญ่า..ข้าไม่เคยลืมเจ้าได้เลยแม้แต่วันเดียว ท่านแม่และแครอลลีนอยากเจอเจ้ามากนะ ครอบครัวของข้าทุกคนเลยอยากจะพบเจอเจ้าอีกครั้ง กลับไปที่จามินกับข้าได้ไหม แค่ไปเยี่ยมท่านแม่ก็ได้..ท่านบ่นว่าท่านคิดถึงและเป็นห่วงเจ้ามากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะ”
เขาพูดเสียงอ่อนพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ทว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมานั้นมันทำให้เรื่องราวต่างๆ ที่เธอเคยหลงลืมไปแล้ววนกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง
แม่ของเขาคิดถึงและเป็นห่วงเธองั้นเหรอ ไหนยังจะน้องสาวของเขาอีก แค่คิดก็อยากจะแค่นหัวเราะออกมาแล้ว
“ไสหัวไปให้พ้นสายตาของข้าซะแอชตัน!!”
เธอพูดเสียงต่ำก่อนจะกำไม้เท้าแน่นด้วยความโกรธเคือง เฟรญ่าหมุนตัวเพื่อเดินออกมาจากตรงนั้น เดินออกมาจากใบหน้าของชายที่เธอเกลียดชังมากที่สุดในชีวิต ในคราแรกเธอมุ่งมั่นว่าจะแก้แค้นพวกเขา แต่สภาพความเป็นอยู่ในยามนี้ของจามินมันเลวร้ายมากพอแล้ว เธอก็เลยยินยอมปล่อยผ่านและคอยมองดูความพินาศของคนพวกนั้นอย่างใจเย็น แต่ในครั้งนี้เธอต้องคิดทบทวนใหม่เรื่องการแก้แค้นอีกรอบซะแล้วสิ..
ความเจ็บปวดครอบครัวของเขาที่ส่งมอบให้เธอมันไม่ได้มีแค่ความเจ็บปวดทางร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่มันบาดลึกเข้าไปจนถึงชั้นกระดูก..เกียรติของเธอ ชื่อเสียงของเธอป่นปี้ไม่มีชิ้นดี..
เฟรญ่าเดินเข้ามาในร้านเหล้า ร้านนี้เป็นร้านเหล้าของพี่สาวดีน่าพนักงานที่โรงแรมของเธอ เพราะอย่างนั้นหากเป็นที่นี่เธอจะสามารถเมาเท่าไหร่ก็ได้
“ห้องส่วนตัวว่างรึเปล่าเดนนี่”
“ว่างค่ะนายหญิง ขึ้นไปรอที่ชั้นบนได้เลยเดี๋ยวข้าจะยกสุราที่ดีที่สุดในร้านไปให้ท่านเอง”
ร้านเหล้าของเดนนี่คนเยอะมากพอสมควร เพราะว่าวันนี้เป็นวันเทศกาลสินะ เฟรญ่านั่งลงที่ริมหน้าต่างของห้องส่วนตัว ร้านเหล้าแห่งนี้เป็นร้านขนาดกลาง แต่เธอชอบที่นี่มากโดยเฉพาะห้องส่วนตัวที่มีระเบียงยื่นออกไปในทะเลสาบ แต่จะเรียกว่าห้องส่วนตัว มันก็ไม่ได้ส่วนตัวอะไรขนาดนั้น เพราะเป็นห้องที่มีฉากกั้นทำจากผ้าลูกไม้ที่ถูกถักทอขึ้นมา แต่เพราะจะมีการเก็บค่าห้องในราคาที่แพงมากพอสมควร ทำให้ชั้นบนไม่ค่อยมีแขกมานั่งสักเท่าไหร่ เดนนี่ให้เหตุผลในการเก็บค่าห้องชั้นบนว่านางอยากจะให้บรรยากาศชั้นบนเหมือนกับร้านสุราที่แพงๆ ลูกค้าจะได้มีช่วงเวลาดื่มด่ำกับรสสุราและความเงียบของทะเลสาบที่ทอดยาวออกไป
“วันนี้ตั้งใจจะเมาใช่ไหมคะนายหญิง”
เฟรญ่าหัวเราะออกมาเบาๆ
“หากข้าเมาก็ฝากเจ้าไปส่งข้าที่โรงแรมด้วยนะ”
เดนนี่ขยิบตา
“ด้วยความยินดีค่ะ”
เดนนี่ไม่รู้ว่าสตรีแสนงดงามผู้นี้มีเรื่องอะไรที่ทุกข์ใจมากมายนัก นายหญิงในช่วงแรกที่มาอยู่ที่เดียลอร์ลมักจะใช้สุราในการกล่อมนอนแทบทุกคืน นางจะนั่งดื่มเงียบๆ จนหลับไป เป็นเช่นนั้นทุกวัน แต่ในปีที่ผ่านมา นายหญิงมาที่นี่น้อยลงจากเดิมมากพอสมควร เธอคิดว่าความเจ็บปวดในใจของนายหญิงจะจางหายไปแล้วซะอีก..
