2
มันมองอย่างหัวเสีย รีบดึงมีดออกมา ทำท่าจะจ้วงแทง แต่กลับโดนพลเมืองดีบิดข้อมือเสียก่อน มีดในมือของมันหล่นเพราะแรงบิด มันร้องด้วยความเจ็บ เมื่อถูกผลักจนกระเด็น ธีรวัชรหยิบกระเป๋ายื่นส่งให้เด็กสาวอีกครั้ง เธอดีใจที่ได้เงินจำนวนนั้นคืนมา
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณพี่มากๆ เลยนะคะ” เธอไม่คิดว่าจะได้กระเป๋าเงินจำนวนนี้คืน จึงรีบเอ่ยขอบคุณเขาเสียยกใหญ่
“ไม่เป็นไรครับ แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า” ธีรวัชรเอ่ยถามสาวน้อยหน้ามนด้วยสายตาห่วงใย
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ พี่ระวังค่ะ!”
ยิ้มใสร้องออกมายังตกใจเมื่อเห็นว่าไอ้จิ๊กโก๋ที่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น มันลุกขึ้นมาใช้มีดจ้วงแทงเข้าหาชายหนุ่มตรงหน้า ที่มีน้ำใจช่วยเหลือเธอเอาไว้
ธีรวัชรร้องออกมาด้วยความเจ็บ เขาหันไปหามัน ก่อนจะจับข้อมือของมันบิดเต็มแรง
“โอ๊ย!” มันร้องด้วยความเจ็บ ร่างกายผอ.มแห้งแรงน้อยของมันสู้แรงของธีรวัชรไม่ไหว
ธีรวัชรจัดการเตะเข้าที่ชายโครงของมันเต็มแรง มันล้มลงไปกองอยู่กับพื้น ในขณะธีรวัชรทรุดกายลงด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลเต็มไปหมด
ยิ้มใสเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบผวาเข้าไปหาคนที่ช่วยเธอเอาไว้ในทันที
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย คุณตำรวจช่วยด้วยค่ะ มีโจรวิ่งราวกระเป๋าอยู่ตรงนี้” ตำรวจสายตรวจที่ขับรถผ่านมาทางนั้นพอดีรีบจอดรถ ทำให้ยิ้มใสมีสีหน้าดีใจ
จิ๊กโก๋ติดยาที่เห็นตำรวจ มันรีบวิ่งหนีด้วยท่าทีทุลักทุเล มันออกวิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าวตำรวจสายตรวจก็ตามไปรวบตัวมันไว้ได้ทัน
“คุณตำรวจช่วยด้วยค่ะ ตรงนี้มีคนบาดเจ็บ” ยิ้มใสอรีบตะโกนบอก ตำรวจนายนั้นรีบเข้ามาหาธีรวัชรเพื่อดูอาการ ก่อนจะโทร. เรียกรถพยาบาลให้มารับผู้บาดเจ็บโดยด่วน ไม่นานรถพยาบาลก็มารับธีรวัชรไปโรงพยาบาล
ชายหนุ่มถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินในขณะที่ยิ้มใสเดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องด้วยอาการร้อนใจ
เธอเป็นห่วงเขาจับใจกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป การรอคอยของเธอสิ้นสุดลงเมื่อคุณหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินและแจ้งให้เธอทราบว่าธีรวัชรพ้นขีดอันตรายแล้วตอนนี้บุรุษพยาบาลได้เข็นร่างของเขาไปนอนพักฟื้นที่ห้องพักสำหรับผู้ป่วยซึ่งเป็นห้องพิเศษของทางโรงพยาบาล
ยิ้มใสรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ได้เป็นอะไรมาก เธอตามเขาไปที่ห้องพักฟื้นเพื่อจะขอบคุณเขา ที่เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้ในครั้งนี้
