บทที่ 3 พิศวาสบัลลังก์ทราย
วารดาห์ขยับแขนขาซึมซับความรู้สึกที่ค่อยๆกลับมาอย่างเชื่องช้า พยายามเปิดเปลือกตาหนักอึ้งแล้วปิดลงใหม่เมื่อกระทบกับแสงจ้าพร่ามัวที่ส่องเข้ากระทบ วารดาห์หลับตารอให้สมองมึนงงค่อยๆโปร่งใส แล้วเธอก็ผุดลุกขึ้นนั่งทันทีที่จดจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้
“...เอ๊ะ..นี่ที่ไหน...” เธออุทานเสียงเบา เบิ่งตามองผ่านม่านมุ้งสีขาวลูกไม้เนื้อบางไปรอบห้องกว้างใหญ่
“...ที่...ไหนกันเนี่ย...“
หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง พลางขยับตัวคลานเข่ามาริมเตียงกว้าง แหวกม่านมุ้งออกมายืนเคว้งอยู่ข้างเตียง มองสำรวจไปรอบกาย เห็นบานหน้าต่างรูปโค้งติดกระจกลายเถากุหลาบสวยงามหลากสีสัน ผ้าม่านสีครีมปักดอกกุหลาบสีทองสลับสีเงินและสีนาคที่บ้านเธอเรียกว่าสีสามกษัตริย์ดูสวยงามประณีตอย่างที่ไม่คิดฝันจะได้เห็นมาก่อน หันกลับมาที่เตียงนอน ก็เห็นม่านมุ้งสีขาวลูกไม้ลายดอกกุหลาบปักทับด้วยดิ้นทองกับเงินและนาคอย่างอ่อนหวาน ตลบม่านมองเข้าไปในเตียงกว้างที่เพิ่งลุกจากมา ทั้ง ผ้าคลุม ผ้าปู ผ้าห่ม ปลอกหมอน เป็นลายปักดอกกุหลาบช่อเล็กๆในแบบสีสามกษัตริย์สลับเรียงแบบเดียวกัน สถานที่สวยงามอย่างนี้เป็นสวรรค์ชั้นไหนกัน
“นี่มันอะไรกัน หรือว่า เราตายได้ขึ้นสวรรค์ โอ...นี่เราตายแล้วรึ“ หยิกเนื้อบนต้นแขนของตนพิสูจน์ความตายอย่างที่เคยเห็นในละครทีวี
“อู้ยย...เจ็บนี่...ถ้าเรายังไม่ตาย ที่นี่ก็...”
เจ้าของร่างงามเดินมามองออกนอกหน้าต่างบานที่อยู่ใกล้ เห็นทิวทัศน์เป็นเทือกเขาสูงทอดยาวสลับซับซ้อน ซึ่งบางลูกก็มีสีเขียวอมน้ำตาลคล้ายต้นไม้เป็นหย่อมเล็กหย่อมใหญ่ แต่ด้านล่างกลับเป็นสวนสวยมีแปลงและซุ้มกุหลาบหลากสีสันอยู่มากมาย
“นายหญิง...ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
ผู้ถูกขานเรียกว่านายหญิงสะดุ้งหันไปตามเสียงร้องทักเบาๆดังมาจากอีกฝากห้อง จับจ้องใบหน้ายิ้มแย้มแป้นแล่นของหญิงสาววัยใกล้เคียงกันสองคนที่เดินเข้ามายืนนอบน้อมอยู่ตรงหน้า
“มูนาเตรียมน้ำอาบไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ” คนยืนทางซ้ายมือ
ของเธอรายงาน
“จันนาจะเก็บจัดเตียงให้นะเจ้าคะ” คนยืนข้างขวาทำท่าจะไปทำหน้าที่ทันที แต่ถูกเรียกเอาไว้ก่อน
“...ดะ...เดี๋ยวก่อน...”
