บทที่ 2 พิศวาสบัลลังก์ทราย
“ทางโน้นเป็นไงบ้าง หัวหน้าองครักษ์กับแม่นม ฮาลีมะห์เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม กำชับให้แน่ใจนะว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี” ผู้รับสั่งยื่นมือไปรับเครื่องดื่มจากบริกรประจำเครื่องยกดื่มดับกระหาย
“เรียบร้อยตามที่ฝ่าบาทรับสั่งไว้ทุกอย่าง ท่านหัวหน้าเตรียมองครักษ์สิบหกนาย แม่ของกระหม่อมเตรียมนางรับใช้สิบสองนาง และได้มูนากับจันนาสองพี่น้องมาไว้คอยดูแลประจำตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ“ เขาเปิดข้อมูลจากไอแพดแจ้งข้อมูลไปตามเนื้อหาที่เลขาประจำตำหนักส่วนพระองค์ส่งมา
“นางรับใช้ที่แม่นมเลือกไว้คงไม่ใช่สาวรุ่นขี้ตกใจหรอกนะ ฉันไม่ชอบเสียงวิ้ดว้ายของพวกนาง“
“แม่กระหม่อมคัดเลือกเฉพาะนางกำนัลที่ไว้วางใจได้รู้งาน และไม่พูดมากพ่ะย่ะค่ะ“
“...อึ้ม...ดี...”
“แต่แม่กระหม่อมฝากกราบทูลพระองค์เรื่อง เอ้อ คุณ ญะมีลาห์” ซาอิดไม่เต็มใจจะกราบทูล แต่เป็นเรื่องที่แม่ของตนย้ำฝากข้อความไว้
“นางมาเกี่ยวอะไรด้วย“
เสียงถามกร้าวยิ่งทำให้คนกราบทูลอ้ำๆอึ้งๆใจฝ่อ เพราะเขาไม่อยากแจ้งเรื่องที่นางห้ามคนโปรดมักจะก่อเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายให้ท่านชีคฟารีสขัดเคืองพระทัยหรืออาจจะโกรธหรือกริ้ว ก็ได้
“เห็นว่านางกำลังเข้าใจผิดพ่ะย่ะค่ะ“ ต้องกราบทูลออกไปเพราะคิดว่ายังไงก็ต้องให้เจ้านายแก้ปัญหา
“เข้าใจอะไรผิดรึ” ผู้รับคำกราบทูลหันมองหน้าคนสนิทที่ทำท่ากระวนกระวายจนเกือบจะนั่งไม่ติดอย่างสงสัย
“...คือ...คือนางคิดว่า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ตกแต่งจัดห้องที่ตำหนักสวนกุหลาบให้นาง”
”นางอยู่ตำหนักในไม่ใช่รึ จะมายุ่งอะไรกับตำหนักสวนกุหลาบของฉัน และฉันก็ไม่เคยให้นางห้ามคนไหนเข้าไปยุ่มย่าม นางน่าจะรู้ดี“
“แต่คงรู้ว่ามีการปรับปรุงตกแต่งห้องพระมารดาในตำหนักเสียใหม่ เลยสอบถามแม่ของกระหม่อม พอไม่ได้คำตอบก็คิดเอาเองว่าฝ่าบาทจะทำให้นาง เลยส่งรายการสั่งของที่ต้องการยาวเหยียดไปให้แม่จัดซื้อ แม่ไม่ได้จัดให้ก็เลยโกรธบุกเข้าไปอาละวาดขว้างทุบข้าวของเสียหาย”
“จะมากเกินไปแล้ว ฉันเบื่อความเอาแต่ใจของนางเต็มทน คราวที่แล้วก็เรื่องตบตีนางห้ามด้วยกัน นี่ก็มาวุ่นวายในตำหนักสวนกุหลาบของฉันอีก เอาเถอะ บอกแม่นมว่าฉันจะกลับไปจัดการกับนางเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“...เออ...แล้วเรื่องเสนาบดีคลังล่ะ เขาเตรียมการเรื่องที่ฉันมอบหมายเสร็จหรือยัง ฉันอยากทำให้เสร็จๆไป พวกนางจะได้มีชีวิตใหม่ ไม่ต้องมาถูกกักอยู่แต่ในตำหนักแคบๆนั่น“
“เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทกลับไปก็ดำเนินการได้ทันที“
“...อึมดี...แล้วมีอะไรอีกหรือเปล่า“ ผู้รับสั่งมองตามสายตาจดจ้องข้อความอยู่ในไอแพด ก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องอะไรอีกแน่
“...เอ้อ...ข่าวเชคก้าอาบิดาห์พ่ะย่ะค่ะ มีหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่าเชคก้าประกาศเลิกกับแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศสแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เลิกกันแล้วรึ เร็วจริง เห็นรักกันนักหนาจนถึงกับหนีตามกันไป คงจะเป็นเรื่องหึงหวงที่เป็นข่าวบ่อยๆละสิ ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางอีกแล้ว”
“แต่กำลังจะทรงเกี่ยวข้องกับน้องวสงฝาแฝดของนาง” ซาอิดคิดอยู่ในใจ พลางชำเลืองมองสีหน้าเรียบเฉยของเจ้านายเหนือหัว แม้ใบหน้าคมคายหล่อเหล่าจะไม่บ่งบอกอะไร แต่การลักพาตัวแฝดสาวคนน้องก็เป็นปริศนาคาใจที่เขายังคาดเดาพระดำริไม่ออก
เขานึกเห็นใจหญิงสาวที่ยังนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่ในห้องด้านใน เธอยังไม่รู้ตัวเลยว่า ต้องตกเป็นเหยื่อระบายแค้นแทนแฝดสาวคนพี่ และการถูกพาตัวมาครั้งนี้จะทำให้นางเป็นทุกข์เดือดร้อนสักแค่ไหน
แต่เขาพอจะคาดเดาได้ว่า ต้องเกิดปัญหาตามมาหลายอย่าง แม้จะมีการแจ้งกับประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมอย่างเป็นทางการแล้วว่าท่านชีคฟารีสองค์ประธานของโรงแรม ได้ขอตัวเธอมาดูงานที่สาขากรุงอัลโมห์ดาบีเดรุสซาลามสักสองสามเดือน
แต่ทางบ้านของเธอนั่นสิ ถึงจะมีจดหมายแจ้งแก่มารดาของวารดาห์แล้ว เขาไม่คิดว่านางจะนิ่งนอนใจ ถ้าติดต่อบุตรสาวของตนไม่ได้ โดยเฉพาะชีคทาซิมผู้เป็นบิดาของวารดาห์ ถ้ารู้ว่าทางมารดาติดต่อธิดาไม่ได้ ก็คงจะไม่นิ่งนอนใจ
ก่อนท่านชีคฟารีสจะรับสั่งให้ดำเนินการลักพาตัวหญิงสาวแฝดคนน้องมา ทรงได้พบกับวารดาห์ที่สิงคโปร์ โดยฝ่ายหญิงต้องติดตามเจ้านายมาต้อนรับขับสู้ผู้ดำรงตำแหน่งประธานใหญ่ที่ไปดูความคืบหน้าของงานสาขาที่กำลังจะเปิดใหม่สามเดือนก่อน
จากนั้นก็มีรับสั่งให้เขาสืบค้นประวัติ จนมาจุดไต้ตำตอว่าวารดาห์เป็นคู่แฝดของอดีตว่าที่พระคู่หมั้นที่อยู่กับมารดาในเมืองไทย และกำลังจะย้ายมาเป็นเลขาผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่โรงแรมของเครือบริษัท ณ ประเทศไทย
ซาอิดชายหนุ่มผู้ดำรงตำแหน่งองค์รักษ์และเลขาประจำประองค์ ได้รับบัญชาให้ดำเนินแผนการทันที แต่ที่น่าแปลกใจชวนสงสัยสำหรับเขาก็คือ การจัดเตรียมห้องพักบนตำหนักสวนกุหลาบในพระราชวังเป็นที่พำนักของหญิงสาว ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า เป็นพระตำหนักส่วนพระองค์ที่ท่านชีคฟารีสทรงหวงแหนนักหนา พระองค์ไม่เคยพาแขกสำคัญหรือหญิงสาวคนใดเข้าไปพำนัก เขาจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าวารดาห์จะต้องเป็นสตรีที่มีความสำคัญมากกับท่านชีคมกุฎราชกุมารไม่น้อยเลยทีเดียว