3
“ไม่เอา ยังเด็กอยู่เลย สิบแปดหรือยังล่ะนั่น”
“สิบเจ็ดย่างสิบแปดแล้ว น้องจะจบมอหกแล้ว”
ทศพลเชียร์เต็มที่ เพราะว่าเพื่อนของเขาก็เป็นคนดี ยิ้มใสก็น่ารัก เขาเอ็นดูยิ้มใสเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ร้านกาแฟของเขาก็สั่งขนมจากแม่ของเธอ เพราะว่าแม่ของเธอทำขนมอร่อยมากๆ แถมราคายังไม่แพงอีกด้วย เอากำไรแค่นิดเดียว ทำให้ลูกค้าติดมาก มาดื่มกาแฟที่ร้านทีไร จะต้องถามหาขนมของสองแม่ลูกทีคราไป
“น้องยังเด็ก ปล่อยให้ตั้งใจเรียนไปดีกว่า อย่าให้มาสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เลย”
“แล้วนายเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไรมาก”
“บอกลุงกรหรือยัง” ลุงกรที่ทศพลถามถึงคือธีรกร บิดาของธีรวัชร สองพ่อลูกอยู่กันคนละที่ ธีรวัชรมาเรียนที่นี่ เรียนจบก็ทำงานที่นี่ ส่วนธีรกรนั้นอยู่กรุงเทพฯ จึงไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ กับเชียงใหม่
“ไม่ต้องบอกหรอก เดี๋ยวพ่อจะเป็นห่วงเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไร ที่นี่มีพยาบาลสาวๆ สวยๆ มากเลยว่ะเพื่อน รับรองว่านายอยากนอนป่วยที่นี่อีกหลายวัน”
“ใครจะลามกชีกอเหมือนนาย”
“หิวหรือเปล่า”
“ไม่ค่อยหิว”
“หรือว่าหิวหนูยิ้ม”
“นายนี่ยังไง วกกลับไปเรื่องหนูยิ้มอยู่ได้”
“ก็ตานายมันฟ้อง มีสาวๆ มาหว่านเสน่ห์หัวกะไดบ้านไม่แห้ง ไม่เห็นสนใจใคร” ธีรวัชรนิสัยเหมือนธีรกรผู้เป็นบิดาราวกับแกะ เรียกว่าลูกไม้หล่นใต้ต้น คือไม่เจ้าชู้หรือจีบผู้หญิงไปทั่ว แถมยังไว้ตัวพอสมควร ไม่ให้ความสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนง่ายๆ
บิดาของเพื่อนรักก็เช่นเดียวกัน ครองตัวเป็นพ่อหม้ายมานานไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนให้เป็นที่เสื่อมเสีย แม้สาวๆ จะทอดสะพานให้ขนาดไหนก็ตามที
ด้วยว่ารูปร่างหน้าตาของธีรกรนั้นจะมีสาวสักกี่คนก็ย่อมได้เพราะถึงจะตกพุ่มหม้ายก็มีงานมีการทำที่ดี รูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลา เป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น อ่อนโยนและพึ่งพิงได้ จึงมีสาวน้อยสาวใหญ่ให้ความสนใจเป็นอันมาก
แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครพิชิตใจพ่อหม้ายหนุ่มนามว่าธีรกรได้เลย
“เกิดมาหล่อนี่มีชัยไปกว่าครึ่ง”
“อะไรของแกวะ”
“ก็แกกับพ่อของแกน่ะสิ ทำบุญมาด้วยอะไร ถึงได้เกิดมาหน้าตาดีขนาดนี้ สาวๆ ติดตรึม”
“สาวๆ ติดตรึมนั่นมันพวกเจ้าชู้ไม่ใช่เหรอ”
“ครับผม พ่อหล่อเลือกได้”
“ทำยังกับตัวเองขี้เหร่” ประโยคนั้นของธีรวัชรทำให้ทศพลหัวเราะร่วน
“ไม่สนใจน้องยิ้มใสก็ไม่เป็นไร เขาน่ารักแบบนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วง มีผู้ชายมาจีบเขาเยอะแยะ”
“จริงเหรอวะ”
“ฮันแน่”
“อย่าแกล้งกันสิวะ ถามว่าจริงหรือที่มีผู้ชายมาจีบเขาเยอะ”
