บท
ตั้งค่า

Chapter 2

หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมที่ยังไม่แห้งก็ถูกไดร์เป่าผมเกือบสิบนาที ฉันทำทุกอย่างลวกๆ และรีบเดินออกไปข้างนอกกลัวว่าพี่เอิร์ธจะรอนาน

“อ๊ะ” เสียงครางกระเส่าออกมาจากจอรับภาพโปรเจคเตอร์โซนรับแขก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาดูหนังโป๊อีกแล้ว มีพี่ชายที่เปิดโลกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เขาได้ยินเสียงประตูเปิดออกจึงเอี้ยวตัวหันมามองพร้อมมือที่ถือแอปเปิลหนึ่งลูกเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ไม่สนใจว่าสีหน้าฉันตึงขนาดไหน หรือเพราะเขาเปิดบ่อย ๆ ฉันถึงเก็บไปฝัน ไม่น่าจะใช่เพราะแท้จริงฉันรู้ว่าสาเหตุของความฝันมันเริ่มจากคืนนั้น

“ปิดเลย ดูอะไรที่มันบันเทิงใจหน่อยดิพี่เอิร์ธ วัน ๆ หมกมุ่นแต่กับเรื่องแบบนี้เนี่ย” ฉันนั่งห่างจากเขาเป็นวา บ่นไปก็รีบแย่งรีโมตแล้วเปลี่ยนเข้าไปเลือกหนังใน Netflix ไม่รับรู้สายตาส่อแววเจ้าเล่ห์จากพี่ชายร่วมห้องแม้แต่น้อย

“หรือเราไม่เคยดู” ฉันหันขวับไปมองแทบจะทันที เขาพูดออกมาได้ยังไงว่าไม่เคยดู ฉันเนี่ยแหละที่เห็นมากับตาสด ๆ เมื่อสองปีก่อน

“เคยดิ ก็ดูพี่ไง สดพอไหมล่ะ” เป็นเพราะอยากมาเซอร์ไพรส์วันเกิดพี่เอิร์ธแบบส่วนตัวจึงใช้คีย์การ์ดแตะเข้ามาอย่างวิสาสะ แล้วก็โป๊ะเช๊ะ เจอคุณชายกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับสาวสวยคนหนึ่งอย่างเร่าร้อน ดูหนังสดจนตาไม่กะพริบ อย่างน้อยฉันก็กุมความลับหนึ่งอย่างของเขาได้ล่ะนะ ถึงจะเอ่อสิบแปดบวกไปหน่อยก็ถือว่าเปิดโลกดี

“แหม พี่ขอโทษไงก็ใครมันจะไปรู้ว่าเราจะมาหา” เขากัดผลไม้หนึ่งคำและทำตาปริบ ๆ อยากให้สงสารคงมีแต่สาวๆ เขาเท่านั้นแหละที่ติดกับความร้อยเล่ห์มารยาของผู้ชายคนนี้ได้ แต่ไม่ใช่กับฉันย่ะ

“ช่างเถอะอย่างน้อยมูนก็เก็บความลับของพี่ได้อีกหนึ่งอย่าง” ฉันยิ้มระรื่นราวกับเหนือกว่า เขาเลิกคิ้วและใช้นิ้วชี้ขึ้นจริตริมฝีปากหนาเปรยตาและยิ้มเย้ยหยัน

“แต่พี่มีความลับของเธอ...” เขายกมือขึ้นมานับ และทำตาโต “โอ๊ะ! ตั้งเยอะเลยแหนะ” น้ำเสียงเย้าแหย่และกวนอารมณ์โมโหเป็นที่สุด ก็รู้แหละว่าฉันค่อนข้างดื้อไปหน่อย ยังมีพี่ชายที่ค่อนข้างมีอำนาจเหนือกว่ามันก็ยิ่งเก็บความขุ่นเคืองนี้ไว้ ซะที่ไหนกันล่ะ

“ไอ้พี่-เอิร์ธ” ฉันใช้หมอนข้างกายไล่ตบลำตัวจนวุ่นวาย หนังที่เปิดไม่ได้ดูหรอก ตะลุมบอนกันจนเหนื่อย เขารีบยกมือยอมแพ้

“พอ ๆ พี่มีธุระเห็นไหมเนี่ยแต่งตัวซะหล่อเหลา ดูสิ” เห็นเขาหน้าชื่นตาบานก็หมั่นไส้ คงนัดสาวไปเดทล่ะสิท่า พ่อคนฮอตปรอทแตก

“คนไหนล่ะพี่ฟ้า ดาว สกาย เนปจูน ซันนี่”

“...”

