10.ไม่ปล่อยแน่
นี่มัน..อะไรกัน? คำถามมากมายกำลังผุดขึ้นมาในใจพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างของเฟรญ่า
เขาจูบเธอทำไมกัน แล้ว..เธอไปจูบเขาตอบทำไม? ในหัวรู้สึกสับสนมึนงงอย่างน่าประหลาด ริมฝีปากของเธอเม้มๆ คลายๆ ด้วยความชั่งใจ
“ข้าพึ่งเคยลิ้มรสสุราที่หวานขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยนะครับ เห็นทีว่าจะต้องมากินบ่อยๆ ซะแล้ว”
เมื่อเขากล่าวจบใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมา วันนี้เธอดื่มไปมากพอสมควร แต่ถึงแม้ว่าเธอจะเมามากแค่ไหนเรื่องใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเขา ฤทธิ์ของสุราที่ร้ายกาจก็ยังไม่อาจลบความน่ารักไปจากใบหน้าของเขาได้เลย
เดี๋ยวนะ..นี่เธอคิดอะไรกันวะเนี่ย!!
“สัญญา! ข้าต้องการประทับตราลงไปบนสัญญาให้เร็วมากที่สุด ในยามนี้ก็ดึกมากแล้ว เจ้าควรจะกลับไปพักที่โรงแรม..”
มาร์เซลแย้มยิ้มออกมา
“หากพี่สาวรีบถึงขนาดนั้น เรารีบประทับตราลงไปบนหนังสือสัญญาเลยก็ได้ รอข้าสักพักนะครับ”
เขาเดินไปหยิบกระดาษที่วางเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเธอขึ้นมาก่อนจะขีดเขียนข้อความลงไปในบนนั้น มาร์เซลยื่นกระดาษให้เฟรญ่าพร้อมกับปากกาขนนกเพื่อให้เธอเขียนชื่อตัวเองลงไป
ฉิบหายแล้วไง นี่เธอ..มองตัวหนังสือพวกนี้แทบไม่รู้เรื่องเลย อีกทั้งในหัวยังรู้สึกสับสนมึนงงจนแทบจะนั่งไม่อยู่
เฟรญ่าหลับตาลงช้าๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา และปรายตามองหน้าของมาร์เซลอีกครั้ง เขากำลังนั่งมองหน้าเธอพร้อมกับส่งยิ้มที่ละมุนละไมชวนให้หัวใจอบอุ่นมาให้เธอ
ทำยังไงดีล่ะ เธอต้องการให้เขากลับไปแต่ถึงอย่างนั้นการเขียนชื่อลงในหนังสือสัญญาที่ไม่มีสติมากพอจะอ่านออกมันก็สุ่มเสี่ยงอยู่เหมือนกัน
และสิ่งที่ทำให้เฟรญ่าตัดสินใจเขียนชื่อตัวเองลงไปบนใบสัญญาคือปลายนิ้วของเขาที่กำลังลูบอยู่บนริมปากของตัวเองเบาๆ อย่างยั่วยวน เธอไม่ได้หวาดกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอ แต่เธอกลัวใจตัวเองต่างหาก..
แน่นอนว่าเรื่องหัวใจกับความต้องการทางร่างกายนั้นมันคนละส่วนกัน ถึงอย่างนั้นเขาอายุน้อยมากกว่าเธอถึงห้าปี มาร์เซลเป็นเด็กหนุ่มที่โดดเด่นมากทีเดียวทั้งเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก วงแขนที่แสนอบอุ่น รอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกเหมือนกับหัวใจจะละลาย และยังมีจุมพิตแสนหวานนั่นอีก..
ดะ..เดี๋ยวนะ นี่เธอคิดอะไรอีกวะเนี่ย!!
เฟรญ่าโบกมือไปมาเพื่อขับไล่ความคิดที่ไม่ดีของตัวเองออกไป เธอส่งกระดาษแผ่นนั้นให้กับมาร์เซลด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
เมื่อเขายื่นมือไปรับกระดาษแผ่นนั้น บนใบหน้าหล่อเหลาก็เหยียดยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เขาวาดมือลงไปในกระดาษก่อนจะดีดนิ้วเสียงดังเปราะ หลังจากนั้นแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นมาก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาร่างกายของเฟรญ่า ลมอุ่นๆ กำลังพัดร่างกายของเธอพร้อมๆ กับแสงสีทองเหล่านั้นที่ซึมลึกลงไปในร่างกาย ฉับพลันเมื่อลมสงบลงเฟรญ่าก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“สัญญาเวทมนตร์อย่างนั้นหรือ?”
“ครับ นี่คือสัญญาเวทมนตร์ที่หากพี่ไม่ยินยอมทำตาม หัวใจของพี่อาจจะถูกบีบรัดอย่างเจ็บปวด และหากข้าไม่ทำตาม..ข้าก็จะถูกสัญญาเวทมนตร์นี้เล่นงานเหมือนกันเพราะอย่างนั้นต่อจากไปก็ฝากตัวด้วยนะครับพี่สาว..”
เขาจับมือของเธอขึ้นมาก่อนจะจุมพิตลงไปบนหลังฝ่ามือของเธอด้วยความแผ่วเบา การกระทำของเขาเรียกความสั่นไหวในใจของเธอได้อย่างน่าประหลาด เฟรญ่ารีบดึงมือของตัวเองกลับมาในทันทีด้วยดวงหน้าที่ร้อนฉ่า
“ในเมื่อสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว เช่นนั้นข้าจะไปส่งเจ้าที่หน้าบ้านนะคะ”
เฟรญ่าลุกขึ้นยืนแต่ทว่ามือของมาร์เซลกลับคว้าข้อมือของเธอเอาไว้
“นี่ก็ดึกมาแล้ว พี่สาวคนสวยจะให้ข้าเดินทางกลับไปที่โรงแรมคนเดียวอย่างนั้นหรือครับ ทำไมพี่ใจร้ายจังเลยล่ะ”
นี่เขาจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย
“เจ้าเก่งกาจมากพอที่จะกลับไปที่โรงแรมเพียงผู้เดียวโดยไม่มีร่องรอยขีดข่วนใดๆ มาร์เซล..ข้าคือสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานการอยู่เพียงลำพังกับเจ้าในยามค่ำคืนเช่นนี้มันไม่เหมาะสมสักนิดเลย เพราะอย่างนั้นในฐานะผู้ว่าจ้างและทหารรับจ้าง ข้าขอสั่งให้เจ้ากลับไป..”
เธอกล่าวพร้อมกับมองหน้าเขา
“แต่ในฐานะของบุรุษผู้หนึ่ง..ข้าอยากอยู่ที่นี่กับพี่นะครับ ขอนอนด้วยสักคืนไม่ได้งั้นเหรอ?”
นะ..นี่เขาพูดอะไรออกมากันนะ
“กะ..ก็ไม่ได้นะสิ! บ้านของข้ามีห้องนอนเพียงห้องเดียวเท่านั้น และมันคับแคบมากเกินกว่าจะนอนสองคน”
เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยเพราะว่าข้าสามารถนอนบนตัวพี่ได้นะครับ เขาไม่คิดกลับไปอยู่แล้ว..เพราะคืนนี้สตรีผู้งดงามผู้นี้จะต้องเป็นภรรยาของเขาอย่างแน่นอน
.................
แอชตันก้มมองมือของตัวเอง เขาจับแขนของเฟรญ่าเอาไว้ในขณะที่เธอพยายามสะบัดมือคู่นี้ของเขาออกไป
ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นนางก็ดูรักเขาดี เราทั้งสองคนรักกันมากขนาดนั้นเลยนี่ เขาทำผิดอะไรกันนะ ทำไมนางถึงได้ยกเลิกงานหมั้นแล้วหลบหนีไปเช่นนี้..
“ท่านแกรนด์ดยุคครับ สายของเรารายงานมาว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีจะทำลายเดียลอร์ลครับ”
แอชตันขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เดียลอร์ลเป็นเมืองที่นักเดินชอบมาพัก อีกทั้งที่นี่ยังมีความปลอดภัยมากทีเดียว แล้วใครกันนะที่จะทำลายเมืองเล็กๆ กลางหุบเขานี่..”
คนที่เสียประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ? หากไม่มีเดียลอร์ลเมืองถัดไปอย่าง ลุคเซจะได้รับความนิยมไปในทันที
“ไปเรียกบารอนดีแลนมาพบข้าเป็นการเร่งด่วน แล้วก็เรียกทหารของเราให้แฝงตัวมาเป็นนักท่องเที่ยวสักสามร้อยนาย”
“ครับท่านแกรนด์ดยุค”
เขาจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ เพื่อที่จะได้รับเงินสนับสนุนจากราชวงศ์ ในยามนี้จามินกำลังลำบากเพราะเข้าสู่ภัยแล้วอย่างเป็นทางการ อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เราไม่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวเลยในปีนี้ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพาประชาชนของจามินผ่านฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้าได้อย่างไร
“ยกเลิกการหมั้นหมายแล้วข้าจะมอบสิทธิ์การครอบครองเหมืองเพชรให้”
ข้อความในจดหมายที่ดยุคทีเซียสเขียนมานั้นตอกย้ำความเจ็บปวดของเขาอีกครั้ง จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้เขียนชื่อของตัวเองลงไปในใบยกเลิกการหมั้นหมายเลย ถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเวลามาสองปีแล้วก็ตาม
แต่เขาไม่เคยลืมเฟรญ่าได้เลย ในวันนี้มาพบเจอนางอีกครั้งแต่นางกลับทำท่าเหมือนเกลียดชังเขานักหนา
แอชตันหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด ครั้งหน้าที่พบเจอกันจะต้องถามให้ได้เลยว่านางโกรธเคืองเขาเรื่องอะไรกัน เขาทำอะไรผิดพลาดตรงไหนกับความรักของเราอย่างนั้นหรือ?
“ท่านแกรนด์ดยุค..ข้าคือบารอนดีแลนผู้ปกครองเดียลอร์ลครับ เป็นเกียรติยิ่งแล้วที่ท่านแกรนด์ดยุคแห่งจามินเดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองเล็กของเรา”
“ข้าไม่ได้มาเที่ยวบารอน ข้ามาที่นี่เพื่อยับยั้งหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นต่างหาก เมืองของเจ้ามีผู้ไม่ประสงค์ดีกำลังจะทำลายที่นี่”