“นี่พวกเธอเป็นใคร... แล้ว...แล้วที่นี่ที่ไหน” ผู้สงสัยถามตะกุกตะกัก
“...ที่นี่...ก็ตำหนักสวนกุหลาบไงเจ้าคะ...” เด็กสาวคนที่เรียกตัวเองว่าจันนาตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“ตำหนักสวนกุหลาบ ฉันมาทำอะไรที่นี่ล่ะจ๊ะ”
“ ...อ้าว...?...?...?...” สองสาวร้องขึ้นพร้อมกัน
“...ไม่รู้มาทำอะไร...ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ มูนาจะพานายหญิงไปอาบแช่น้ำหอมๆอุ่นๆให้สบายตัวก่อนนะเจ้าคะ พอสบายตัวแล้วนายหญิงจะได้คิดอะไรออก“ คนซ้ายมือหัวไวเลี่ยงคำตอบด้วยการเชิญชวนให้ผู้ที่ไม่รู้ตัวว่ามาทำอะไรที่นี่ไปอาบน้ำเสียก่อน
“จันนาก็จะเตรียมชุดสวยๆไว้ให้นายหญิงนะเจ้าคะ ...ขออนุญาตเจ้าค่ะ...”
“มาเถอะเจ้าค่ะนายหญิง น้ำกำลังอุ่นๆเลย”
วารดาห์ยืนงงมองตามคนขออนุญาตเดินไปเก็บทำเตียงและคนเชื้อเชิญเดินนำไปยังมุมห้องด้านในอีกฝากหนึ่ง ซึ่งเธอเพิ่งจะมองเห็นเป็นประตูบานใหญ่
หญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองยังอยู่ในชุดนอนผ้าไหมเนื้อบางเบาและยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน จึงเดินตามเข้าไป ภายในเป็นห้องใหญ่ที่แบ่งสัดส่วนการใช้งานเอาไว้อย่างดี โดยทางซ้ายมือจะเป็นฝาไม้ฝังลายเถาว์กุหลาบด้วยโลหะสามกษัตริย์ขัดเงางดงาม มีบานเลื่อนปิดเปิดของตู้เก็บข้าวของเครื่องใช้ในห้องนอนและห้องน้ำที่เห็นมูนากำลังเปิดหยิบผ้าขนหนูและชุดคลุมอาบน้ำออกมา
“มาเจ้าค่ะ มูนาจะถอดชุดนอนให้” มูนาขยับเข้าใกล้ตัวนายหญิงที่เข้ามายืนตะลึงมองตาเบิกโต ปากก็ร้องปฏิเสธ
“...อุ้ย...ไม่ต้องจ้ะ ฉันถอดเองได้” คนปฏิเสธก้าวถอยหลังหนีอย่างตกใจ
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ มูนายินดีรับใช้ ไม่ต้องอายนะเจ้าคะ ยังไงมูนาก็ต้องช่วยนายหญิงอาบน้ำอยู่ดี“ นางรับใช้บอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“...ไม่ต้อง...ไม่ต้องจ้ะ...ฉันอาบเองได้...”
ผู้ปฏิเสธโบกไม้โบกมือประกอบคำยืนยันแข็งขัน เพราะเธอไม่อาจทนเปลือยกายต่อหน้าคนอื่นได้ และไม่เคยมีใครมาอาบน้ำให้นี่นา
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เป็นหน้าที่ของมูนากับจันนาที่จะช่วยนายหญิงอาบน้ำแต่งตัว” มูนาขยับตามคนขยับหนีต้องการทำหน้าที่ของตน แต่คนเป็นนายหญิงไม่ยอมง่ายๆ
“แต่ฉันโตแล้วนะจ๊ะ ไม่ใช่เด็กๆที่ต้องให้ใครมาอาบน้ำแต่งตัวให้ เธอออกไปก่อนเถอะ ฉันอาบเสร็จแล้วจะตามออกไป อ้อ เสื้อผ้าอยู่ในตู้นี่แล้วใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะเลือกเสื้อผ้าใส่เอง” วารดาห์ยืนหันหลังให้ประตู จึงไม่เห็นผู้เข้ามาใหม่