“จริงสิ หัวกะไดบ้านไม่แห้งเหมือนนายเลย”
“แล้วน้องเขาชอบหรือเปล่าวะ”
“ไม่สนใจสักคน น้องเขาขยัน ตั้งใจเรียน อยากทำงานหาเงินช่วยแม่เขาน่ะ เขามีกันแค่สองคนแม่ลูก พ่อเขาเสียนานแล้ว” ทศพลเล่าไปพลางปอกผลไม้ไปพลาง
“แม่เขาก็เหมือนพ่อแกเลยนะ ไม่ยอมมีสามีใหม่ ครองตัวเป็นแม่หม้ายเลี้ยงลูกมาคนเดียว เขาคงรักลูกมาก กลัวมีปัญหาพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงกระมัง” ทศพลเดาเอา เพราะบิดาของธีรวัชรยังคิดแบบนี้เลย
“อย่างนั้นเหรอ” คนป่วยบนเตียงได้ฟังเรื่องราวของสาวน้อยที่เขาช่วยเอาไว้ก็นึกทึ่งใสตัวเธอไม่น้อย
“นี่คนเดียวเลยนะ คนอื่นฉันไม่ทำให้”
“ทำอะไร”
“นี่ไง” ทศพลบุ้ยใบ้ไปที่มือของตัวเอง ที่กำลังปอกผลไม้ให้เพื่อนรักอยู่
“ขอบใจว่ะเพื่อน”
“ฉันมีความลับจะบอกนาย”
“ความลับว่า...” ธีรวัชรหยิบผลไม้ที่เพื่อนปอกไปกิน ขณะเอ่ยถามกลับไป
“ความจริงแล้ว ฉันชอบนายมากนะ เป็นแฟนกับฉันเถอะ”
“แค่ก แค่ก แค่ก!!!” ธีรวัชรถึงกับสำลัก ไอติดกันหลายครั้ง ผลไม้แทบพุ่งออกมาจากปาก
“เฮ้ย! ฉันล้อเล่น ขอโทษโว้ยเพื่อน” ทศพลตรงเข้าลูบหลังลูบไหล่เพื่อน หัวเราะร่วนที่ได้แกล้งเพื่อนแบบนี้
“นายอย่าแกล้งกันแบบนี้อีก ฉันขนลุกว่ะ” ธีรวัชรทำท่าขนลุกใส่เพื่อนรัก นั่นยิ่งทำให้ทศพลหัวเราะหนักขึ้นไปอีก
“มีความสุขหรือไงวะ ถึงได้แกล้งกันแบบนี้”
“มีความสุขสิวะ นานๆ จะได้แกล้งนายสักที” ปกติแล้วธีรวัชรไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เขาแกล้งนักหรอก ด้วยว่าเพื่อนของเขาเป็นคนนิ่งๆ ไว้ตัว ทำตัวหล่ออยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งเขาก็นึกหมั่นไส้อยากหาทางแกล้งอยู่เหมือนกัน
ทศพลกลับไปแล้ว แต่ธีรวัชรมีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอยู่ ก็ทำให้เพื่อนหายห่วง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ธีรวัชรที่นอนดูทีวีอยู่กดรับสาย
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะพี่ธีร์ เป็นยังไงบ้างคะ” ประโยคคำถามนั้นทำให้เขากะพริบตาเล็กน้อย เสียงคุ้นเคยที่ดังมาตามสายทำให้เขาถึงบางอ้อ ว่าปลายสายคือเด็กสาวนามว่ายิ้มใสที่เขาได้ช่วยชีวิตเอาไว้
ปกติแล้วเขาไม่ค่อยให้เบอร์โทรศัพท์กับใครสุ่มสี่สุ่มห้า คนที่สนิทจริงๆ ถึงจะมีเบอร์โทรศัพท์ของเขา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยรับสายที่เป็นเบอร์แปลกๆ ด้วย แต่ที่กดรับเพราะกำลังดูทีวีเพลิน เลยไม่ทันดูว่าใครโทร. หา
“หนูยิ้มเหรอครับ” ธีรวัชรเผลอยิ้มเมื่อนึกถึงเด็กสาวยิ้มสดใสกระชากหัวใจเขายิ่งนัก
“ใช่ค่ะ หนูยิ้มเป็นห่วงเลยโทร. ถามอาการน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าหนูยิ้มรบกวนพี่ธีร์หรือเปล่าคะ”
“ไม่รบกวนครับ พี่กำลังนอนดูทีวีอยู่”
“พี่ธีร์เจ็บแผลอีกไหมคะ”
“ไม่เจ็บเท่าไหร่ครับ”
“คุณแม่ขาแพลงเลยไปเยี่ยมไม่ได้ คุณแม่ฝากขอโทษพี่ธีร์ด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“พี่ธีร์คะ”
“ครับ”
“พรุ่งนี้หนูยิ้มจะรีบไปเยี่ยมนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ดูแลคุณแม่เถอะครับ พี่ไม่เป็นอะไร”
“คุณแม่อาการไม่หนักมากค่ะ แค่เดินไม่สะดวกเท่านั้น พรุ่งนี้หนูยิ้มจะทำขนมไปให้พี่ธีร์ลองชิมดูนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“พี่ธีร์คะ”
“ครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“งั้นหนูยิ้มไม่รบกวนแล้วนะคะ พี่ธีร์จะได้พักผ่อน”
“ครับ”
ยิ้มใสกดวางสายด้วยรอยยิ้ม หัวใจของเธอเต้นแรงแทบจะโลดออกมาจากอก
“พี่เขาเป็นยังไงบ้างลูก” ประโยคของมารดาทำให้ยิ้มใสหันไปตอบอย่างโล่งใจ
“พี่ธีร์ไม่เจ็บแผลมากแล้วค่ะ พรุ่งนี้หนูยิ้มจะทำขนมไปให้พี่ธีร์ชิมนะคะคุณแม่”
“เอาสิจ้ะ เสียดายจัง แม่ไม่ได้ไปเยี่ยมผู้มีพระคุณของหนูเลย” ท่านก้มมองขาของตัวเองที่บวมพอสมควร ทำให้เดินไม่สะดวก แต่ก็ยังนั่งทำขนมได้ โดยมีบุตรสาวคอยหยิบจับช่วยนั่นนี่อยู่ใกล้ๆ
โชคดีที่ยิ้มใสเป็นเด็กหัวดี ชอบทำขนมตั้งแต่เด็กๆ เธอเดินไม่ถนัดแบบนี้ ก็มีบุตรสาวคอยช่วยเหลือ ทำให้ไม่มีอะไรติดขัดเลยสักนิด
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“แม่ไม่เป็นอะไรมากจ้ะ แค่เดินไม่สะดวกเท่านั้น ช่วงนี้หนูคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ”
“ไม่หรอกค่ะ คุณแม่เหนื่อยมาทั้งชีวิตเพื่อเลี้ยงดูหนู หนูเองก็ต้องดูแลคุณแม่เหมือนกันค่ะ” ยิ้มใสกอดมารดาอย่างออดอ้อน ท่านลูบผมนุ่มสลวยของเธอไปมาเบาๆ ด้วยความรักใคร่สุดหัวใจ
ยิ้มใสจัดการแพ็กขนมใส่กล่อง เธอขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งขนมจนเสร็จในวันรุ่งขึ้นก็แวะไปเยี่ยมธีรวัชรที่โรงพยาบาล
“วันนี้หนูยิ้มทำขนมมาให้พี่ธีร์ลองชิมด้วยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
“พี่ธีร์หิวหรือยังคะ คุณแม่ทำข้าวตุ้มกุ้งกับแซนด์วิชฝากมาให้พี่ธีร์ด้วยค่ะ”
“คุณแม่เจ็บขาอยู่ไม่ใช่เหรอครับ” ธีรวัชรเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ปวดขาแต่มือไม่ปวดค่ะ คุณแม่นั่งทำเอาค่ะ หนูยิ้มห้ามก็ไม่ฟัง แถมยังช่วยแพ็กขนมอีกค่ะ นี่หนูยิ้มส่งขนมเสร็จแล้วเลยมาเยี่ยมพี่ธีร์ค่ะ โชคดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่อย่างนั้นหนูยิ้มคงทำอะไรไม่ทันแน่ ๆ เลยค่ะ” เธอนำข้าวต้มกุ้งกับแซนด์วิชออกมาใส่จานชามให้เขา
“หอมเชียวครับ” ธีรวัชรได้กลิ่นอาหารของสองแม่ลูกแล้วรู้สึกหิวไม่น้อย
“อร่อยด้วยนะคะ คุณแม่ทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ หนูยิ้มทำเค้กกล้วยหอมมาให้พี่ธีร์ลองชิมนะคะ นี่ผลไม้ค่ะ ปอกมาเรียบร้อยแล้ว” ยิ้มใสจัดของกินทุกอย่างแล้วยกไปตรงหน้าของธีรวัชร เพื่อให้เขารับประทาน