บทย่อ
ยิ้มใสตัดสินใจเอ่ยถามความรู้สึกในใจของธีรวัชร พระเอกขี่ม้าขาวที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ แต่คำตอบของเขาทำให้เธอถึงกับใจแป้ว เธอจึงตัดสินใจมอบพรหมจรรย์ให้เขาก่อนจากลา แต่เธอกลับได้เจอเขาอีกครั้งในฐานะพี่ชาย
1
“พ่อมีคนที่อยากจะแนะนำให้ลูกได้รู้จักอย่างเป็นทางการด้วยนะ” ประโยคของธีรกรผู้เป็นบิดา ทำให้ธีรวัชรต้องเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมองบิดาด้วยความสงสัย
"ใครกันเหรอครับ” ธีรวัชรเอ่ยถาม ชะเง้อคอมองคนที่บิดาบอกว่าจะแนะนำให้เขาได้รู้จัก แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“นั่นไงมาแล้ว” ประโยคนั้นของบิดาทำให้ธีรวัชรหันไปมองตาม เขาเห็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้าน ตามด้วยสาวน้อยนางหนึ่งที่ทำให้เขาถึงกับอึ้ง
“พี่ธีร์/หนูยิ้ม” ทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง
“เราสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ” ธีรกรเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ... คือว่าหนู” ยิ้มใสมีท่าทีอึกอัก แต่ธีรวัชรตอบออกมาเสียงดังฟังชัดว่าเขารู้จักเธอเป็นอย่างดี
“รู้จักกันครับคุณพ่อ รู้จักกันดีเสียด้วย” ประโยคนั้นของธีรวัชรทำให้ยิ้มใสหน้าแดงซ่าน
เธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะเจอเขาในสถานการณ์เช่นนี้
“รู้จักกันก็ดีแล้ว น้ายุกับหนูยิ้มจะมาอยู่กับเราที่นี่นะธี” คุณธีร์รกรเอ่ยขึ้น ซึ่งท่านเองก็ได้พูดกับลูกชายคนเดียวไปบ้างแล้ว เพราะมีกันอยู่แค่สองคนพ่อลูก เขาจะทำอะไรต้องบอกลูกชายก่อนเสมอ ลูกชายเองก็เหมือนกัน จะทำอะไรก็จะปรึกษาหารือเขาก่อนเสมอ
“อยู่ในฐานะอะไรเหรอครับ” ธีรวัชรเอ่ยถาม
“น้ายุเขาจะมาช่วยดูแลบ้านดูแลเรา พ่อเคยบอกธีไปแล้ว ส่วนยิ้มใสจะมาเรียนต่อที่นี่” ประโยคของบิดาทำให้ธีรวัชรเข้าใจดี
บิดานั้นเป็นหม้ายมานานเพราะมารดาของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเล็กๆ ท่านไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน
บิดาเลี้ยงเขามาด้วยตนเอง โดยไม่เคยพาเขาไปทิ้งหรือไปฝากให้ใครเลี้ยง ซึ่งพ่อแม่หลายคนมักพาลูกของตัวเองไปฝากญาติพี่น้องให้เลี้ยง ไม่ก็ฝากปู่ย่าตายายเลี้ยง ท่านให้เหตุผลว่าไม่อยากเป็นภาระให้ใคร และไม่อยากให้เขาขาดความอบอุ่น ไปฝากคนอื่นเลี้ยงไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดีเหมือนตัวเองเลี้ยงหรือเปล่า ดังนั้นไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน ท่านก็เลี้ยงเขาด้วยมือของท่านเอง
เขากับบิดานั้นสนิทกันค่อนข้างมาก ท่านเคยให้เหตุผลว่า ที่ไม่หามารดาใหม่ให้เขาเพราะกลัวว่าผู้หญิงคนใหม่ที่เข้ามาในครอบครัว จะเข้ากับเขาไม่ได้ จะไม่รักเขาจริง หรือทำไม่ดีกับเขาลับหลัง เหมือนหลายครอบครัวที่มักมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
แต่เมื่อหลายเดือนก่อน จู่ ๆ ท่านก็พูดกับเขาตรงๆ ว่าเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนดีมากๆ นิสัยเหมือนกับมารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว ท่านจึงอยากมีใครสักคนเคียงข้างอีกครั้ง ในวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานหลายปีแล้ว เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันอันใด คิดว่าบิดาเองก็ควรมีคนดูแลตั้งนานแล้ว