เฟรญ่ามองเหล้ารัมในแก้วที่ทำจากไม้ เธอยกมันขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วก่อนจะปรายตามองไปยังทะเลสาบที่แสนกว้างใหญ่..
จักรวรรดิกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น แต่เธอกลับพบเจอคนที่ไม่อยากเจอที่สุดซะได้ ในช่วงนี้เฟรญ่าตั้งใจว่าเธอจะไม่ออกไปข้างนอกสักพักนึ่งจนกว่างานเทศกาลจะจบลง เธอไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว..
แล้วทำไมคนที่จะต้องหลบหน้าต้องเป็นเธอด้วยวะเนี่ย..ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะมีความกล้ามากขึ้น แต่เธอก็คือยัยคนขี้ขลาดคนเดิมงั้นเหรอ?
“ดูเหมือนว่าพี่สาวต้องการเพื่อนในการดื่มนะครับ หากต้องการขนาดนั้นแล้วละก็ข้ายินดีนั่งดื่มเป็นเพื่อนของพี่นะ”
มาร์เซลไม่พูดเปล่า เขานั่งลงตรงข้ามของเฟรญ่าในทันที พร้อมกับตักเหล้ารัมในถังใส่แก้วไม้
“ข้ายังไม่ทันได้อนุญาตให้ท่านนั่ง..”
“เรื่องนั้นข้าอนุญาตตัวเองได้ครับ เชื่อข้าเถอะว่าแววตาเช่นนั้นของพี่..มันเหมือนกับว่าพี่กำลังแบกเรื่องบางอย่างเอาไว้คนเดียว หากไม่ระบายออกมาบ้าง พี่สาวจะแตกสลายเอานะครับ”
ดวงตาของเฟรญ่าเบิกกว้างออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากของเธอขบเม้มเข้าหากันในทันทีราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นมันถูกต้องทุกอย่าง
ดวงตาสีทับทิมของมาร์เซลหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่เขายกแก้วไม้ขึ้นมาดื่ม เขาเห็นแกรนด์ดยุคจามินวิ่งเข้าไปหานางด้วยท่าทีรีบร้อน ทั้งสองคนมีเรื่องอะไรกันนะ แล้วเจ้าของโรงแรมธรรมดาๆ รู้จักแกรนด์ดยุคได้อย่างไรกัน
ดูท่าทางว่าตัวตนของเจ้าของโรงแรมคนสวยผู้นี้ ท่าทางจะไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิดเอาไว้ซะแล้วสิ
“ที่นี่สวยมากเลยนะครับ เป็นทะเลสาบที่เงียบสงบมากๆ เลย”
เฟรญ่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีกแก้ว อีกแก้ว และอีกแล้ว
“นี่พี่..จะรีบเมาไปไหนกันครับ ปกติแล้วในยามที่ข้านั่งอยู่หน้าสตรีพวกนางจะไม่ดื่มสุรา..ท่านรู้ไหมว่าทำไม”
แล้วเธอจะไปรู้ได้ยังไงกัน ในเมื่อเธอพึ่งพบเจอเขาเป็นครั้งแรก..แต่อันที่จริงเมื่อเขาได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ ชายเบื้องหน้าของเธอดูดีมากทีเดียว ผมสีแดงของเขามันทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าที่หล่อเหลานั่นคงจะล่อลวงหัวใจของสตรีมาไม่น้อยเลยละสิ
“เพราะว่าพวกนางกลัวว่าหากพวกนางเมาแล้วข้าจะลักพาตัวพวกนางไปนะสิครับ”
“งานอดิเรกของเจ้าคือการลักพาตัวคนอื่นรึไง”
มาร์เซลยกยิ้มขึ้นมาจางๆ จะว่าไปแล้วทหารรับจ้างก็มีงานเกี่ยวกับการลักพาตัวอยู่เหมือนกัน
“..ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”
“เช่นนั้นก็ลักพาตัวของข้าไปทีสิ ไปให้ไกลจากที่นี่จนกว่างานเทศกาลจะจบลง..”
เธออยากหนีออกไปจากที่นี่เป็นการชั่วคราว จนมั่นใจว่าแอชตันออกไปจากที่นี่แล้วค่อยกลับมา เธอเกลียดชังเขา เกลียดชังจนไม่อยากเห็นหน้า!!
เมื่อเฟรญ่ากล่าวจบริมฝีปากของมาร์เซลก็แสยะยิ้มออกมา
“ท่านพูดออกมาเองนะพี่สาวคนสวย”