5
ธีรวัชรไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรอีก เขามีแค่ความปรารถนาคุกรุ่นอยู่ในกระแสเลือดเท่านั้น
ชายหนุ่มรวบร่างน้อยของเธอมากอดเกยอยู่บนตักประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ด้วยมือใหญ่ทั้งสองข้าง สอดแทรกลิ้นหนาเขาไปคลุกเคล้าในโพรงปากหอมกรุ่นแสนหวานของเธออย่างเร่าร้อน
เธอโอบกอดเขาอย่างยินยอมพร้อมใจ ไม่ปฏิเสธอันใด ลิ้นหนาคลุกเคล้าเล้าโลมอย่างเร่าร้อน เต็มไปด้วยความต้องการที่รุกเร้ารุนแรง
ธีรวัชรดันร่างของสาวน้อยไปกับพื้นพรมที่เขากับเธอนั่งรับประทานอาหารกันอยู่
เขานั่งรับประทานอาหารกับเธอบนพื้นพรม มีโต๊ะญี่ปุ่นตัวขนาดใหญ่สำหรับวางอาหารและเขามักใช้โต๊ะตัวนี้นั่งทำงานเล็กๆ น้อยๆ ทั้งเขียนหนังสือและวาง โน๊ตบุ๊คด้วย
ธีรวัชรใช้มือหนาถลกเสื้อของเธอออก ก่อนจะกดปากร้อนเข้าสัมผัสกับผิวผุดผ่องเป็นยองใยของเธอ
สัมผัสของเขาทำให้เธอหลับตาพริ้มด้วยความเสียวซ่านสุดจิตสุดใจ ร่างกายของเธอสั่นระริก มันสะท้านทุกครั้งที่มือและปากของเขาคลุกเคล้าเข้าแนบชิดสนิทเนื้อ
เขาปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ของเธอออกอย่างง่ายดาย ด้วยความยินยอมพร้อมใจของเธอเอง ที่จัดการสลัดเสื้อผ้าออกไปให้พ้นทาง ก่อนที่เขาจะจัดการกับเสื้อผ้าอาภรณ์ของตัวเองออกจากกาย จนเหลือแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่าไม่ต่างจากเธอ
ร่างกายของเธอร้อนผ่าวราวไฟแผดเผา ขาเพรียวสวยไร้ไขมันส่วนเกินเนียนละเอียดผุดผ่องเป็นยองใยถูกแยกออกจากกันจนกว้าง ใบหน้าของเขาซุกซบเข้าหา
เขาจูบซับซอกขาด้านในของเธอด้วยความหิวกระหาย ลิ้นร้อนตวัดขึ้นลงสัมผัสแนบชิดกับกลีบผกากรองแสนสวย
เขาบดบี้นิ้วแกร่งกับซอกสวาทกลางกายสาว สลับกับลิ้นร้อนที่แนบชิดสนิทเนื้อ
ชายหนุ่มได้ยินเสียงร้องครวญครางของเด็กสาวไม่ขาดปาก เธอร่ำร้องด้วยความเสียวซ่านจากการกระทำของเขา
เขาสอดนิ้วซอยเข้าออกภายในซอกกายสาวเร็วขึ้นทำให้ยิ้มใสร้องครางด้วยความเสียวซ่านจับจิตจับใจ จนเธอรู้สึกเหมือนตัวเองจะแตกพร่าเสียให้ได้
เธอกัดริมฝีปากอย่างรุนแรง คล้ายกับว่ากำลังทะยานขึ้นสู่ยอดเขาอันหนาวเหน็บในเวลาเดียวกันก็ตกกระทบกับผืนน้ำอุ่นร้อนท่วมท้น
เธอหยัดสะโพกรับลิ้นร้อนและนิ้วกลางของเขาที่ปรนนิบัติความซ่านอย่างถึงอกถึงใจ
ก่อนที่ยิ้มใสจะทิ้งสะโพกลงด้วยความอยากเยิ้ม น้ำรักไหลซึมไปทั่วพื้นพรมสีขาวสะอาดตา บ่งบอกว่าเธอกำลังเสียวซ่านอย่างสุดแสน
ธีรวัชรขึ้นคร่อมทับร่างกายของเธอเอาไว้ สอดแทรกเนื้อกายเข้าหาอย่างเร่าร้อน เสียดสีส่วนปลายของความแข็งแกร่งกับปากทางสวาทอันอยาดเยิ้มเพื่อทักทายสัมผัสก่อนที่จะสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว
กายที่กดเข้าในร่องรักของสาวน้อยแน่นขนัด เธอรัดรึงกายของเขาจนแทบแตกหัก ในขณะที่เขาจ้วงแทงจังหวะรักเข้าหาเพื่อให้เขาคล้ายจากความทรมาน
เขาโยกคลอนเข้าหาร่างน้อยอันแสนบอบบางจนหยาดเยิ้มตลอดค่ำคืน
ชายหนุ่มเปลี่ยนจากพื้นพรมเป็นเตียงนอนกว้างเพื่อรองรับการกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงอารมณ์
ธีรวัชรตื่นขึ้นมาด้วยอาการงุนงงในช่วงเที่ยง เขาควานหาร่างของใครคนหนึ่ง แต่ไม่เห็นแม้แต่เงา
ชายหนุ่มลุกจากเตียงเพื่อทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาค่อนข้างสับสนอยู่ไม่น้อย ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน
เขาเจอจดหมายฉบับหนึ่งเขียนเอาไว้เสียดิบดี เป็นจดหมายสารภาพรักต่อเขา ถ้าเขาได้เจอจดหมายฉบับนี้เธอคงไปแล้ว
ให้ตายดิ้นสิ!!! ธีรวัชรคิดว่านี่มันคือการฟันแล้วทิ้งอย่างแท้จริง เกิดมายังไม่เคยโดนผู้หญิงหลอกวางยากินตับแล้วจากลาเช่นนี้มาก่อนเลย
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวออกไปที่ร้านกาแฟของเพื่อนอย่างรวดเร็ว เขาอาจจะได้เบาะแสของหล่อนที่นั่น ธีรวัชรคิดในใจ
“มีอะไรวะเพื่อน หน้าตาเคร่งเครียดขนาดนี้” ทศพลเอ่ยถามเพื่อนรักที่เดินหน้าเคร่งเข้ามาที่ร้าน
“ฉันโดนฟันแล้วทิ้งวะ”
“แค่ก ๆ ๆ” กาแฟรสชาติกลมกล่อมหอมละมุนที่เพิ่งถูกยกดื่มเข้าไปพุ่งออกมาจากปาก ทศพลตบอกตัวเองเพื่อให้คลายจากการสำลัก
“ใครฟันแกแล้วทิ้ง” เหมือนทศพลเพิ่งจะหาเสียงเจอ เขาเอ่ยถามเพื่อนด้วยหน้าตาแตกตื่น ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหน้าตูมเขายิ่งอยากรู้อยากเห็นเข้าไปอีก
ทศพลไม่รู้จะขำหรือจะทำหน้ายังไงดี สำหรับเพื่อนสนิทที่สาวๆ เข้าถึงยาก ค่อนข้างจะไว้ตัวแบบธีรวัชร แต่กลับถูกผู้หญิงฟันแล้วทิ้ง!!!
“หนูยิ้ม”
“แค่ก ๆ ๆ ๆ” สำลักรอบสอง กาแฟพุ่งออกจากปาก เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าสาวน้อยยิ้มสดใสอย่างหนูยิ้ม พนักงานพาร์ทไทม์ที่ร้านของเขาจะใจเด็ดฟันเพื่อนเขาแล้วทิ้งได้อย่างง่ายดาย
“เรื่องมันเป็นยังไง มายังไง ไหนเล่ามาสิ” ทศพลเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มปนขำ
“นายจะขำอะไรนักหนา หรือนายสมรู้ร่วมคิดด้วย”
“เฮ้ย ๆ ๆ อย่ามาโยนความผิดให้ฉัน ฉันไม่เคยมีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวแน่นอน”
“เขาทำอาหารกับขนมสุดแสนอร่อยไปให้ฉันกิน แล้วก็วางยาปลุกเซ็กซ์”
“หนูยิ้มทำถึงขนาดนั้นเชียวเหรอวะ วางยาปลุกเซ็กซ์นายแล้วปลุกปล้ำนายจนตกเป็นของเธอ ก่อนจะทิ้งให้แกเที่ยวตามหาบ้าบออยู่แบบนี้” ทศพลพูดไปกลั้นขำไป นั่นยิ่งทำให้ธีรวัชรหน้าตูมมากยิ่งขึ้น
“แกจะขำอีกนานไหม”
“ก็... ฉันไม่คาดคิดว่าเขาจะปล้ำแก”
“เขาไม่ได้ปล้ำฉัน”
“หมายความว่ายังไง”
“พอเขาวางยาปลุกเซ็กซ์ ฉันมีอารมณ์ก็เลยปล้ำเขาเอง” ประโยคคำตอบของเพื่อนรัก ทำเอาทศพลหัวเราะจนท้องแข็ง
“นายจะหัวเราะหาสวรรค์วิมานอะไร”
“นายหื่น”
“ถ้านายกินยาปลุกเซ็กซ์เข้าไปแล้วไม่หื่น ฉันจะยอมกราบนาย”
“หนูยิ้มนี่ใจกล้าสุดๆ นี่ถ้าวางยาฉัน ฉันไม่ยอมให้หนีไปแน่ จัดทั้งคืนยันเที่ยงวัน” ทศพลสะดุ้งเมื่อพูดประโยคนั้นออกไปก็ได้รับสายตาพิฆาตมาจากเพื่อนรักในทันที
“กลับมาเรื่องสำคัญก่อน”
“เรื่องสำคัญว่า...”
“นายรู้ไหมว่าหนูยิ้มไปไหน”
“ไม่รู้”
“เป็นเจ้านายกับลูกน้องยังไงวะ”
“ฉันไม่เสือกเรื่องของคนอื่น”
“นายหาว่าฉันเสือก”
“นายพูดเอง ฉันเปล่า”
“อย่ากวนส้นรองเท้า”
“ไม่ได้กวนแต่พูดจริงๆ หนูยิ้มบอกว่าจะลาออกตามแม่ไปอยู่ที่อื่น จะไปเรียนต่อที่โน้นด้วย”
“ที่โน้นคือที่ไหน”
“ไม่รู้”
“นายรู้อะไรบ้าง”
“ไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้ถาม เพราะคิดว่าถ้าหนูยิ้มอยากบอกคงบอกไปแล้ว แต่ถามก็คงไม่บอก”
“ทำไมถึงไม่บอก”
“วะไอ้ธี แกจะเล่นเกมยี่สิบคำถามหรือไง”
“ก็ตอบมาสิ”
“ถ้าเขาคิดจะฟันนายแล้วทิ้ง ก็คงบอกให้ตามเจอหรอกนะ เขียนจดหมายซะดิบดีสารภาพรักกับนายขนาดนั้น”
“รู้ได้ไงว่าสารภาพรัก”
“อ้าว... ถ้าผู้หญิงไม่รักจะยอมมีอะไรด้วยหรือไง”
“รู้ดีอีกนะ”
“หนูยิ้มเรียบร้อยน่ารักขนาดนั้น หนุ่มๆ มาจีบยังไม่สนใจ ตัดสินใจปล้ำนาย เอ๊ย! หมายถึงวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนปล้ำนายก็คงจะมีใจให้นายแน่ ๆ”
“อืม...” ธีรวัชรรับคำ
“ทีหลังก็อย่าเห็นแก่กิน ตะกละจนได้เรื่อง”
“ฉันไม่ได้เห็นแก่กินแล้วก็ตะกละ แต่อาหารมันน่ากิน หอมกรุ่นไปทั้งห้อง”
“ไอ้ที่หอมกรุ่นนี่อาหารหรือผิวขาวอมชมพูของหนูยิ้มวะ”
“พูดมากไอ้เพื่อนปากมอม!” ประโยคนั้นเป็นการตัดบทสนทนาที่ทำให้ทศพลต้องตามลุ้นว่าคนทั้งสองจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งไหม
ในขณะธีรวัชรสัญญากับตัวเองว่าหากได้เจอเธออีกครั้ง เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเด็ดขาด
สิ่งที่เธอถามเขาในวันนั้น เขายังไม่ทันได้ตอบเธอทั้งหมดเลย ว่าเขานั้นก็ชอบเธออยู่เหมือนกัน...
กลับมา ณ ปัจจุบัน….
หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อน ธีรวัชรจึงมาเคาะประตูที่ห้องของเด็กสาว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูนั้นทำให้ยิ้มใสเดินไปเปิดประตูพอเธอเห็นว่าเป็นใครก็อ้าปากค้างตกใจทำท่าจะปิดประตูใส่หน้าเขา แต่เขาก็ดันประตูเอาไว้ก่อนที่จะแทรกกายเข้ามาเป็นผลสำเร็จ