“เอาจริงนะ กิ๊กพี่แต่ละคนอยู่ในระบบสุริยะทั้งหมดเลยนะ พ่อคนรักโลก” ฉันประชดประชันใส่พี่ชายผู้ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดทั้งสิ้น ก็ดูชื่อแต่ละคนที่เขาแอบแซ่บสิ ฉันส่ายหน้าระอากับรอยยิ้มราวกับพออกพอใจของคนที่นั่งข้างกาย

“เราไง เหลือเรา”

“...” ฉันทำเป็นไม่ได้ยินตามองจอโปรเจคเตอร์ดูหนังที่กำลังดำเนินเรื่องมาถึงช่วงฉากโรแมนติก

“Moon ก็แปลว่าพระจันทร์”

“ใครบอกพี่ ชื่อมูนมาจากขนมหวานค่ะ” ฉันเบนสายตามามองใบหน้าหล่อ “พี่ก็รู้หนิ”

“ก็รู้ไง พี่ถึงชอบกิน หึ” ตามองจอโปรเจคเตอร์แต่น้ำเสียงอ่อนโยนลงหลายส่วน ฉันหรี่ตาลงเพื่อจับผิดเขา จะมาไม้ไหนอีก มุกนี้ไม่ตลก

“ชอบกินเหรอ แต่จะชอบกินทุกวันมันไม่ได้!” ฉันตะโกนและปรี่เข้าไปใช้หมอนฟาดอีกหนึ่งที

“โอ๊ย ๆ พี่ยอมแล้ว ๆ” เขารีบยกมือขึ้นยอมแพ้อีกรอบ และรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันกระตุกยิ้มและกลับไปนั่งโซฟาพิงพนักพร้อมหมอนอิงมาวางบนตักและไม่สนใจเขาอีก พี่เอิร์ธคงเห็นว่าบรรยากาศผ่อนคลายลงมาก จึงหยิบรีโมตมากดปิดหน้าจอที่กำลังสนุกลง

“ทำไมถึงแอบหนีเที่ยว” เขาเกริ่นประโยคแบบเดิม ในทุกครั้งที่จริงจัง โหมดพี่ชายผู้เคร่งครัดกำลังจะตามมา มาอีหรอบนี้ฉันว่าคงเทศนายาวเป็นแน่

‘ทำไมถึงแอบไปทำพาร์ตไทม์’

‘ทำไมถึงไม่เชื่อฟังพี่’

‘ทำไมต้องทำแบบนี้’

‘ทำไม...’

“หืม”

“คะ?” คงเพราะความเงียบงันจากการคำถามเมื่อครู่ ฉันเผลอใจลอยขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจ้องหน้านิ่ง

“มูน...แค่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”

“อะไรอีก” เขากดดันทางสายตา จนฉันหลุบตามองพื้นมือที่วางไว้ที่หน้าตักกุมแน่นสนิท มันก็แค่อารมณ์วัยรุ่นอยากรู้อยากเห็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ฉันรู้สึกถึงความตื่นเต้นและชื่นชอบแสง สี เสียง ก็เหมือนกับเขาที่ชื่นชอบสาวสวยในคลังไง

“ก็แค่ชอบ ก็เลยไป” ฉันพูดเสียงเบา ไม่มีเสียงตอบรับจากพี่เอิร์ธ จากที่ก้มหน้างุดมองหน้าตักจึงแอบมองขายาวที่ยกขึ้นไขว่ห้างนั่งพนักพิงกอดอกราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“ชอบเหรอ...รู้มั้ยว่าผู้หญิงไปคนเดียวมันอันตรายแค่ไหน” เขาปรายตามองอย่างคนคาดโทษกับความเป็นห่วงฉบับพี่ชาย