ธีรวัชรจำได้ว่าตอนเด็กๆ เขายังเคยเป็นพ่อสื่อจีบคุณครูอนุบาลให้บิดาเสียด้วยซ้ำ แต่ท่านเองต่างหากที่ไม่เอา แถมยังไม่สนใจอีกด้วย
ในครั้งนี้ท่านพูดกับเขาแบบตรงไปตรงมาว่า ผู้หญิงที่จะรับมาอยู่ด้วยเป็นคนดีและดีมากๆ ท่านยืนยันขนาดนั้นเขาหรือจะกล้าขัดความสุขบั้นปลายชีวิตของท่าน เขาเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรียนจบแล้ว พร้อมที่จะทำงานทำการ เลี้ยงดูตัวเองอย่างเต็มกำลังความสามารถ เขาก็อยากให้บิดาของตัวเองได้รับการดูแลที่ดีด้วยไม่ต่างกัน หากเขาไม่ว่างหรือติดงานต้องเดินทางไปไหนมาไหน
บิดานั้นชอบผู้หญิงพูดเพราะ กิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน เอาอกเอาใจเก่งและเป็นแม่บ้านแม่เรือน ต้องสะอาดสะอ้านพูดคุยกันแล้วรู้สึกสบายใจไม่ใช่ผู้หญิงเก่งกล้าสามารถทำงานเก่งอะไรหรอก ท่านเป็นคนทำงานเก่งอยู่แล้ว จึงไม่ได้ต้องการผู้หญิงทำงานเก่งมาเคียงข้างมากไปกว่าผู้หญิงที่คุยกับท่านได้ทุกเรื่อง เข้าอกเข้าใจกัน ยินดีรับฟังทุกเรื่องไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ท่านชอบผู้หญิงใจเย็น คอยดูแลท่านในยามเหนื่อยล้าจากงาน
เหตุผลอีกข้อของท่านก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นไปอีก เขาเรียนจบแล้ว โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนมารดาเลี้ยงรังแกเหมือนครอบครัวอื่น เหตุผลอะไรก็ช่าง แต่ความรักที่ท่านมีให้เขา ทำให้ธีรวัชรไม่ขัดที่ท่านจะสมรสใหม่ มีผู้หญิงที่ดีมาอยู่เคียงข้างในบั้นปลายชีวิตที่เขาเองก็ต้องทำงาน ต้องมีครอบครัว หรือแยกบ้านออกไปอยู่ด้วยตัวเอง สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างทรัพย์สินของตัวเองบ้าง
เขาเองไม่ได้เห็นแก่ตัว ไม่อยากให้บิดาต้องเหงาอยู่เพียงลำพังเมื่อตอนอายุมากแล้ว
บิดาพูดกับเขาเรื่องยุวดีนานแล้ว จนเขาลืมไปเพราะมีเรื่องอะไรให้ต้องทำมากมาย พอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน ท่านก็เอ่ยเรื่องนี้กับเขาใหม่
ธีรวัชรเองก็ยอมรับว่าเขาตื่นเต้นพอสมควรที่จะได้พบเจอกับแม่ใหม่ ที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน ได้ยินแต่บิดาเล่าให้ฟังเท่านั้นว่าเป็นคนดีอย่างโน้น เป็นคนดีอย่างนี้
“ก็ดีสิครับ คุณพ่อจะได้มีคนดูแล” ธีรวัชรมองเด็กสาวปากแดงแก้มใสที่เข้ามาสารภาพรักกับเขา พร้อมทั้งยอมมอบกายมอบใจให้เขา ก่อนจากลาเธอยังทิ้งจดหมายเอาไว้ให้ดูต่างหน้า
ข้อความในจดหมายบอกว่าเธอจะย้ายไปเรียนต่อที่อื่น คงไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว จึงอยากมอบพรหมจรรย์ให้เขาก่อนจากไป
ธีรวัชรตื่นขึ้นมาหลังจากที่หมดเรี่ยวแรงเพราะร่วมรักกับเด็กสาวไม่ประสาจนเกือบรุ่งสาง ด้วยฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กซ์ที่เธอใจกล้าใส่ให้เขาดื่ม ตอนมาหาเขาที่ห้อง
ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนฟันแล้วทิ้ง!!!
เขากับเธอรู้จักกันเพียงไม่นาน เขาได้เคยช่วยเหลือเธอเอาไว้ในวันหนึ่งตอนที่เธอถูกวิ่งราวกระเป๋า เธอทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนที่ร้านกาแฟของเพื่อนสนิทของเขา
หลังจากที่เขาได้เสียกับเธอในค่ำคืนนั้น รุ่งเช้าของอีกวันเขาก็ออกไปตามหาเธอที่ทำงานของเธอ แต่เธอกลับลาออกไปแล้ว โดยทศพลเจ้าของร้านกาแฟซึ่งเป็นเพื่อนสนิทได้บอกเขาว่า…
“หนูยิ้มลาออกไปแล้ว จะย้ายตามแม่ไปอยู่กับพ่อเลี้ยง เห็นว่าจะไปเรียนต่อด้วย”
“เหรอวะ”
“อืม... นายมีอะไรกับหนูยิ้มหรือเปล่า” ทศพลเอ่ยถามเพื่อน
“นายพอจะรู้ไหมว่าหนูยิ้มย้ายไปอยู่ที่ไหน”
“อันนี้ฉันไม่ได้ถามเลยว่ะเพื่อน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หนูยิ้มไม่ได้บอกฉันก็เลยไม่อยากถามเซ้าซี้ คิดว่าถ้าหนูยิ้มอยากจะบอกก็คงบอกออกมาแล้ว”
“ไม่เป็นไร ขอบใจมากนะ”
“นายก็โทร. หาเขาสิ”
“โทร. ไม่ติดเลย”
ก่อนมาเขาก็ได้โทรศัพท์ไปหายิ้มใสแล้ว แต่มีแค่เสียงตอบกลับอัตโนมัติว่าบริการฝากหมายเลขโทร. กลับ
ในตอนนั้นธีรวัชรเดินคอตกออกมาจากร้านกาแฟของเพื่อน เขารู้สึกสิ้นหวังเป็นอันมากที่เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่คิดว่าหากมีวาสนาต่อกัน คงได้เจอกันอีกครั้ง
ก่อนที่ธีรวัชรจะคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับยิ้มใส
ย้อนไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน...
“ว้าย! ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ” ยิ้มใสร้องอย่างตกใจเมื่อมีวัยรุ่นติดยาท่าทางน่ากลัวตรงเข้ามาหาเธอ มันพยายามกระชากกระเป๋าถือของเธอ แต่เธอไม่ยอม มันเลยยกมีดขึ้นมาทำท่าจะจ้วงแทง ทำให้เธอรีบปล่อยกระเป๋ายอมให้มันเอาไปโดยง่าย เพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ แม้จะเสียดายเงินจำนวนนั้นจับใจ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” ยิ้มใสร้องเรียกให้คนช่วยเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ต้องการแค่กระเป๋า แต่ยังจ้องเธอตาเป็นมันอีก
เงินในกระเป๋าจำนวนนั้นเป็นเงินที่มารดาขายของได้แล้วให้เธอนำไปฝากธนาคารเอาไว้ เพื่อเป็นทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายในบ้าน
มันทำท่าจะเข้ามาทำร้ายเธอ แต่กลับโดนใครคนหนึ่งดึงคอเสื้อเอาไว้ ร่างแข็งแรงของผู้หวังดีจัดการมันจนกระเด็น ก่อนจะปลดกระเป๋าของเธอออกมาจากมือของมัน