ธีรวัชรหลับไปเพราะเพลียและฤทธิ์ยา ในขณะที่ยิ้มใสคอยเฝ้าเขาอยู่ไม่ห่าง เธอโทรศัพท์ไปหามารดา เล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านได้ฟัง ท่านจึงบอกให้เธอคอยดูแลเขาอยู่ที่โรงพยาบาล หากเขาฟื้นขึ้นมาจะได้ขอบคุณเขาและดูแลเขาด้วย ระหว่างที่รอญาติของเขามาเยี่ยม
“เดี๋ยวแม่รีบไปนะจ๊ะ หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก”
“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะคุณแม่”
“บุญรักษา แม่รักหนูนะลูก” ยุวดีบอกบุตรสาวทุกครั้งที่บุตรสาวผ่านพ้นเรื่องราวไม่ดีมา เพื่อปลอบใจและเพื่อบอกให้บุตรสาวรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่คนนี้ก็จะอยู่เคียงข้างเสมอ
“หนูก็รักแม่ที่สุดเลยค่ะ”
“คราวหลังมันอยากได้อะไรก็ให้มันไปเถอะนะลูก เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้ ชีวิตของเราสำคัญที่สุด ถ้าเรายังมีชีวิต เรายังสามารถทำอะไรได้อีกมาก”
“หนูให้มันไปแล้วค่ะแม่ แต่ว่ามันจะเข้ามาทำร้ายหนูอีก”
“โชคดีเหลือเกินที่เขามาช่วยหนูเอาไว้ เดี่ยวแม่ไปหานะลูก” ยุวดีวางสายจากบุตรสาวก็มาเยี่ยมผู้มีพระคุณของบุตรสาวในทันที แต่มีโทรศัพท์เข้ามาเสียก่อน เร่งให้เธอเอาขนมไปส่งโดยด่วนเพราะรออยู่นานแล้ว
ยุวดีทำขนมส่งขายเป็นรายได้หลักเลี้ยงตัวเองและครอบครัว เธอจึงต้องโทร. กลับไปหาบุตรสาวใหม่เพื่อบอกว่าจะไปช้าสักหน่อย
“แม่ต้องรีบไปส่งขนมก่อนนะจ๊ะหนูยิ้ม เขาโทร. มาเร่ง” เพราะเป็นเจ้าประจำเสียด้วย ยุวดีจึงไม่อยากเสียลูกค้าคนสำคัญไป อีกอย่างขนมที่ทำไม่ได้ใส่สารกันบูดหรือกันเสียอะไร จึงอยู่ได้ไม่กี่วันก็เสีย
“คุณแม่ไปเถอะค่ะ หนูยิ้มไม่ได้เป็นอะไร หนูยิ้มปลอดภัยดีค่ะ”
“จ้ะๆ เดี๋ยวแม่รีบไปนะ” ยุวดีรีบรับคำ รีบไปส่งขนมโดยด่วนจะได้ไปเยี่ยมผู้มีพระคุณของบุตรสาวด้วย
ยิ้มใสคอยเฝ้าดูแลธีรวัชรจนเขาฟื้น เธอมองเขาด้วยความดีใจเป็นอันมาก
“พี่ฟื้นแล้ว” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
เขากระพริบตาปริบๆ คล้ายจะนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
“เป็นยังไงบ้าง” ก่อนจะเอ่ยถามเธอด้วยความเป็นห่วงเมื่อจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้
“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่ ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ”
ยิ้มใสส่ายหน้าไปมา กล่าวขอบคุณเขาอย่างซึ้งใจ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เขาบอกอย่างโล่งใจ
“หนูสบายดีค่ะ ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย เพราะพี่ช่วยหนูเอาไว้”
“พี่หิวน้ำจังเลย” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ลำคอแห้งผากไปหมด
“นี่น้ำค่ะ” เธอรีบรินน้ำให้เขาดื่ม ด้วยการประคองร่างของเขาให้พิงไปกับหัวเตียง
“พี่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ไกลหัวใจตั้งเยอะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ดูทำหน้าเข้า” ธีรวัชรมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู
“แม่ของหนูบอกว่าจะมาเยี่ยมพี่ด้วยค่ะ แต่ยังไม่มาเลย สงสัยยังส่งขนมไม่เสร็จ”
“แม่ทำขนมขายเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณแม่ทำขนมอร่อยค่ะ ท่านทำขนมส่งขาย”
“แล้วเราล่ะ ทำขนมอร่อยหรือเปล่า”
“อร่อยสิคะ เอาไว้หนูจะพาเอาขนมที่ช่วยแม่ทำมาให้พี่ชิมนะคะ”
“พูดแบบนี้เหมือนพี่อยากกินขนมเราเลย”
“หนูยินดีจะทำขนมมาให้พี่กินทุกวันเลยค่ะ พี่เป็นผู้มีพระคุณของหนู”
“เราชื่ออะไรครับ” ธีรวัชรเอ่ยถาม มองเด็กสาวอย่างสำรวจตรวจตรา ใบหน้าหวานละมุนของเจ้าหล่อนทำให้เขาเผลอยิ้มทุกครั้งที่ได้พิศมอง
“ชื่อยิ้มใสค่ะ”
“ชื่อสมกับตัว” เขาเห็นว่าเธอยิ้มน่ารัก ชวนมองเสียเหลือเกิน
“เรียกหนูยิ้มก็ได้ค่ะ แม่ของหนูชอบเรียกว่าหนูยิ้มค่ะ”
“ครับ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอกดรับยิ้มใสจึงได้รู้ว่าที่มารดาไม่ได้มาเพราะหกล้มข้อเท้าแพลง
“มีอะไรเหรอครับ ทำหน้าเครียดเชียว”
“คุณแม่หกล้มขาแพลงน่ะค่ะ สงสัยจะรีบไปส่งขนมแล้วก็รีบมาเยี่ยมพี่ คงมาไม่ได้แล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ กลับไปดูแม่เถอะ”
“แล้วพี่ล่ะคะ”
“เดี๋ยวพี่โทร. ให้เพื่อนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน” เขากดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิท ไม่นานอีกฝ่ายก็มาถึง
“เป็นยังไงบ้างวะไอ้ธี นายโทร. ไป ฉันรีบบึ่งรถมาเลยนะโว้ย เป็นห่วงสุดๆ” คนที่เปิดประตูเข้ามารีบเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“พี่ทศ” คำเรียกขานที่แสนสนิทคุ้นเคยนั้นทำให้ ธีรวัชรที่นอนป่วยอยู่บนเตียง มองด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม
“รู้จักกันด้วยเหรอ”
“รู้จักสิ นี่พนักงานพาร์ทไทม์ของร้านฉันเอง น้องเขาขยันมากเลยนะ” ทศพลยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้า
“พี่ทศเป็นเพื่อนกับพี่ธีร์เหรอคะ”
“ใช่ครับ พี่เป็นเพื่อนกับเจ้าธีมัน แล้วเป็นยังไงมายังไง เราถึงมาเฝ้าเจ้าธีได้ล่ะ” ทศพลเอ่ยถาม
“ฉันช่วยน้องเขาเอาไว้น่ะ” ธีรวัชรจึงเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เพื่อนได้ฟัง
“โชคดีนะครับนี่ที่เจ้าธีผ่านไปทางนั้นพอดี ไม่อย่างนั้นแย่แน่เลย” ทศพลฟังแล้วถอนใจ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไขอย่างไรก็ไม่หมดไปจากโลกนี้เสียที จะมีคนถูกทำร้ายจากมันอีกมากเท่าไหร่มิอาจรู้ได้
“ใช่ค่ะ” ยิ้มใสมองธีรวัชรเหมือนเขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาว เพราะเขาได้ช่วยเหลือเธอเอาไว้
“กลับไปดูแม่เถอะครับ พี่มีคนดูแลแล้ว”
“งั้นหนูยิ้มขอตัวก่อนนะคะ เอาไว้จะมาเยี่ยมพี่ธีร์ใหม่” เธอยกมือไหว้ธีรวัชรและทศพล
“มองไปจนสุดตาเลยนะ” ทศพลเอ่ยแซวเพื่อนรัก
“มองอะไร น้องเขายังเด็ก”
“ชอบใช่ไหม”
“อะไรของนาย”
“มองตาไม่กะพริบเชียว ชอบก็บอกว่าชอบสิ คนนี้น่ารักนิสัยดี แถมยังขยันอีกด้วย หารายได้พิเศษหลังเลิกเรียน ถ้านายสนใจเดี๋ยวฉันติดต่อให้”