“คิดว่าพี่ไม่รู้เลยเหรอว่าเราน่ะแอบทำอะไรลับหลังตลอด”

“...” เขารู้อย่างนั้นเหรอ ก็คิดว่ารอบคอบแล้วนะ โธ่ ไม่น่าเลยคราวหน้าต้องวางแผนให้รัดกุมกว่านี้

“ก็ใช่สิ เราโตแล้วนี่ อายุยี่สิบจะย่างยี่สิบเอ็ดปีบริบูรณ์พร้อมจะออกท่องโลกกว้างสุดขอบฟ้า” เสียงทุ้มต่ำร่ายยาวถึงความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจ ฉันรู้หรอกน่าว่าเขาเป็นห่วงแต่ฉันดูแลตัวเองได้ไม่ใช่เด็กสิบขวบเดินตามเขาต้อย ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และช่วงที่เขาหายไปจากชีวิตมันก็นานจนความสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิมจนฉันรู้สึกไม่คุ้นชิน

“ช่างเถอะพูดไปข้าวเหนียวมูนก็ไม่ฟังอยู่ดี”

“...”

“พี่เอิร์ธ บอกมาเถอะสัญญาทาสคืออะไร” เขาชะงักงันจากที่สีหน้าจริงจังก็หลุดหัวเราะออกมา บอกเลยว่าเขาน่ะเป็นคนไร้สาระที่สุดแล้ว และอายุที่ห่างกันเจ็ดปีไม่มีผลกับความสัมพันธ์ของเราสักนิด นิสัยส่วนตัวก็รู้ไส้รู้พุงจนเข็ดขยาดกับผู้ชายหน้าหล่อแต่นิสัยชอบแกล้งคนนี้

“ฮ่า ๆ รู้ด้วยเหรอว่าพี่แกล้ง” เขาระบายยิ้มสดใส หน้าบานเป็นจานเพิงคงเพราะมีพี่ชายหน้าตาดีขนาดนี้ฉันถึงได้มีภูมิคุ้มกันที่ดีกับผู้ชายทุกคนที่เข้ามา แต่ก็เพราะเขาชอบวางมาดหน้าเคร่งขรึมทั้งเพื่อนและคนคุยถึงได้ค่อนข้างเกรงใจ

“พี่ชอบแกล้งมูนตลอดค่ะ เผื่อจำไม่ได้”

“จริงเหรอลืมแฮะ” เขายิ้มนิด ๆ แล้วหุบยิ้มลงทันที เปลี่ยนหน้าก็เก่ง ยอมใจเขาจริง ๆ

“เอ่อ...เฟิร์นอยากเจอเรา” เขาเอ่ยอย่างคนลังเลเล็กน้อย ปฏิกิริยาเมื่อครู่ทำฉันแปลกใจ พี่เอิร์ธเคยประหม่าแบบนี้ล่าสุดก็น่าจะตอนทะเลาะกันรุนแรงเมื่อสองปีก่อน ผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขาไม่เป็นตัวเองขนาดนี้กันนะ ฉันอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ

“ใคร”

“ก็นะ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม “ว่าที่แฟนในอนาคต”

“อ๋อ” เขาเคยจริงจังแบบนี้ที่ไหนกัน

“อะไร คนนี้พี่จริงจังแน่นะ” ฉันขบริมฝีปากแน่น ใครจะเชื่อเขากัน คบกันแป๊บเดียวก็เลิกนั่นเป็นสาเหตุที่ฉันจะคบใครขออย่างเดียวอย่าเหมือนพี่เอิร์ธ เจ้าชู้ เจ้าเล่ห์ เจ้ามารยา อย่าให้สาธยายเลย

“พอเลย ถ้าไม่มีสัญญานะอย่าหวังเลยว่ามูนจะไป” ผู้หญิงเกือบทุกคนที่พามาแนะนำตัว กี่รายก็มักไปไม่รอด แต่ทำไมความรู้สึกว่าคนนี้จะไม่ธรรมดา

“แหม น่ารักจริง ๆ เลยน้องข้าวเหนียวมูนของพี่” เขาลุกขึ้นเข้ามาบีบแก้มทั้งสองข้างแล้วเตรียมจะไปข้างนอก ยกมือดูนาฬิกาก่อนจะเอ่ยถาม

“ปะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ฉันพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปหยิบสมาร์ตโฟนบนเตียงนอน จากนั้นเราสองคนก็แยกย้ายเมื่อเขามาส่งที่หน้าคอนโดใกล้มหาลัยที่ฉันพักอาศัยอยู่ปัจจุบัน ตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่ใกล้จบแล้ว เทอมสองก็เตรียมฝึกงาน เป็นเทอมสุดท้ายของการเรียนจึงค่อนข้างว่างเพราะฉันเก็บ-หน่วยกิตครบหมดแล้ว จึงมีเวลาทำงานพาร์ตไทม์เล็ก ๆ น้อย ๆ

ฉันเดินตัวปลิวเข้าไปในคอนโดหรูที่ป้าภาเช่าให้ ราคาแพงมาก ตอนแรกฉันตัดสินใจที่จะพักหอใน แต่ทั้งพี่เอิร์ธและป้าภาค้านหัวชนฝาเพราะไม่ไว้วางใจในความปลอดภัย สุดท้ายก็ได้อยู่ที่นี่ แต่ไม่นานก็ต้องย้ายออกไปแล้วล่ะ

ครืด ครืด ครืด

เสียงสั่นจากสมาร์ตโฟนทำฉันหยิบมาดูทันที ยัยขวัญโทรมาหาทางไลน์พร้อมประชุมสาย

“อือ”

“ฉันขอโทษที่ทิ้งแกไว้” เสียงคร่ำครวญของยัยขวัญลอยออกมาเสียงดังฉันจึงเปิดสปีกเกอร์โฟนแล้วนอนคว่ำหน้า

“ฉันขอโทษน้า เพราะพ่อแกโทรมาถามฉันกลัวเขาก็เลยบอก” ยัยขนมจีนรีบพูดเสริมเมื่อเห็นฉันเงียบ ก็พอเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วแหละว่าเขาหาข้ออ้างเพื่อให้ฉันยอมจำนนแล้วเพื่อบรรลุเป้าหมาย และพ่อที่ยัยเพื่อนพูดถึงก็คือพี่เอิร์ธ

“อือ ไม่โกรธหรอกรู้แล้ว”

“จริงนะ!” ปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมกัน ฉันเปิดหน้าจอเพื่อสนทนาให้เห็นหน้า ตั้งโทรศัพท์ไว้หัวเตียงแล้วนอนหมุนหมอนคว่ำหน้าลง

“เป็นอะไรโดนดุจนหน้างอเลยเหรอ” ยัยขวัญที่กำลังนั่งกินข้าวบนโต๊ะหน้าโซฟาเอ่ยทักขึ้น ยัยขนมจีนที่กำลังกินขนมบนเตียงนอนจึงเข้ามาจ้องฉันอย่างจับผิด

“พี่เอิร์ธคงไม่ได้บังคับแกทำอะไรที่แกไม่เต็มใจหรอกนะ” ยัยขวัญทำหน้าราวกับรู้สึกผิดที่ทิ้งฉันไว้กับพี่เอิร์ธเมื่อคืน

“นั่นสิดูจากสภาพแล้ว”

“เปล่าหรอก แค่เบื่อน่ะเมื่อไหร่จะได้ไปฝึกงานจะได้จบ อยากทำงานแล้วน่ะ” ฉันระบายความรู้สึกในตอนนี้ “จะได้ทำงานมีเงินแล้วมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระของใคร” พวกเธอคงเห็นว่าฉันดูเศร้าจึงพูดปลอบใจ

“ใกล้แล้วล่ะ แกรวยแล้วนี่นามีตั้งห้าล้าน” ยัยขวัญเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ มันเป็นเงินของยายฉันอยากจะหาทางต่อหรือบางทีก็คิดว่าสิ่งที่ได้รับจะนำไปต่อยอดอะไรดี

“ห้าล้านแป๊บเดียวก็หมด ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ ยังไงก็ต้องทำงานหรือฉันจะไปต่างประเทศดี” ฉันบ่นอุบอิบกับตัวเอง จนทั้งสองคนส่ายหน้าระอา

“พอ ๆ ไม่อยากคุยกับคนขยันชอบทำงาน” ยัยขวัญทำหน้าเบื่อหน่ายซึ่งฉันรู้ว่าเธอแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ ความจริงฐานะทางบ้านทั้งสองถือว่าพอใช้ได้และพวกเธอก็ชอบหาอะไรทำเสมอ

“แล้วเมื่อคืนเป็นไงบ้าง แกสนุกมั้ย” ยัยขนมจีนหลังจากกินขนมอิ่มแล้วก็ย้ายมาพิงหัวเตียง เมื่อคืนมีความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ เซ็ง แล้วก็สนุกนะเมื่อเจอเคท

“เอ้อ ใช่เจอเคทด้วย”

“เคท เพื่อนร่วมคณะคนนั้นน่ะเหรอ” ยัยขวัญเลิกคิ้ว ส่วนยัยขนมจีนอ้าปากค้าง ต้องบอกว่าเธอค่อนข้างเป็นที่รู้จักเพราะเธอชอบไปไหนมาไหนคนเดียว และไม่คบใครเลย

“เธอดูน่ารักดีนะ ฉันไปนั่งด้วยตั้งนาน”

“แต่ทำไมไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนในคณะด้วยล่ะ ไม่คิดว่าเธอแปลก ๆ เหรอ” ยัยขนมจีนแสดงความคิดเห็นบ้าง

“แต่บางคนไม่มีเพื่อนในคณะก็ใช่ว่าจะไม่มีเพื่อนในชีวิตจริงซะหน่อย” ฉันเอ่ยค้าน ส่วนยัยขวัญที่นั่งเงียบก็คิดตาม

“ก็จริงนะ ฉันเคยชวนมานั่งด้วยแต่เธอแค่ยิ้มและปฏิเสธเบา ๆ ตอนอยู่ปีหนึ่งล่ะมั้ง คงเพราะเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงแหละ” ฉันพยักหน้าตามแล้วคลี่ยิ้ม

“that's true” เราสามคนพูดขึ้นมาพร้อมแล้วมองตากันก่อนจะหัวเราะออกมา

หลังจากวางสายไปฉันก็เข้าไปเช็กโซเชียลว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง คลิกดูสตอรี่ไอจี ของชื่อแอ็กเคานต์ ‘Earth_m..n’ คนดังยอดติดตามเกือบหนึ่งหมื่น เขาติดตามเพียงร้อยสามสิบคน สตอรี่ล่าสุดถ่ายตั๋วหนังสองใบพร้อมแท็ก ‘Ifernyy’

“สาวคนใหม่พี่เอิร์ธนี่นา ไหนดูสิ” ฉันจิ้มเข้าไปดูโพร์ไฟล์ ระดับแฟนพี่เอิร์ธคนไหนบ้างที่จะไม่สวย แถมเป็นนางฟ้าบนเครื่องบินซะด้วย คนติดตามเกือบห้าพันคนไม่ธรรมดา นอกจากสวยแล้วยังชอบทำอาหาร ว่ายน้ำ ท่องเที่ยว มีเสน่ห์ อย่างนี้นี่เอง แต่ทำไมถึงดูคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นหน้านะ

“นั่นไง ว่าแล้ว รู้จักกับคุณหญิงธาริณีนี่เอง” คุณหญิงที่เพิ่งพูดไปเธอคือพี่สาวป้าภาที่เคร่งครัด เด็ดขาด และค่อนข้างจะดุ แฟนพี่เอิร์ธรู้จักกับพี่สาวป้าภาขนาดนี้ไม่ต้องบอกว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้คงไม่ธรรมดา

“พี่เอิร์ธ...ใกล้เป็นเสื้อสิ้นลายซะแล้ว” ขณะที่พูดนิ้วกลับเผลอไปจิ้มกดหัวใจให้รูปที่เธอยืนข้างคุณหญิงธาริณี

“โธ่ ทำไมชอบมือลั่นในสถานการณ์แบบนี้ด้วยเนี่ย” ฉันโอดครวญกับตัวเองคนเดียว

ติ๊ง

‘Ifernyy กำลังติดตาม’

“จบเห่แล้วชีวิตฉัน” สถานการณ์แบบนี้ฉันก็ต้องรีบกดติดตามกลับน่ะสิ ใครก็รู้ว่าเราแอบส่องโปรไฟล์เธออยู่ เมื่อกดติดตามเสร็จ เธอกลับไดเรกเข้ามาทันที

‘น้องสาวเอิร์ธใช่มั้ยจ๊ะ พี่ชื่อเฟิร์นนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก’ ฉันกดเข้าไปอ่านแล้วส่งสติกเกอร์-กลับไปให้

‘nice to meet you’ แล้วก็ไม่ได้สนใจสมาร์ตโฟนอีกเลย

เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ที่แสนน่าเบื่อ ฉันทำความสะอาดห้อง ล้างห้องน้ำ ซักผ้าเสร็จเรียบร้อยจึงเตรียมวัตถุดิบทำอาหารเย็น เมนูวันนี้ว่าจะทำง่าย ๆ สุกี้ทะเล เริ่มจากต้มน้ำให้เดือดใส่รสดีซุปก้อนลงไป หยิบผักบุ้ง ผักกาดขาว กุ้ง ปลาหมึก ที่หั่นไว้บนเป็นระเบียบใส่ลงในหม้อ วุ้นเส้น จากนั้นตักใส่ถ้วยที่เตรียมไว้และราดด้วยน้ำจิ้มสุกี้เจ้าเก่าที่เลื่องลือของรสความอร่อย ฉันทำอาหารกินเองเป็นประจำแต่ก็เป็นบางเมนูที่ตัวเองชื่นชอบ ขั้นตอนที่ทำไม่ตายตัวนักอยากใส่อะไรก็ใส่ตามใจตัวเอง อยู่บ้านคอยช่วยคุณแม่บ้านทำเป็นประจำก็เลยติดนิสัยเป็นสาวรับใช้ส่วนตัวของพี่เอิร์ธจนถึงทุกวันนี้

ระหว่างที่กำลังกินสุกี้ทะเลบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อยก็มีเสียงเรียกเข้าโทรเข้ามา โทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะข้างซ้ายมือ มือหนึ่งเลื่อนหน้าจอรับสายอีกมือหนึ่งตักน้ำสุกี้ร้อนเข้าปากช้า ๆ

“น้องมูนลูกทำอะไรอยู่เอ่ย” ฉันรีบวางช้อนลงและลุกขึ้นเดินออกไปยังระเบียงข้างนอก มองวิวชั้นสิบสองของคอนโดหน้ามหาลัยอย่างคนอารมณ์ดี บรรยากาศยามเย็นในช่วงโพล้เพล้ช่างเหมาะกับการนั่งคุยกับคนที่รักจริง ๆ ด้วย

“มูนกำลังกินข้าวค่ะ” ฉันเอ่ยอย่างร่าเริง ปลายสายคล้ายกำลังรู้สึกผิดทั้งขอโทษขอโพยที่โทรมาขัดจังหวะ

“โธ่ แม่โทรมาไม่รู้จักเวล่ำเวลาเอาเสียเลย”

“มูนอิ่มพอดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ปกติมีอะไรป้าภามักจะวานให้พี่เอิร์ธฝากฝังมาอีกที แต่หลัง ๆ ฉันเห็นพี่เอิร์ธพูดบ่อย ๆ ว่าคุณป้ากำลังหัดใช้สมาร์ตโฟนและกำลังหัดเล่นโซเชียลหนนี้ก็คงโทรมาเล่นตามประสาคนคิดถึง

“เมื่อไหร่จะกลับบ้านแม่คิดถึง” เสียงอ่อนโยนดังลอดมาจากปลายสายด้วยความละมุนเหมือนเดิมตั้งแต่จำความได้ ได้ยินเสียงของคุณป้าที่ไพเราะก็คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานบ้านไปจนหมดสิ้น

“มูนก็คิดถึงคุณป้าค่ะ” ฉันตอบเสียงแผ่วเบา สูดหายใจเข้าลึกระงับอาการเหมือนจะร้องไห้ เพราะมีป้าภาถึงทำให้ฉันดำเนินชีวิตมาได้ เด็กกำพร้าที่พ่อตรอมใจตายเพราะแม่หนีไปกับชายชู้ตั้งแต่อายุไม่ถึงสามขวบ อาศัยอยู่กับตายายและญาติพี่น้องที่ไม่มีใครสนใจ ตาและยายแก่แล้วทั้งคู่ทุกข์ใจรู้สึกสงสารลูกเขยที่ลูกสาวก่อเรื่องไว้แล้วหนีหายไป จึงเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ พอดีที่มีคุณนายใจดีแวะมาเยี่ยมเยือนคนขับรถคนสนิทที่ลาออกเพราะเมียตั้งท้องจึงกลับบ้าน เป็นความสงสารหรือความเห็นใจอย่างสุดซึ้งจึงรับเลี้ยงฉันจนเติบใหญ่

‘แค่รับเลี้ยงนังหนูก็เป็นพระคุณอย่างสูงแล้ว คุณนายเอ๊ย ไม่ต้องเซ็นรับรองบุตรอะไรทั้งนั้นแหละ’

ฉันจึงได้รับบุญหล่นทับมาอาศัยคฤหาสน์หรูของตระกูลดัง ตั้งแต่เล็กจนโต จนอายุครบยี่สิบปีในตอนนี้

“มูน มาร์สคิดถึงมูน” เสียงเด็กชายอายุเจ็ดขวบตะโกนดังลอดจากปลายสาย ฉันหัวเราะเบา ๆ

“ฝากบอกมาร์สด้วยนะคะ ว่ามูนก็คิดถึงเดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็ใกล้สอบไฟนอลแล้วค่ะคงยุ่ง ๆ” คงยังไม่ได้กลับบ้านสักพักเพราะหลังจากสอบเสร็จก็ต้องเก็บของและเตรียมย้ายไปอยู่ที่พักใกล้สนามบินเพื่อฝึกงานก่อนเรียนจบ

“อย่างนี้น้องก็คงยังไม่ได้กลับบ้านต่างจังหวัดใช่ไหมจ๊ะ” ป้าภาเอ่ยถามขึ้นมา จริงสิฉันเองก็ลืมไปเสียสนิท ปีนี้ตากับยายชราขึ้นมากเดินเหินก็ไม่ค่อยสะดวก ปกติช่วงปิดเทอมฉันจะกลับต่างจังหวัดกับป้าภาประจำทุกปี คุณป้ามักจะบริจาคเงินและข้าวของเครื่องใช้ทำบุญเป็นประจำกับทางหมู่บ้านที่ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ ถนนคอนกรีตยังเข้าไปไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ

“ปีนี้มูนคงไม่ได้กลับค่ะ เดี๋ยวมูนค่อยโทรหายาย”

“อย่างนั้นก็ได้จ้ะ อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะลูก แม่คิดถึงนะ”

“ป้าภาด้วยนะคะ รักนะคะ”

“รักหนูเหมือนกัน แม่วางแล้วนะ”

“ค่า”

ทุกครั้งที่ได้คุยกับป้าภาฉันมักจะเหมือนได้รับความรักที่อบอุ่นโอบล้อมปลอบประโลมหัวใจอยู่เสมอ ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าโลกนี้ก็มีเรื่องโชคดีอยู่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel