บทย่อ
ถูกเพื่อนทิ้งในผับคนเดียวก็ว่าแย่แล้วซ้ำร้ายยังมาเจอพี่ชาย(ไม่)แท้อย่าง 'พี่เอิร์ธ’ ในสถานการณ์เลวร้ายนี้อีก "กลับบ้านบอกแม่แน่" "พี่เอิร์ธ!" นี่มันวันซวยอะไรของฉันกันเนี่ย!
Chapter 1
Night Club
22.00 น.
“ว่าไงนะ แกทิ้งฉันไว้คนเดียวในผับเนี่ยนะ!” เสียงตะโกนลั่นกับบรรยากาศอึกทึกในคืนราตรีสุดแสนวิเศษต้องดับลงในพริบตา ฉันคือคนที่น่าสงสารที่สุดเมื่อถูกเพื่อนสุดที่รัก(เหรอ) ‘ยัยขนมจีน’ กับ ‘ยัยขวัญ’ ปล่อยไว้กลางฟลอร์คนเดียวเพียงเพราะพวกมันถูกแฟนตามมาเจอ อารมณ์ตอนนี้คงไม่ต้องบอกนะว่า สุดแสนจะคับแค้นปนชอกช้ำใจนิดๆ
เรานัดกันซะดิบดี สุดท้ายโดนเพื่อนเทไว้กลางทางกับสถานที่อโคจรอันน่ากลัว มากับเพื่อนรู้สึกเฉย ๆ นะแต่พอรู้ว่าต้องเผชิญโลกเพียงลำพังไหงรู้สึกว้าเหว่ขึ้นมาจนได้ ฉันมองผู้คนโดยรอบที่วาดลวดลายด้วยความเมามัน บางคนคลอเคลีย บางคนสนุกกับเพื่อนฝูง บางคนจมอยู่กับความสนุกจนไม่อาจแยกออกจากโลกภายนอก ฉันเงยหน้ามองบนไฟเทคที่กะพริบเสียงตามจังหวะดนตรีพร้อมเบ้ปากคล้ายกำลังจะร้องไห้ในใจเตรียมคำพูดที่อัดอั้นมาเจอสถานการณ์คับขัน
‘นี่ฉันมาทำบ้าอะไรที่นี่เนี่ย!’
แต่ก็เหมือนมีพระมาโปรดเมื่อถูกแรงสะกิดไหล่จะข้างหลัง ในวินาทีที่หันกลับไปก็เหมือนเจอเทพบุตรสุดหล่อที่ได้ช่วยเหลือฉันเอาไว้ ร่างสูงโปร่งใส่เสื้อโปโลสีเข้มกางเกงสเวตเตอร์โทนเดียวกัน ผมเซตแสกข้าง จมูกโด่ง กรามเป็นสันคม นัยน์ตาหวานช่างเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์แพรวพราวเหลือล้น แต่ทว่า
“กลับบ้านบอกแม่แน่”
“พี่เอิร์ธ!” ที่ไหนกันเล่า ซวยซ้ำซวยซ้อนไปอีก ขอร้องล่ะเจอใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เขาคนนี้ นอกจากจะโดนทิ้ง ยังมาเจอเจ้ากรรมนายเวรเวอร์ชันพี่ชายไม่แท้อีกหนึ่งคน ผู้ชายตรงหน้าคือ พี่เอิร์ธ ไอศูรย์ อัศวรวรา ทายาทของคุณลุงชยุตและคุณป้าชลนิภา หนุ่มหล่อและยังเป็นถึงกัปตันของสายการบินเอกชนแห่งหนึ่ง มีหุ้นส่วนเป็นธุรกิจในเครือ ‘อัศวรวรา’ แค่เก๊กหน้าหล่อสาว ๆ ก็หลงคารมจนถ้วนหน้า ไม่รู้ว่าชอบเขาตรงไหนกัน
“กลับบ้าน” มือหนาจับข้อมือของฉันพร้อมจับจูงออกมาโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว ฉันพยายามสะบัดก็แล้ว ทำทุกวิถีทางก็ไม่สามารถหลุดจากการเกาะกุมของเขาได้เลย เหนียวกว่ามือตุ๊กแกก็คือมือผู้ชายคนนี้เนี่ยแหละ
“ปล่อยก่อน ๆ พี่เอิร์ธมูนเจอเพื่อน!” ระหว่างที่ใกล้จะถึงทางออกกลับเจอผู้หญิงผมสั้น หน้านิ่งกำลังนั่งอยู่กับผู้ชายแครักเตอร์ดาร์ก ๆ ทั้งสองรู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย
“ยัยเด็กขี้โกหก ไหนคนไหน” พี่เอิร์ธปล่อยมือฉันทันที แล้วจ้องหน้าฉันกดดันทางสายตา ฉันยิ้มจืดเจื่อนส่งไปให้ จึงพยักพเยิดหน้าไปทางมุมหนึ่งของร้าน เขามองตามทั้งยังหันกลับมาหรี่ตาลงเพื่อจับพิรุธ พยักหน้าให้หนึ่งทีคล้ายจะยอมรับ
“ยังไม่อยากกลับ?”
“ยังเลย เดี๋ยวมูนขอแวะไปหาเพื่อนก่อนนะ ถ้าจะกลับจะทักไปบอกพี่ค่ะ นะ” ฉันประสานมือทั้งสองประกบกันทั้งวิงวอนกะพริบตาปริบ ๆ เพื่ออนุญาตจากผู้ปกครองคนที่สองรองมาจากคุณป้าชลธิภา หรือป้าภาแม่ของคนตรงหน้า เขาหลุบตามองบนลำคอระหงคล้ายพอใจอะไรบางอย่าง ไม่นานก็เสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยออกมา
“ก็ได้” หลังเขาพูดจบฉันก็ยิ้มกว้าง แต่กลับมีเงื่อนไขอีกข้อที่เขาบอกกลับทำฉันแทบทรุดลงบนพื้น “สัญญาทาสกำลังจะตามมานะครับ น้องข้าวเหนียวมูน” เขายิ้มพรายพลางเลิกคิ้วเข้มพลันมุมปากยกขึ้นเป็นเส้นโค้ง
นี่แหละคือความร้ายกาจของผู้ชายคนนี้
“...” จากที่ฉันยิ้มร่าหาโอกาสหนีเขาได้ก็ต้องหุบยิ้มเกือบไม่ทัน พี่เอิร์ธหัวเราะสะใจก่อนจะเดินเข้าไปข้างในและเดินเลียบขึ้นไปบนโซนวีไอพี พร้อมยกมือโบกไล่ให้ไปไกล ๆ ฉันกัดเม้มริมฝีปากแน่นส่งสายตาอาฆาตถ้าเขารับรู้ได้ป่านนี้ร่างกายคงพรุนไปหมดทั้งตัวแล้วล่ะมั้ง
ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้พี่เอิร์ธ!
“เธอ ขอนั่งด้วยได้ปะ” ฉันส่งยิ้มหวานไปให้ ‘เคท’ เพื่อนร่วมคณะมนุษย์ฯ ที่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เจอกันบ้างตามเรียน เธอเลิกคิ้วคล้ายแปลกใจแต่ก็พยักหน้าตกลง จึงหย่อนตัวลงไปนั่งโซฟาเคียงข้าง เมื่อกี้ยังเห็น ‘ลม’ ตัวท็อปของคณะบริหารธุรกิจนั่งอยู่ด้วยกันอยู่เลย สมกับชื่อลมจริงๆ มาแว็บเดียวหายไปเลย
“มองหาใคร”
“เอ่อ...เปล่า ๆ” ยกมือปฏิเสธพลันยิ้มฝืดเฝื่อน ช่างไม่เนียนเอาเสียเลย ตอนนี้ฉันเหมือนคนห่วงหน้าพะวงหลังเมื่อโดนจับได้จากพ่อกัปตันสุดหล่อของสาว ๆ กว่าจะแอบวางแผนมาเที่ยวที่นี่ได้ฉันต้องแอบโทรไปถามป้าภาว่าพี่เอิร์ธมีบินวันไหนบ้าง แต่คุณป้าจะรู้ได้ยังไงเล่า พี่เอิร์ธนั่นแหละที่ทำทีตีเนียนเห็นถึงความไม่ปกติของพฤติกรรมอันน่าไม่ไว้ใจของฉัน
“ไม่ใช่แฟนหรอก...ลูกค้าน่ะ” เสียงเรียบเรื่อยของเคท หญิงสาวหน้าสวย ผมสั้นบ๊อบระต้นคอ กรีดตาเฉี่ยวช่างเข้ากันเหมือนนิสัยนิ่งเงียบของเธอเลย งั้นข่าวลือที่ว่าเธอมีลูกค้าก็จริงน่ะสิ เห็นเพื่อนร่วมคณะชอบเมาท์มอยเรื่องของเธอบ่อย ๆ แต่มันก็เรื่องของเธอนี่นา
“งั้นเหรอ” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ จนเธอปรายตามองพร้อมยกแก้วรินเหล้าผสมโซดา ยื่นมาให้กับมือ “ดูเธอไม่แปลกใจอะไรเลยนะ” เคทยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหยิบแก้วที่มีแอลกอฮอล์เขย่าเล็กน้อยให้มันเข้ากัน ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉาเลยท่วงท่าดูมั่นใจมีอำนาจเหนือใคร
คนอะไรมีเซ็กซ์แอพพีลสูงจนละสายตาไม่ได้ นอกจากฉันแล้วหนุ่ม ๆ ต่างแอบเมียงมองไม่ขาดสาย
“แล้วผู้ชายเมื่อกี้ แฟนเหรอ” เธอเอ่ยถามกลับทันที “หืม คนนั้นน่ะนะ เปล่าหรอก พี่ชายน่ะ” ฉันยกแก้วขึ้นจิบเบา ๆ ราวกับเชื่อใจเพื่อนที่เพิ่งจะรู้จักกัน เราสองคนนั่งดื่มกันสองคนมีเรื่องเล่ามากมาย แต่แปลกใจอยู่หนึ่งอย่างทั้งที่ได้รับสายตาเชิญชวนจากเพศตรงข้ามมากมายแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าใกล้โต๊ะเราเลยสักคนเดียว
บันทึกลับของโลก
มันไม่กี่อย่างที่ผมจะชอบแกล้งคนคนหนึ่ง หนึ่งเห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ สองนิสัยกวนประสาท และสามอยากหยิกแก้มกลม ๆ นั้นทุกวัน และทั้งหมดคือผู้หญิงคนเดียว ‘ยัยเด็กข้าวเหนียวมูน’ เธออายุน้อยกว่าผมเจ็ดปี เป็นเด็กที่คุณนายชลนิภารับมาเลี้ยงตั้งแต่อายุสามหรือสี่ปีผมเองก็ไม่แน่ใจนัก ทว่าตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านบอกเลยว่ามีแต่ความวุ่นวาย แต่มันก็สนุกดีชีวิตไม่ขาดสีสันไปเลยเสียทีเดียว จนผ่านมาจนถึงตอนนี้ยัยเด็กนั่นก็โตมาขนาดนี้แล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ
วันนี้เป็นวันหยุดของผม หลังจากกลับมาจากกรุงมะนิลา จึงกลับไปพักผ่อนที่บ้าน แต่เมื่อเช้าข้าวเหนียวมูนกลับโทรมาที่บ้าน มาตะล่อมถามถึงเที่ยวบินของผมจากแม่ พอดีที่กำลังนั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ผมจึงให้แม่โกหกน้องอยากรู้ว่าเธอจะมีแผนไปไหนอีก
สุดท้ายผมก็รู้เรื่องราวทั้งหมดจากเพื่อนสนิทเธอ ถ้าอยากมาเที่ยวก็แค่ขออนุญาตไม่ใช่แอบหนีเที่ยวตามอำเภอใจแบบนี้ ไม่รู้หรือยังไงว่าโลกใบนี้มันน่ากลัวขึ้นทุกวัน
สถานที่แห่งนี้ผมพอจะรู้จักเจ้าของร้านจึงชวนเพื่อนมาสังสรรค์ทั้งที่ปกติ นิสัยของผมไม่ค่อยอยากมาสถานที่อโคจรสักเท่าไรนัก นอกจากจะจัดงานเองหรือจองร้านแบบส่วนตัวตามวาระต่าง ๆ ทั้งหมดเพียงเพราะน้องสาวต่างสายเลือดคนเดียวแท้ ๆ
ผมนั่งอยู่ข้างบนโซนวีไอพี โต๊ะใหญ่มีโซฟาเรียบหรูล้อมวงกลม มองเห็นข้างล่างทะลุกระจกใสอย่างชัดเจน ไม่นานก็เห็นเด็กดื้อมากับเพื่อน เมื่อเห็นชุดมินิเดรสสายเดี่ยวสีดำโชว์หน้าท้องนิดหน่อยกับลำคอระหงขาวผ่อง หัวคิ้วเริ่มย่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว จนเพื่อนในกลุ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของผม
“ไอ้เอิร์ธมึงมองอะไรวะ เห็นสาวที่ถูกใจรึไง ไหนว่าจะไม่คบใครแล้วไงครับผม” ธามคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของผมตั้งแต่เรียนมัธยมที่คบนานสุด มันชอบหาเรื่องแขวะและซ้ำเติมผมให้จมดิน ไม่รู้ว่าคบกันได้ยังไง
“เปล่า” ผมตอบเสียงเรียบ แต่สายตายังไม่หยุดจ้องเขม็งเมื่อเห็นเธอกระโดดเต้นโหยงเหยงดูเก้กังในตอนแรก จนสนุกสุดเหวี่ยงในเวลาต่อมา ท่ายกนิ้วชี้ขึ้นแล้วหมุนดูแล้วฮาจนทำเอาผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ชุดที่ใส่กับท่าทางการเต้นไม่เข้ากันสักนิด
“ฮ่า ๆ”
“...” ผมคงหัวเราะเสียงดังไปหน่อยจึงไม่เห็นว่าเพื่อนมองกิริยาท่าทางแปลก ๆ ของผมดูจดจ้องกันเป็นตาเดียว ไม่ว่าจะไอ้ธาม ไอ้ไบร์ท ไอ้บอส หรือไอ้วี ไหนจะสาว ๆ ข้างกายพวกมันอีกเป็นพรวน
“มึงมองอะไรวะ” ไอ้ธามมองตามผมจนสุดสายตาจึงเห็นว่า คนที่ผมสนใจมีเพียงหนึ่งนั่นก็คือ
“นั่นมัน...น้องสาวมึงนี่หว่า โห” หลังจากไอ้ธามพูดจบทุกคนก็รีบกรูเข้ามามุงดูเหมือนมันคือเรื่องที่น่าสนใจจนทำให้พวกมันมีท่าทีตื่นเต้นจนเกินเหตุ
“น่ารักว่ะ”
“มีน้องสาวก็ไม่บอก”
“ทำไมหน้าไม่เหมือนมันเลยวะ”
“อย่ายุ่งเลย พ่อเขาอยู่ที่นี่แล้ว มา ๆ กลับมานั่งนี่” เสียงไอ้ธามปรามเพื่อน ๆ ที่ดูสนใจข้าวเหนียวมูนจ้องตาเป็นมัน ผมส่งสายตาไม่พอใจให้พวกมันทุกคน
“ห้ามยุ่ง”
“ค้าบ ๆ” น้ำเสียงกวนตีนที่ส่งมาเป็นระยะดูไม่จริงจังเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าคบกันมานานขนาดนี้ได้อย่างไร กลุ่มผมต้องบอกว่ามีแต่คนกวนตีน รวมคนทะลึ่งไว้ในกลุ่มเดียว คงมีแต่ผมคนเดียวที่ดูเป็นคนดีที่สุด ช่างเถอะว่าแต่คลาดสายตาไปแป๊บเดียวทำไมเธอยืนอยู่คนเดียววะ ไม่ได้การละ
“เฮ้ย! ไปไหนวะไอ้เอิร์ธ” เสียงไอ้บอสตะโกนไล่มาตามหลัง “มันไปหาลูกมันไง ช่างมันเถอะแค่คุณพ่อหวงลูกสาวก็เท่านั้น” ไอ้ธามเป็นคนตอบแทน
จบบันทึกของโลก
3 hour later
“ฮ่า ๆ ก็คือยังงี้นะมันประมาณว่าฉันนะชอบกินส้มตำใช่ปะ แล้วแบบมีวันหนึ่งเผลอกิน...” ระหว่างที่นั่งคุยและยกแก้วดื่มรวดเดียวจนลืมเลือนเวลาเสียสนิท ตอนนี้ก็เลยเมาได้ที่เลยแหละแต่สติสัมปชัญญะค่อนข้างครบถ้วนนะ ฉันรับรองร้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไม่มีหมดสภาพหรอกเพราะอะไรน่ะเหรอแอบมาเที่ยวบ่อยน่ะอิอิ
“ฮ่า ๆ สนุกเนอะ” เคทตบมือหัวเราะในขณะที่ฉันเล่าเรื่องสนุกให้เธอฟัง ฉันเอียงคอเข้าหาก่อนจะย่นคิ้วเมื่อพบว่ากำลังมีคนลักไก่ “เมาแล้วนะเราอะ” ฉันส่ายหน้าและจิ้มที่แก้มเธอเบา ๆ
“...”
“ยังพูดไม่จบเลยเธอ แหม” เมื่อถูกจิ้มแก้มบางเคทเอียงหน้าเข้ามาฉันและแอบหอมแก้มหนึ่งฟอดราวกับกำลังมันเขี้ยว ฉันรีบจับแก้มตัวเองทันที ร้ายกาจจังเลยผู้หญิงคนนี้หรือเธอจะแอบชอบฉันกันนะ อย่างนี้ต้องเอาคืน ขณะที่ฉันจะโน้มตัวไปจัดการยัยหน้าสวยเพื่อนใหม่คนนี้ หลับตาพริ้มพร้อมทำปากจู๋ อยู่ดีก็มีคนยันศีรษะฉันเอาไว้จนมันค้างเติ่งราวกับวินาทีหยุดโลก
“ทำอะไรกัน” เสียงคุ้นเคยที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังกับมือหนารีบปิดปากฉันให้สนิท ฉันรีบลืมตาโพลงก็พบว่า เคทได้หายไปกับผู้ชายสุดฮอตนามว่า ‘ลม’ รวดเร็วสมกับชื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังไม่ได้ลากันเลย
หลงเหลือไว้เพียงฉันกับ....
“อ้อย อี้ เอิ้ด(ไอ้พี่เอิร์ธ)” เสียงอู้อี้ในลำคอของฉัน
“พี่ไม่ชอบกินอ้อยนะ พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย กลับได้แล้ว” เขาปล่อยริมฝีปากทันที ก่อนจะจับข้อมือบางรีบรุดออกจากที่นี่ เดี๋ยวนะฉันยังไม่จ่ายค่าเครื่องดื่มเลย
“พี่เอิร์ธ ค่าเครื่องดื่มล่ะ มูนยังไม่จ่ายเลย” ฉันยันตัวเอาไว้ไม่ให้เดินจากไป เอี้ยวตัวมองโต๊ะที่นั่งตอนนี้มีบริกรมาเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว
“พี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว” เขาบอกเสียงเรียบ พร้อมพยักพเยิดให้เดินต่อจนมาหยุดที่ลานจอดรถ
“เข้าไปสิ หรือจะรอให้พี่เปิดประตูให้” เขาแขวะเบา ๆ
“ไหนพี่เคยบอกว่าคันนี้จะขับไปรับสาวเท่านั้นนี่นา” ฉันมองหน้าผู้ชายเจ้าชู้ที่เคยบอกว่า Aston Martin ลูกรักคันนี้ คนที่นั่งเคียงข้างเขาต้องเป็นหวานใจเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์นั่งเด็ดขาด
“ยังจำได้ด้วยเหรอ” เขายกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ฉันส่ายหน้าพร้อมกลอกตามองบน “ใครจะลืมลงพูดชัดเจนซะขนาดนั้น”
“บ่นอะไรน่ะ ขึ้นรถได้แล้ว” เขาผลุบเข้าไปในรถเก๋งซูเปอร์คาร์คันโปรดฉันจึงรีบเข้าไปนั่งให้เรียบร้อย คาดเบลล์เสร็จก็เอนตัวลงนอน ไอ้การดื่มแอลกอฮอล์มันก็ดีนะรู้สึกง่วงขึ้นมาทันทีหลังจากเข้ามานั่งบนเบาะนุ่ม ๆ แอร์เย็น ๆ บรรยากาศสงบเหมาะแก่การนอน
“ข้าวเหนียวมูนหลับแล้วเหรอ”
“...” ขี้เกียจคุยกับคนขี้แกล้งแบบเขา
“พี่น่ะรู้นะว่าเรายังไม่หลับ” ก็รู้นี่น่า “บอกไว้ก่อนว่าสัญญาทาสของเรายังมีอยู่นะจ๊ะ”
“รู้น่า ไม่ได้ความจำสั้นสักหน่อย เหอะ” ฉันพรูลมหายใจออกมาเป่าเส้นผมที่ยาวปรกใบหน้า ก่อนจะเอียงหน้ามองคนขับรถที่กระหยิ่มยิ้มย่อง คงพอใจไปเลยสิ ก็สัญญาทาสที่เขาพูดถึงคือ การเสียรู้ให้เขาเสมอมา ไม่รู้ว่าชาติก่อนฉันเคยไปสร้างกรรมอะไรมาชาตินี้ถึงถูกคุณชายไอศูรย์หาเรื่องเป็นต่อได้ขนาดนี้ และสัญญาอีกมากมายที่หนักหนาอย่าให้สาธยายเลย เรื่องมันยาวมากเล่าวันเดียวก็คงไม่หมดหรอก
“พรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงตรงอย่าลืมไปทำข้าวเหนียวมูนให้พี่ด้วย โอเค้” เสียงพี่เอิร์ธเอ่ยเรื่องมากมายเข้ามาในโสตประสาทจากที่ได้ยินชัดเจน ไม่นานก็เหมือนดังแว่วไกลออกไปจนดับสนิท ฉันผู้ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย
“แล้วเนี่ยคิดว่าพี่ไม่รู้เหรอว่าเราแอบหนีเที่ยว ยังแอบทำงานพาร์ตไทม์อีก บอกเลยนะถ้าแม่รู้ เราตายแน่ หึหึ”
“...”
“หลับแล้วเหรอ”
“...”
“พรุ่งนี้พี่จำได้ ข้าวเหนียวมูนไม่มีเรียน คงจะเหนื่อยล่ะสิยัยเด็กดื้อเอ๊ย”
“อื้อ” เสียงอู้อี้ในลำคอพร้อมความรู้สึกที่ร้อนผ่าวของจุดกึ่งกลางลำตัว ฉันรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ใบหูที่มันร้อนผ่าวคล้ายอุณหภูมิกำลังพุ่งสูงปรี๊ด ในใจกระวนกระวายจึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาทั้งสองข้างช้า ๆ รับรู้ถึงมือของใครบางคนกำลังคืบคลานเข้ามาเชื่องช้า ไม่นานก็ช้อนตัวอยู่ข้างหลัง กอบกุมเนินเนื้ออวบกลมทั้งสองข้างนวดเฟ้นจนย่ามใจ
“อ๊ะ” เผลอหลุดเสียงน่าอายออกไปจนได้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหิมเกริม เพิ่มน้ำหนักกดลงอีกครั้ง มืออีกข้างก็ไล้ลงไปยังกลีบดอกไม้ที่รอแมลงตัวผู้มาดอมดม มือเรียวสอดแทรกเข้าไปในโพรงนุ่มไม่รีบร้อนจากหนึ่งเปลี่ยนเป็นสอง จากนั้นเสียงแห่งความหฤหรรษ์ก็บรรเลงจนจบสิ้น
“ชอบมั้ย” ผู้ชายคนนั้นกระซิบที่ข้างแก้มใส ก่อนจะจูบไซร้ที่ลำคอระหง “พอแล้วค่ะ”
“พี่ว่ายังไม่พอหรอก”
“...?” ทำไมเสียงผู้ชายคนนี้คุ้น ๆ เหมือนเสียง...
“ข้าวเหนียวมูน” เป็นเขาได้ยังไงกัน เกิดอะไรขึ้น!
“พี่เอิร์ธ...”
“ครับผม” ฉันรีบลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเปิดโคมไฟข้างหัวเตียง เขานอนเคียงข้างด้วยสภาพเปลือยเปล่า ส่วนฉันก็เหมือนกัน ไม่จริง เป็นไปไม่ได้
“ฝันแน่ ๆ ฉันฝันไปแน่ ๆ” ฉันทึ้งศีรษะตัวเองอย่างคนหมดแรง ไม่นานพี่เอิร์ธก็หัวเราะดังลั่นด้วยสีหน้าสะใจ ยิ้มกว้างอย่างคนมาดร้ายพร้อมเขยิบเข้ามาใกล้ชิดกันอีกครั้ง เขาจรดนิ้วชี้ใส่หน้าผากของฉัน
“แอบฝันเรื่องลามกอีกแล้วเหรอ ยัยข้าวเหนียวมูน!”
เฮือก ฉันสะดุ้งตื่นสุดตัว มองภายในห้องนอนอีกครั้ง ไม่มี ไม่มีใครเลย เมื่อกี้คือความฝัน ให้ตายเถอะ!
“ฝันเรื่องนี้อีกแล้ว ทำไมกัน” ฉันไถลตัวลงไปนอนและกลิ้งไปมาบนเตียง งอแงเล็กน้อยกับความฝันที่น่าอายหรือไม่ใช่เรื่องน่าอาย?
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ข้าวเหนียวมูน ตื่นยัง”
“ค่า” ฉันรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินปราดค่อย ๆ แง้มประตูห้องเปิดออกมาเจอคนเรียก คอนโดย่านเศรษฐกิจสองห้องนอนเป็นของพี่เอิร์ธที่เขาซื้อเอาไว้ นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เขารวย ที่พักอาศัยเยอะแยะไปหมด ไม่น่าถึงไม่เคยเห็นพาผู้หญิงมาที่ห้องสักทีก็เพราะว่าเขามีเยอะนี่แหละนะ
“ออกมาสิ ชักช้าตื่นสายจนชิน” เสียงบ่นของพี่ชายที่ได้รับฉายาคุณพ่อในไม่นานยืนบ่นจนฉันเอือมระอา
“ก็มันวันหยุด” ฉันแก้ตัว ถ้ามีเรียนใครเขาจะตื่นสายกัน
“มาเลย มานั่งนี่” เขากวักมือเรียกให้ไปนั่งข้างโซฟาชุดหรูครบครัน ด้วยการตกแต่งโทนสีเทา-ดำ ทั้งสองห้องนอนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันพื้นที่ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น และห้องครัวเล็ก ๆ คั่นด้วยบาร์สูง ส่วนโต๊ะนั่งกินข้าวก็ถัดออกมาเล็กน้อย และที่นี่ยังใกล้สนามบินที่ทำงานของเขาสะดวกสบายจริง ๆ
“ขอแปรงฟันก่อนได้ปะ”
“อี๋ ว่าแล้วได้กลิ่นตุ ๆ” เขานั่งไขว่ห้างสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็กส์ ทำผมอย่างหล่อกำลังบีบจมูกคล้ายรังเกียจกัน ฉันจึงนึกอุตริหมั่นไส้คนขี้เก๊ก ทำทีว่าจะหันหลังกลับไปห้องนอน ระหว่างที่พี่เอิร์ธเผลอก็รีบเป่าลมหายใจใส่หน้าเขาไปหนึ่งที
“...” เขาดูช็อกและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเคลื่อนเข้ามาชิดเรียวจมูก ฉันเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องและรีบล็อกประตูทันที เสียงดังปึงปังลอดเข้ามาเป็นระยะพร้อมเสียงสบถไม่จริงจังนัก นี่แค่ส่วนหนึ่งของการแกล้งกันในแต่ละวันของเราสองคนพี่น้องต่างสายเลือด
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเด็กหน้ามึนเอ๊ย”
“ได้ค่า พี่โลกของน้อง” ก็เขาชื่อ เอิร์ธ Earth ที่แปลว่าโลก