บท
ตั้งค่า

Chapter 3

ปกติช่วงหยุดสุดสัปดาห์ฉันจะมีตารางทำงานพาร์ตไทม์ประมาณวันละห้าชั่วโมง แต่เพราะวันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายจึงเพิ่มเป็นอีกหนึ่งชั่วโมง ฉันทำงานในห้างสรรพสินค้าห่างจากที่พักไม่ไกลนัก เดินไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึงที่หมาย ฉันทำงานร้านไอศกรีมมีหน้าที่ยืนต้อนรับคุณลูกค้าที่แวะเวียนมากินไอศกรีมและส่วนมากมักจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเวียนมาถามทางซะส่วนใหญ่จนจำร้านได้หมดแล้วว่าแต่ละชั้นเป็นโซนไหนบ้าง

ระหว่างที่กำลังคุยสนทนากับลูกค้าต่างชาติ ผู้ชายหน้าตี๋ บ่งบอกว่าคงเป็นคนประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ฉันก็ชักจะตื่นเต้นเพราะมีแฟนอยู่ที่นั่น ชื่อ หวังอี้ป๋อ แฮ่ๆ แฟนมโนอะแหละ ประกอบกับเป็นช่วงไม่ค่อยมีลูกค้านักจึงคุยกันแบบงูๆ ปลาๆ อังกฤษไม่ค่อยคล่อง ส่วนภาษาจีนน่ะเหรอไม่ได้เลย ความจริงฉันเพิ่งเรียนจีนด้วยตัวเองแหละเพราะชอบผู้ชายแผ่นดินใหญ่ พี่เอิร์ธเคยไดเรกมาหาฉันว่าชอบลงแต่ผู้ชายในสตอรี่ ชอบดุโดยไร้เหตุผลมาก ๆ ก็คนมันชื่นชอบในจิตใจก็เหมือนกับเขาชื่นชอบสาวๆ นั่นแหละต่างกันตรงไหน ฉันเคยเหน็บแนมเขาไปจนหยุดพูดเรื่องนี้ไปเลย

“你好(สวัสดีค่ะ)” ฉันรีบแนะนำตัวอย่างตื่นเต้น “你知道我喜欢中国尤其是王一博(คุณรู้ไหมว่าฉันชอบประเทศจีน โดยเฉพาะหวังอี้ป๋อ)” ฉันพูดจบก็ยิ้มกว้างกับความโก๊ะของตัวเอง เขาหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดีแล้วตอบกลับมาอย่างน่ารัก

“真的 (จริงเหรอครับ)” เขาเลิกคิ้ว “你喜欢王一博不喜欢我吗?(คุณชอบแค่หวังอี้ป๋อแต่ไม่ชอบผมเหรอครับ)” หลังจากเขาพูดจบฉันได้แต่อ้าปากกว้างหลังจากประมวลผลเสร็จ นี่ฉันกำลังจะโดนจีบเหรอเนี่ย

“喜欢 (ชอบสิคะ)” ฉันได้แต่ตอบกลับไปทันทีจะได้ไม่เสียมารยาท พอดีมีลูกค้าเข้ามาในร้านจึงได้แต่โบกมือลานักท่องเที่ยวสุดหล่อคนนั้นไป ขณะที่เบนสายตาและยิ้มอย่างมืออาชีพเพื่อจะต้อนรับลูกค้าก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเจอพี่เอิร์ธควงแขนมากับพี่เฟิร์นคนสวยคนนั้น พี่เอิร์ธใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีน ส่วนข้างกายนั้นสวมมินิเดรสเปิดไหล่แขนซีทรูสีขาว แต่งตัวก็เหมือนกันหล่อสวยเหมาะสมกันจริง ๆ

“มาทำงานหรือมาจีบผู้ชาย” เขาเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่จนถูกพี่เฟิร์นลูบแขนคล้ายปรามคนหน้านิ่ง แหมมากับสาวสวยทำมาเป็นพี่ชายหวงน้องสาว ฉันไม่สนใจและเอ่ยต้อนรับอย่างจริงใจ

“สวัสดีค่ะ เชิญคุณลูกค้าเข้าไปด้านในเลยนะคะวันนี้มีเมนูพิเศษมานำเสนอ ไอศกรีมรสมะม่วงอกร่องอร่อย ๆ ค่า” ฉันเน้นคำอย่างชัดเจนจนพี่เอิร์ธรู้สึกได้ เขาเลิกคิ้วเข้มส่งกลับมาก่อนจะเข้าไปนั่งตรงโซฟาข้างในร้าน เด็กในร้านจึงนำเมนูไปเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว มาแปลกแฮะปกติเขาไม่ชอบกินไอศกรีมไม่ใช่เหรอ คงเพราะรู้สึกว่ามีคนแอบมองแน่ ๆ พี่เฟิร์นที่หันหน้ามาทางนี้จึงคลี่ยิ้มให้อย่างคนมารยาทดี ฉันจึงยิ้มกลับไปตามมารยาท ฉันก้มมองดูนาฬิกาข้อมือปรากฏว่าอีกสามสิบนาทีก็ใกล้เลิกงานแล้ว ผู้จัดการจึงออกมาหาเขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีและยังชื่อเดียวกันกับคนขี้เก๊กด้วย

“น้องมูน” ระหว่างที่ผู้จัดการเดินมาตามและกวักมือเรียกให้เข้าไปข้างหลังร้าน ต้องผ่านโต๊ะเขาด้วย

“พี่เอิร์ธคือมูน...”

“อะไร” นี่คือเสียงพี่เอิร์ธที่นั่งโต๊ะและคงคิดว่าฉันกำลังพูดกับเขา ฉันแอบเบ้ปากใส่หนึ่งที

“ครับ?” เกิดอาการเดดแอร์ระหว่างพวกเรา พี่เฟิร์นมองคนตรงข้ามที่เอ่ยออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พี่เอิร์ธผู้จัดการจึงยิ้มให้โต๊ะลูกค้าอย่างนอบน้อมและแก้ไขความเข้าใจผิด

“เอ่อ ทานให้อร่อยนะครับ” เขาค่อมศีรษะให้คนทั้งคู่ก่อนจะบุ้ยปากให้ฉันเข้าไปข้างใน “พี่เอิร์ธถ้ามีเวลามูนจะกลับมาทำแน่นอนค่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อย เพราะรู้สึกผิดและก็ยังสนุกกับงานอยู่เลยแต่เพราะต้องไปฝึกงานที่ท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดแห่งประเทศไทย และมันอยู่ห่างไกลจากที่นี่ค่อนข้างมากก็เลยต้องตัดสินใจลาออกทั้งที่แจ้งไปแล้วแท้ ๆ

“พี่เสียดายเราไง” เขาพยักหน้าเข้าใจแต่ก็อดเสียดายพนักงานขยันและน่ารักอย่างฉันไม่ได้ ข้อนี้แอบเข้าข้างตัวเอง

“ยังมีคนอีกมากมายที่กำลังมาร่วมงานยังไงก็สู้ ๆ นะคะ” ความจริงพี่เอิร์ธเป็นเกย์และเป็นพี่ชายที่น่ารักมาก ไม่เหมือนใครบางคนหน้าหงิกหน้างอเป็นปลาทูเค็มที่ข้างนอกนั่นหรอก แทนที่จะทักมาบอกก่อนว่าจะชวนสาวมาแนะนำแต่กลับมัดมือชกให้ฉันที่เพิ่งจะทำงานเสร็จต้องไปทานข้าวด้วย

นี่มันเผด็จการชัด ๆ

ฉันลาผู้จัดการ เพื่อนร่วมงานคนอื่นเสร็จก็ต้องรีบไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อปาดไหล่สีขาวแบบมีสายคล้องคอขาสั้นชายรุ่ย สรุปคือเราสามคนแต่งตัวในโทนเดียวกัน ฉันรีบเดินออกมาจากห้องน้ำกลัวว่าพวกเขาจะรอนาน

ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงหยอกล้อกะหนุงกะหนิงราวกับทั้งโลกมีเพียงกันและกันสองคน แค่ได้ยินเสียงพี่เอิร์ธออดอ้อนสาวจนขนลุกขนพองไปหมด

“เฟิร์นจะเข้ากับน้องมูนได้มั้ยอะเอิร์ธ” เสียงพี่เฟิร์นเขย่ามือหนาไม่นานก็ถูกยกขึ้นมาจุ๊บอย่างไม่อายคน คนคลั่งรักกับคนประเจิดประเจ้อมีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่แต่ฉันว่าอย่างหลังน่าจะตรงสุดกับสถานการณ์ในตอนนี้

“อ้าว มาแล้วเหรอคะ” ฉันรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเมื่อพี่เฟิร์นเอ่ยทักด้วยสีหน้าอ่อนโยน ไม่ชินเลยกับความใจดีของผู้หญิงตรงหน้า ปกติฉันก็ไม่ค่อยพูดกับคนไม่สนิทอยู่แล้วจึงเกิดอาการกระอักกระอ่วนขึ้น ปกติแฟนพี่เอิร์ธที่คบกันจริงๆ ไม่เกินหกเดือน แรก ๆ ก็พามาแนะนำตัวแต่พอรับรู้ว่าฉันไม่ใช่น้องแท้ ๆ อาการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็เริ่มแสดงออก จนฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของเขา หลัง ๆ คือไม่ค่อยให้ความสนใจเขานั่นแหละ

“นี่เฟิร์น แฟนพี่ ส่วนยัยเด็กดื้อคนนี้ชื่อมูนครับ” เขาแนะนำอย่างเป็นทางการ เธอพยักหน้ารับขณะที่ฉันยกมือไหว้คนที่อายุมากกว่า

“น้องน่ารักไม่เหมือนที่เอิร์ธพูดเลย” หลังจากที่เธอพูดจบฉันก็จ้องเขม็งไปที่คนตัวสูงผู้ไม่รับรู้สายตาจิกกัดที่ส่งไปให้ ฉันจึงยิ้มแกน ๆ

“พี่เฟิร์นสวยมากเลยค่ะ พี่เอิร์ธนี่โชคดีจริง ๆ ที่มีแฟนสวยขนาดนี้” ฉันยิ้มประจบและแอบถลึงตาใส่ผู้ชายข้างกายเธอ

“เอาล่ะ ๆ เราไปหาอะไรทานอะไรอร่อย ๆ ดีกว่ามั้ย ชมกันไปกันมาจนเอิร์ธเวียนหัวไปหมดแล้วครับ” ฉันต้องขยี้หูอีกสักกี่ครั้ง พี่เอิร์ธพูดครับ เหอะ ผู้ชายแบบเขาลื่นเหมือนปลาไหล ฉันแอบส่ายศีรษะเบา ๆ ทีกับฉันชอบแกล้งจนโมโหไม่เคยจะอยู่เฉย ๆ เหมือนตอนนี้ เขากุมมือพี่เฟิร์นข้างหนึ่งและจะเข้ามากุมมือฉันอีกข้าง แต่ฉันเอียงตัวและทำทีใช้มือลูบกางเกงเพราะฝ่ามือชื้นเหงื่อ

“...” เขาชะงักลงเล็กน้อยก่อนจะเดินนำหน้าเคียงข้างไปกับแฟนแสนสวยที่เหมือนนางฟ้ามาโปรดส่วนฉันก็เป็นเพียงน้องสาวที่แสนจะโดดเดี่ยวเหมือนเดิมเวลาที่พี่ชายมีความรัก

“เฟิร์นทานอะไรครับ ปิ้งย่าง สเต๊ก หรืออยากทานอะไรดี” เขาเอยถามพี่เฟิร์นก่อน

“แล้วแต่เลยค่ะ เฟิร์นทานอะไรง่าย ๆ” ฉันยืนหน้านิ่ง แต่พอพวกเขาหันมามองหน้าก็กลบเกลื่อนแววตาแสร้งมีความสุข ยิ้มโง่ ๆ มองหน้าคู่รักคู่ใหม่ไปมาก่อนจะเผลอถอนหายใจเบา ๆ

“ข้าวเหนียวมูนอยากทานอะไร ปิ้งย่างเกาหลีมั้ย” พี่เอิร์ธเข้ามากระซิบที่ข้างหูระหว่างที่พี่เฟิร์นมีสายโทรเข้ามา

“แป๊บนะคะเอิร์ธ” เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบบนใบหูจนพูดคุยเป็นเวลานาน ส่วนฉันกับพี่เอิร์ธน่ะเหรอกำลังส่งคำพูดเชือดเฉือนกันทางสายตา

“ครั้งสุดท้ายแล้ว จะไม่มีสัญญาทาสอะไรอีกแล้วบอกเอาไว้เลย”

“เหรอ”

“ใช่ค่ะคุณไอศูรย์” เราเบ๊ปากใส่กันก่อนจะถอยออกมาเพื่อเว้นระยะห่างให้แก่พี่เฟิร์น เธอกลับมาก่อนจะเผยสีหน้าลำบากใจจนพี่เอิร์ธสังเกตเห็นจึงเอ่ยถาม

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“พอดีคุณแม่โทรมาถามว่า เราสองคนอยู่ไหน ตอนนี้แม่ของเฟิร์นอยู่ร้านสปากับคุณป้าใกล้กับที่นี่ พวกท่านอยากคุยกับเอิร์ธพอดีน่ะ” เธอเหลือบตามองฉันและพี่เอิร์ธอย่างคนลำบากใจก่อนถอนหายใจเหมือนกับกำลังรู้สึกผิดที่ต้องเลือกระหว่าง ทานข้าวกับฉันหรือเลือกไปหาคุณหญิงธาริณี คุณป้าจอมดุของพี่เอิร์ธ

ไม่ต้องทายก็พอจะรับรู้สถานการณ์ตรงหน้า ยังไงพวกเขาก็ต้องเลือกไปทานข้าวกับผู้หลักผู้ใหญ่อยู่แล้วสิ จะมาทานข้าวกับเด็กกะโหลกกะลาแบบฉันได้อย่างไรกัน ทั้ง ๆ ที่ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากมาทานข้าวกับพวกเขาอยู่แล้ว แต่พอโดนถูกเปรียบเทียบความสำคัญในครั้งนี้ ในใจก็หวังลึก ๆ ว่าพี่เอิร์ธจะเลือกฉัน

“งั้นเปลี่ยนไปวันอื่นก็ได้เนอะ” พี่เอิร์ธหันหน้ามามองฉันก่อนจะบอก ฉันรู้สึกชาวาบมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ครั้งนี้ดูเหมือนพี่เฟิร์นจะเป็นคนสำคัญสำหรับเขาไม่น้อย ฉันยกยิ้มมุมปากและเข้าใจในทันที สายตาเผลอไปสบเข้ากับพี่เฟิร์นที่ดูจะดีใจเป็นพิเศษ เธอคงรู้สึกว่ามีคนจับจ้องอยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก็ระบายยิ้มละมุนส่งให้เหมือนทุกครั้ง แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่เหมือนเดิม

“ถ้างั้นเราไปกันเถอะค่ะเอิร์ธ เดี๋ยวพวกท่านจะรอนาน” พี่เฟิร์นเอ่ยเสียงใสและยิ้มหวานให้หวานใจ ส่วนฉันไม่ยอมสบตาใครทั้งสิ้นกลัวว่าจะเผลอแสดงความผิดหวังมากเกินไป โดยไม่รับรู้ว่าถูกสายตาคมมองไม่ละสายตาแม้กระทั่งวินาทีเดียว

“เอิร์ธหมายถึงค่อยนัดเจอพวกท่านวันอื่นน่ะครับ” เสียงทุ้มต่ำของเขาที่ตอบกลับมาผิดที่คิดไว้จนทั้งฉันและพี่เฟิร์นชะงักงัน ฉันผินหน้ามามองพี่เอิร์ธแทบจะทันทีที่เขาเอ่ย อยู่ดีความรู้สึกที่กำลังจะเสียไปด้วยความผิดหวังหรือถูกละเลยก็จางหายไปในพริบตาเดียว

“ยังไงนะคะ?” พี่เฟิร์นเอ่ยตะกุกตะกัก และสีหน้าเริ่มจืดเจื่อน เธอดูเหมือนคนผิดหวังเหมือนกันกับฉันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า

“เรานัดน้องมาก่อนแล้ว เปลี่ยนเป็นวันหน้าละกันเนอะ” เขาเอ่ยอย่างใจเย็น แต่พี่เฟิร์นดูจะไม่คิดแบบนั้น เธอกลับมามีสติและแค่นหัวเราะเบา ๆ

“ได้ยังไงกันคะ เราจะให้ผู้ใหญ่รอเพียงเพื่อเอิร์ธแค่นัดกินข้าวกับน้องสาวคนเดียว” ฉันเหลือบมองดูทั้งพี่เอิร์ธและพี่เฟิร์นอย่างคนไม่รู้จะพูดยังไงดี ตอนแรกฉันก็ไม่เอะใจอะไรนะแต่พอเธอพูดออกมาแบบนี้ก็พอจะรับรู้มาบ้างแล้ว

“ครับ” พี่เอิร์ธแน่นิ่งไหวติงและไม่แก้ต่าง จนพี่เฟิร์นคงทนไม่ไหว

“น้องสาวของเอิร์ธทานวันไหนก็ได้มั้งคะ ใช่มั้ยจ๊ะน้องมูน” เธอเอ่ยถามฉันอย่างคนหัวเสีย พี่เฟิร์นเป็นคนอยากเจอฉันเองในตอนแรก แต่เวลาต่อมากลับบอกว่าผู้ใหญ่นัดกินข้าวแล้วให้พี่เอิร์ธตัดสินใจเลือก ฉันว่าเธอคงกำลังลองใจเขาให้เลือกระหว่างน้องสาวไม่แท้อย่างฉันกับคุณป้า

“พี่เอิร์ธไปเถอะ...” ฉันรีบตัดบทก่อนเรื่องราวจะคาราคาซังไปกันใหญ่ พี่เฟิร์นดูไม่พอใจมากจนใบหน้าถอดสีไม่รู้ว่าเสียใจและช็อกอยู่กันแน่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนสร้างสถานการณ์ตรงหน้าแท้ ๆ และฉันไม่ใช่คนโง่ พี่เอิร์ธก็คงไม่ต่างดูจากการเฉยชาและยืนนิ่ง เขาพรูลมหายใจคล้ายเริ่มไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

“เอิร์ธจะไปกินข้าวกับน้อง ถ้าเฟิร์นอยากไปหาท่านทั้งสองก็ไปคนเดียว” เขาส่ายศีรษะคล้ายเอือมระอา และจูงมือฉันเข้าไปนั่งในร้านปิ้งย่างเกาหลี สั่งเมนูมาจนเรียบร้อย ฉันได้แต่ชะโงกไปดูพี่เฟิร์นเห็นเธอยืนนิ่งก่อนจะเข้ามานั่งฝั่งพี่เอิร์ธ เมื่อมีบริกรนำเบคอนมาเสิร์ฟ พี่เอิร์ธกับฉันก็คีบตะเกียบลงย่าง ส่วนพี่เอิร์ธก็คอยบริการฉันและพี่เฟิร์นต่อไปไม่รู้สึกถึงบรรยากาศของแฟนตัวเองที่มีสีหน้าเคร่งเครียด เขาคีบเนื้อมาให้ฉัน ก่อนจะคีบใส่จานพี่เฟิร์น แต่เธอแน่นิ่งไม่ยอมทานอะไรเลย

“...” ฉันเหลือกตาใส่พี่เอิร์ธให้ง้อเธอ เขาก็ไม่ทำ สุดท้ายเป็นพี่เฟิร์นที่ทนไม่ไหวหันหน้าไปมองเขาอย่างคนกรุ่นโกรธและผิดหวัง จากที่กำลังย่างเนื้ออยู่ก็รีบยื่นเนื้อทั้งหมดมาให้ฉันและวางตะเกียบเอาไว้

“ออกไปคุยข้างนอก” เขาลุกขึ้นและจะจับข้อมือเธอ แต่เธอไม่ยอมให้แตะตัวก่อนจะพูดขึ้นด้วยความโมโห สีหน้าแววตาคงใกล้ระเบิดเต็มที แทนที่จะกินอะไรไม่ได้ฉันกลับทานอย่างเอร็ดอร่อยจนน่าแปลกใจ

“ไม่ เฟิร์นจะคุยตรงนี้ให้น้องสาวเอิร์ธได้ยินและรับรู้ไปด้วยกันเลย”

“เรื่องของเรามันไปเกี่ยวกับมูนได้ยังไง”

“ก็เกี่ยวสิคะ เอิร์ธเลือกน้องสาวแทนที่จะไปหาคุณแม่ของเฟิร์น” ดูเหมือนพี่เอิร์ธจะไม่พอใจแล้ว เขาใช้มือขยี้ที่ศีรษะและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับมูน มันเกี่ยวกับเราโดยตรง” พี่เอิร์ธเอ่ยอย่างใจเย็น แต่คนตรงหน้าเขาไม่คิดอย่างนั้นเธอสะบัดหน้าและเริ่มน้ำตาคลอเบ้า

“เพราะอย่างนี้นี่เอง เฟิร์นน่าจะเชื่อคุณป้า” เธอแค่นยิ้ม “สุดท้ายเอิร์ธก็ถูกน้องสาวไม่แท้ปั่นหัวเหมือนที่คุณป้าเล่าให้ฟังตั้งแต่แรก”

“พอเถอะ” เขาบดสันกรามแน่นจนฉันมองตามด้วยความเฉยชา เรื่องเดิม ๆ

“เอิร์ธรู้มั้ยว่าทุกคนเขาพูดยังไงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา อย่าพยายามเจอน้องสาวของเอิร์ธเลยถ้าเธอไม่ชอบ เอิร์ธก็จะเลิกเหมือนทุกครั้ง” เขาคงเริ่มหมดความอดทนกับผู้หญิงตรงหน้า

“ผิดแล้ว ความจริงคือผมไม่ชอบคนที่มาต่อว่าน้องสาวสุดที่รักของผมต่างหากล่ะ ถ้าไม่เข้าใจก็เลิกกันไปเลย”

“เอิร์ธ!”

“ขอทางด้วยครับ” พี่เฟิร์นน้ำตารินไหลตามร่องแก้มและรีบลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกร้านทันที ส่วนฉันก็ก้มหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อย

“ไม่ตามไปเหรอ” ฉันมองหน้าเขาที่มองตามเธอจนสุดสายตา เขาส่ายหัวและนั่งกินต่อเหมือนกับไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เย็นชาจนน่ากลัว

“ทายผิดนะ” เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ

“อะไร”

“คนนี้ก็เหมือนคนอื่น”

“อ้อ ต้องแสดงความเสียใจด้วยมั้ย” ฉันตอบน่าตาย

“ช่างเถอะ” เขายังแอบคีบเนื้อที่เพิ่งให้ฉันหยก ๆ ฉกไปกินอย่างหน้าตาเฉย

“พี่เอิร์ธ” ฉันเม้มริมฝีปากอย่างคนโมโหหิวและยังมาเจอคนขี้แกล้งอย่างเขา ไม่รู้ว่าจะปรับอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรแล้วตอนนี้ เรานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย เดี๋ยวแหย่เดี๋ยวแย่งเนื้อกันจนฉันเริ่มเหนื่อยและไม่สนใจเขา

“เราเริ่มฝึกงานวันไหน ย้ายมาอยู่คอนโดกับพี่ปะ” เขาพูดจบหลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อย มื้อนี้ฉันก็ลาภปากไปอีกวัน ฉันยิ้มกว้างและลุกขึ้นเพื่อจะออกไปจากร้าน เดินเคียงข้างไปพร้อมเขา ตามองร้านอาหารมากมาย สายตาเผลอไปสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่งโดยบังเอิญ

“น่าจะวันที่เอ่อ...” ฉันรีบเข้าไปจับแขนพี่เอิร์ธอย่างรวดเร็วเพื่อจะหลบใครบางคนที่รู้จักฉันเป็นอย่างดี แต่เหมือนว่าคุณไอศูรย์จะไม่ให้ความร่วมมือเขาไม่ยอมเดินแม้แต่ก้าวเดียว ส่วนฉันก็เขย่งเท้ามองหาว่าผู้ชายคนนั้นหายไปไหนแล้ว

เขาที่สอนความเป็นผู้ใหญ่และทำให้ฉันกล้าออกจากคอมฟอร์ทโซน เมื่อมองหาจนทั่วก็ไม่เห็นแล้วจึงหันกลับมามองหน้าพี่เอิร์ธพบว่าเขาจ้องเขม็งเพื่อจับผิดอาการลุกลี้ลุกลนจนน่าสงสัย

“กลับกันเถอะพี่เอิร์ธ...”

“อยู่นี่นี่เอง พระจันทร์ของผม” ผู้ชายคนนั้นที่ฉันมองหากำลังเดินเข้ามาจากทางด้านหลังของพี่เอิร์ธด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ทว่าดูเหมือนจะมีคนโดนเฉ่งในอีกไม่ช้า ฉันยิ้มแห้ง ๆ ส่งให้ ‘คุณเค’ ก่อนจะเบนสายตามามองใบหน้าเคร่งขรึมของพี่ชายที่คุ้นเคย

“ฮ่า ๆ บังเอิญจังเลยนะคะ”

“ผมไม่เจอหน้ามูนมาตั้งหนึ่งเดือนคิดถึงผมไหมครับ” เขากระตุกยิ้มด้วยความหล่อเหลา สายตาเริ่มพร่ามัวเพราะถูกแสงสว่างจากรอยยิ้มแผดจ้าใส่อย่างไม่ลดละ ส่วนคนที่ฉันกุมมืออยู่กระตุกเบา ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วถามอย่างคนสงสัย

“เอ่อ ขอแนะนำอย่างเป็นทางการนี่คือ พี่เอิร์ธพี่ชายของมูนค่ะ” ฉันรีบปล่อยมือหนาและแนะนำให้พวกเขารู้จักกัน

“สวัสดีครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณเอิร์ธ มูนชอบพูดถึงคุณบ่อย ๆ” หลังจากที่คุณเคพูดจบฉันก็เบิกตากว้างอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรแล้ว ทำไมต้องมาเจอเขาด้วยเนี่ย!

“ไม่ทราบว่าคุณคือใครครับ รู้จักกับน้องสาวผมได้ยังไงกัน” ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรต่อ แต่พบว่าคุณเคแอบหลุดยิ้มอย่างคนสนุกสนานที่ทำให้ฉันกระวนกระวายใจ ทำไมฉันต้องรู้จักแต่กับคนขี้แกล้งด้วยนะ

“มูนไม่ได้บอกเหรอครับว่าผมเป็นคนรู้ใจเธอที่สุด ผมมีธุระขอตัวก่อนนะครับ” คุณเคทิ้งระเบิดเบิ้มแล้วหายไปทันควัน ปล่อยฉันทิ้งไว้กับพี่เอิร์ธเหมือนตอนแรก

“กลับห้อง!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel