6
“จะหลบหน้าพี่ไปทำไม” ธีรวัชรเอ่ยถาม มองร่างน้อยไม่วางตา
“หนูยิ้มเปล่าหลบหน้านะคะ” คนพูดไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนตรงหน้า เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เธอทำกับเขาในวันนั้นมันน่าอายนัก
“ไม่ได้หลบหน้าแต่หนีมาไกลถึงที่นี่”
“เอ่อ...” เธออึกอักอ้ำอึ้ง
“จากมาไม่บอกพี่เลยสักคำ คิดจะฟันพี่แล้วทิ้งอย่างงั้นเหรอ” ธีรวัชรเอ่ยถามเด็กสาวคล้ายน้อยใจ ประโยคและท่าทีของเขาทำให้เธอถึงกับใบหน้าเหลอหลา
“หนูยิ้มไม่ได้คิดจะฟันแล้วทิ้งนะคะ” ยิ้มใสพูดเสียงสั่น ส่ายหน้าไปมาปฏิเสธออกไป จนทำให้ธีรวัชรแทบหลุดขำกับหน้าตาของเธอ แต่เขาก็ยังทำหน้าขรึมเอาไว้
“เธอต้องโดนทำโทษที่ทำกับพี่แบบนั้น” ประโยคนั้นของเขาทำให้เธอต้องเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ อย่างกริ่งเกรง
“พี่จะทำอะไรคะ” ยิ้มใสถามออกไปเสียงสั่นๆ
“พี่จะทำอะไรน่ะเหรอ”
“พี่จะลงโทษเด็กใจร้ายที่ฟันแล้วทิ้งยังไงล่ะ”
“วะ... ว้าย!” ยิ้มใสอุทานออกมา เสียหลักล้มลงไปบนเตียงทางด้านหลัง เพราะเธอเดินถอยหลังไปชนเข้ากับเตียง ทำให้ร่างสูงของเขาเข้ามาประชิดตัวได้อย่างง่ายดาย
ร่างสูงของธีรวัชรทาบทับลงมาหาอย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว
“พี่ถามอะไรหน่อยสิ” ธีรวัชรเอ่ยทักชิดใบหน้านวลของเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหวไปหมด
“พี่ธีร์จะถามอะไรหนูยิ้มเหรอคะ” เธอหลับตาหนี ไม่กล้ามองสบตากับเขา
เธอรับรู้ว่าเขาแนบชิดเข้ามาหา ใบหน้าอยู่ในระยะที่หายใจเป่ารดกันได้ถนัดถนี่
เขาทำแบบนี้ เธอใจสั่นทำอะไรไม่ถูกน่ะสิ ร่างน้อยถึงกับเกร็งอยู่ภายใต้อ้อมแขนอันแข็งแรงของเขา
“ชอบพี่จริง ๆ น่ะเหรอ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ยอมรับลึก ๆ ว่ามีอารมณ์ปรารถนาเป็นที่สุด
ธีรวัชรบอกตัวเองว่าเขาจะต้องได้เธอตอนนี้และเดี๋ยวนี้ด้วย เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปอย่างเด็ดขาด
“เอ่อ... คือว่าหนูยิ้ม” สาวน้อยอึกๆ อักๆ ไม่กล้าตอบออกไปเพราะเธอเขินอายกับประโยคที่จะตอบเขาออกไป
“คือว่าอะไรครับ” ธีรวัชรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้ทำเอาคนเขินอายยิ่งพูดไม่ออก
เธอจึงหลับตาหนีเสียเลย เขาจึงฉวยโอกาสนั้นหอมแก้มเธอเสียเลย ทำให้เธอต้องลืมตาขึ้นมอง แต่เมื่อเธอทำท่าจะพูดอะไรออกไป เขากลับบดจูบริมฝีปากของเธอเสียก่อน
เขาจูบเธออย่างดูดดื่ม คลุกเคล้าเล้าโลม สอดแทรกลิ้นหนาเข้าไปในโพรงปากนุ่มอย่างกระหาย
สัมผัสใกล้ชิดนี้ทำให้เธอหวนนึกถึงครั้งแรกที่เธอมอบพรหมจรรย์ให้กับเขาอย่างยินยอมพร้อมใจ
รสจูบของเขาให้ความรู้สึกอบอุ่นเสียวซ่าน ทำให้เธอใจสั่น ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
“พี่ธีร์คะ” เธออยากจะปฏิเสธเขาแต่ตัวอ่อนระทวยเหลือเกิน ดิ้นรนไม่กี่ครั้ง ร่างกายของเธอก็เปลือยเปล่าจากการถอดรั้งของเขา
เสื้อผ้าอาภรณ์ของเธอถูกถอดออกจากกายบอบบางอย่างรวดเร็ว แบบไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว แล้วเขาก็จัดการเสื้อผ้าของตัวเอง โดยการถอดออกจากกายบ้าง
ร่างสูงเพรียวแข็งแรงเปลือยเปล่าที่อยู่ตรงหน้า ทำให้คนมองหน้าแดง เขาแนบชิดลงมาหาเธอแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวอีกครั้ง
ความวาบหวามเขาจู่โจมเธออย่างปัจจุบันทันด่วนเมื่อเขาสอดฝังร่างกายเข้ามาหาอย่างกระหาย
ร่างของสาวน้อยสะท้านขึ้นลงตามแรงโยก เขาสอดเสียบแก่นกายเข้าในร่องเสียวอย่างล้ำลึกมิดเม้น จนร่างของเธอกระสันเสียวอย่างรุนแรง
เขาโอบรัดกายบางของเธอเอาไว้ด้วยอ้อมแข็งแกร่งและไม่คิดที่จะปล่อยเธอลงจากเตียงจนกว่าจะสุขสมอารมณ์หมายไปพร้อม ๆ กัน
เสียงครวญครางของเธอประสานกับเขาระงมในห้องนอนกว้าง ก่อนที่เขาจะพาเธอไปเยือนความสุขสมที่กวักมือเรียกอยู่เบื้องหน้า
ธีรวัชรพลิกร่างของเธอเปลี่ยนท่วงท่าไปเรื่อย ๆ การสอดเสียบที่เริ่มหนักหน่วงขึ้น ทำให้เธอร้องครางไม่เป็นภาษาอยู่ใต้ร่างหนาของเขา
เขากระชากเธอให้ขึ้นไปสู่ความสุขเสียวอีกครั้ง พร้อมด้วยหยาดน้ำรักอบอุ่นเร่าร้อนที่ปลดปล่อยอยู่ในร่องสวาทจนหมดสิ้น
“คุยกับพี่ก่อน” ธีรวัชรดึงร่างของสาวน้อยมากอดจูบอย่างแสนคิดถึง
ปากร้อนหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ กดริมฝีปากกับหน้าผากนูนเกลี้ยงของเธออย่างเสน่หา
เขาตั้งใจที่จะสารภาพรักกับเธอและคุยกับเธอให้เข้าใจ แต่เสียงเคาะประตูก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงักคำพูดที่จะพรั่งพรูออกมาให้เธอได้รับรู้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
“หนูยิ้ม หนูทำอะไรอยู่จ๊ะ เปิดประตูห้องให้แม่หน่อยสิ” เสียงนั้นทำให้ยิ้มใสตกใจเป็นอันมาก เธอดีดตัวขึ้นจากเตียง รีบดึงร่างของธีรวัชรไปหลบอยู่ในห้องน้ำ
“พี่ธีร์ไปหลบก่อนนะคะ คุณแม่มาค่ะ” เธอรีบเอ่ยขอร้องเขา ในขณะที่ธีรวัชรทำท่าทีอยากจะไปเผชิญหน้ากับมารดาของเธอ
“ทำไมพี่ต้องไปหลบด้วยล่ะ พี่ทำอะไรก็ต้องบอกผู้ใหญ่ตามตรงสิ” เขาบอกเธออยากไม่ทุกข์ร้อนแต่เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธในทันที
เธอไม่เคยทำให้มารดาต้องเดือดเนื้อร้อนใจหรือทุกข์ใจมาก่อน ยิ้มใสจึงไม่อยากให้มารดารับรู้ว่าเธอนั้นได้ทำสิ่งไม่สมควรลงไปแบบนี้
“ขอร้องนะคะพี่ธีร์ หนูยิ้มไม่อยากให้คุณแม่ตกใจเสียใจหรือผิดหวังน่ะค่ะ หนูยิ้มไม่เคยทำอะไรให้ท่านต้องทุกข์ใจเลย ถ้าคุณแม่เข้ามาเห็นพี่ธีร์กับหนูยิ้มอยู่ในสภาพแบบนี้ ต้องเป็นเรื่องแน่ ๆ เลยค่ะ” เธอเอ่ยบอกเขาด้วยสายตาขอร้อง เขย่าแขนของเขารัว ๆ ก่อนจะดันแผ่นหลังของเขาไปยังห้องน้ำกว้าง
“ก็ได้ ถ้าหนูยิ้มต้องการแบบนั้น แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” เขาจะไม่ยอมให้เธอฟันแล้วทิ้งเด็ดขาด
เธอเห็นสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาก็ตัวสั่น ขาสั่นไปหมด
“พี่ธีร์ต้องการอะไรคะ” เอ่ยถามออกไปแล้วใจสั่นไปหมด ตอนนี้เขาต้องการอะไร เธอก็ยินยอมทั้งหมดเพราะว่ามารดาเรียกอยู่ประตูห้องไม่ยอมหยุด น้ำเสียงของท่านเริ่มร้อนรน อาจเป็นห่วงคิดว่าเธอเป็นลมเป็นแล้งหรือเป็นอะไรไปหรือเปล่า
“หนูยิ้ม เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมไม่ขานรับแม่เลย”
“พี่ธีร์มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณแม่จะสงสัยไปมากกว่านี้” ยิ้มใสรีบเอ่ยถาม มองประตูสลับกับมองใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายนอกไส้อย่างร้อนรน
“คืนนี้ไปหาพี่ที่ห้องสิ แล้วพี่จะยอมไปหลบในห้องน้ำ” เขาต่อรอง ในเวลานี้ยิ้มใสไม่มีทางเลือก เธอจึงรีบพยักหน้ารับคำด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะดันแผ่นหลังของเขาเข้าไปหลบในห้องน้ำได้เป็นผลสำเร็จ
เธอทั้งอายทั้งเขินเพราะว่าต่างคนต่างก็เปลือยเปล่าแต่ในเวลานี้เธอไม่สามารถที่จะคิดอะไรได้มากไปกว่าดันเขาเข้าไปหลบในห้องน้ำ
เธอรีบสวมใส่เสื้อผ้าด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทาและวิ่งไปเปิดประตูห้องให้มารดาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ
ยุวดียกมือค้างอยู่ที่ประตู เมื่อประตูห้องของบุตรสาวถูกกระชากออกเต็มแรง มองบุตรสาวที่มีท่าทีรีบร้อนอย่างห่วงใยไม่น้อย
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก แม่เคาะเรียกตั้งนานไม่เห็นตอบแม่เลย”
“หนูยิ้มเข้าห้องน้ำอยู่น่ะค่ะคุณแม่ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” ยิ้มใสคุยกับมารดาอยู่หน้าห้อง เธอพยายามขบคิดหาทางออก คิดว่าจะชวนมารดาลงไปด้านล่างแทนการเข้ามาในห้อง ธีรวัชรจะได้หลบออกไปจากห้องน้ำของเธอได้ เพราะถ้ามารดาเกิดเข้ามาในห้อง แล้วอยากจะเข้าห้องน้ำขึ้นมา ได้เป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ
“แม่จะมาถามหนู ว่าหนูอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมจ๊ะ เย็นนี้แม่จะทำให้ทาน”
“หนูกินอะไรก็ได้ค่ะ”
“แม่จะทำอาหารให้ลุงกรกับธีลองชิมด้วยจ้ะ วันนี้เป็นวันดี เราย้ายมาอยู่ด้วยกัน น่าจะมีสิ่งดีๆ ทำร่วมกัน” เธอคิดว่าการรับประทานอาหารรอร่อยๆ คือสิ่งดีๆ ที่ทุกคนในบ้านจะได้ทำร่วมกัน
“หนูลงไปช่วยคุณแม่ทำอาหารเย็นดีไหมคะ” ยิ้มใสรีบเสนอเมื่อเห็นโอกาสมาถึง