พิศวาสบัลลังก์ทราย

119.0K · จบแล้ว
ศิรารัย
86
บท
4.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เจ้าชายอาหรับ หนุ่มหล่อกระชากใจ ไม่สนใจแฝดพี่ที่ไม่มางานหมั้น แต่กลับลักพาแฝดน้องมาไว้ข้างกาย...แนวทะเลทรายสวีตที่จะได้เต็มอิ่มกับเรื่องรักใคร่ของคู่พระนางและคู่รักเก่านางในฮาเร็มที่แซ่บเกินบรรยาย...(18 21 25 ) ###...เขาไม่สนใจแฝดคนพี่ แต่มาถูกใจแฝดคนน้องตั้งแต่แรกเห็น เมื่อสืบประวัติรู้ว่า...เธอคือน้องสาวของว่าที่คู่หมั้นแฝดคนพี่เขาก็ลักพาตัวเธอมาเก็บไว้ในตำหนักสวนกุหลาบของพระมารดา...ส่วนหนึ่งอยากเอาคืนแฝดคนพี่ ส่วนหนึ่งพิศวาสในตัวแฝดคนน้อง...แต่ต้องปวดหัวกับแฝดคนพี่ว่าพี่คู่หมั้นที่กลับมาปรากฏตัวก่อนงานแต่งเพียงไม่กี่วัน...###

นิยายรักโรแมนติกรักแรกพบเศรษฐีโรแมนติก18+21+25+

บทนำ-1 พิศวาสบัลลังก์ทราย

“อาบิดาห์ เจ้าจะไปไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม...”

เชคก้านูรียาห์ชายาคนแรกของชีคทาซิม เบน ราชิด อัลคาบุซ ร้องค้านเสียงดัง ยืนนิ่งขึงตะลึงมองธิดาสาวสวยที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเครื่องสำอางราคาแพงจัดเรียงใส่กระเป๋าอย่างใจเย็น

“ลูกต้องไปเพคะ ท่านแม่ก็รู้ว่าลูกรักโปลี ไม่ได้รักฟารีส” อาบิดาห์ปิดกระเป๋าเครื่องสำอางที่เพิ่งจัดเสร็จนำไปวางรวมกับกองกระเป๋าเดินทางหลายใบที่เตรียมไว้

“แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงพิธี ลูกจะทิ้งพิธีหมั้นตัวเองไปรึ”

นางมองตามธิดาที่เดินไปยืนหน้ากระจกบานใหญ่หมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่สวมใส่ ซึ่งวันนี้เธอใส่ชุดเดินทางทันสมัยเป็นเสื้อสูทสีเทาเกือบดำกระดุมสองแถวตัวยาวลงมาเหมือนกระโปรงสั้นสวมทับเสื้อยืดคอกว้างสีชมพูบานเย็นกับกางเกงรัดรูปทันสมัยขายาวสีเดียวกับเสื้อสูทและรองเท้าคัทชูส้นแหลมสูง ที่ช่วยส่งให้รูปร่างผู้ส่วมใส่ดูสูงโปร่งระเหิดระหงงามสง่า

“แน่นอนเพคะ... โธ่...ท่านแม่เพคะ...ก็แค่พิธีหมั้นเล็กๆ ทำเป็นการภายใน ไม่ได้เอิกเกริกอะไร ล้มเลิกไปก็คงไม่เสียหายอะไรนักหนา ฟารีสอาจจะเสียหน้านิดๆหน่อยๆ แต่ลูกก็เชื่อว่า เขาคงไม่เดือดร้อนหรอกเพคะ เพราะการหมั้นหมายนี่เป็นเพียงความเห็นชอบของผู้ใหญ่ เราไม่ได้รักกัน หมั้นหรือแต่งงานไปทำไมล่ะเพคะ ตอนนี้ลูกรักโปลี ต้องการแต่งงานกับเขา เราจะไปแต่งงานกันที่ฝรั่งเศสเพคะ”

ผู้พูดยืนหมุนซ้ายขวาขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างไม่รู้สึกรู้สากับใบหน้าขึ้งเคียดของมารดาเลี้ยงที่ยืนมองอยู่อย่างทุกข์ร้อนใจ เพราะถูกตามใจจนเคยตัว

“แล้วทางนี้ล่ะ จะทำยังไง งานพิธีอะไรก็เตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าท่านพ่อรู้คงไม่ยอมหรอกนะ” ทรงกล่าวอ้างถึงท่านชีคทาซิมสวามีที่คิดว่าธิดาน่าจะมีความเกรงใจอยู่บ้าง

“ท่านแม่ ถ้าท่านแม่รักลูกก็อย่าบอกท่านพ่อนะเพคะ อย่างน้อยก็รอจนกว่าลูกกับโปลีออกจากประเทศนี้ไปก่อน...นะเพคะ...เพคะ...ท่านแม่ของลูก...”

ผู้ออดอ้อนโผเข้าสวมกอดพระมารดา บีบน้ำตาออกมาคลอเจียนจะหยาดหยด ลดเสียงลงต่ำเครือเหมือนจะร้องไห้ เพราะเป็นวิธีออดอ้อนพระมารดาเลี้ยงให้ใจอ่อนมาได้เกือบจะทุกครั้งทุกครา

“เจ้าทำให้แม่ลำบากใจ แล้วทำไมไม่ปฏิเสธการหมั้นเสียแต่ทีแรกปล่อยให้ล่วงเลยมาจนถึงวันนี้” ทรงรับสั่งต่อว่าไม่จริงจังจากความใจอ่อนแพ้ลูกอ้อนของธิดาที่เลี้ยงดูมาเหมือนกับลูกของตัวเอง

“ตอนนั้นลูกยังไม่แน่ใจนี่เพคะว่าโปลีเขาจะรักลูกจริง แต่เมื่อวานเขามาขอลูกแต่งงาน นี่ไงเพคะแหวนหมั้นที่เขาสวมให้ตอนมาคุกเข่าขอแต่งงานกับลูก และให้สัญญาว่าจะรักและดูแลลูกตลอดไป ที่สำคัญ คือ ลูกรักเขา ท่านแม่โปรดเห็นใจลูกเถอะเพคะ”

“แต่แม่เป็นห่วงเจ้า แน่ใจแล้วหรือว่าจะเลือกผู้ชายคนนั้น ทั้งฐานะทั้งเกียรติยศของเขาเทียบชีคฟารีสไม่ได้เลยนะ“

“โปลีเขาเป็นทายาทเจ้าของบริษัทผลิตนิตยสารดังนับสิบในฝรั่งเศสและยุโรปเพคะ ฐานะอยู่ในระดับเศรษฐีหมื่นล้าน เพียงแต่ไม่มีคำนำหน้าเป็นชีคหรือเจ้าชายอย่างฟารีสเท่านั้น“

“นั่นแหละ ที่แม่เป็นห่วง ไม่มีฐานนันดรศักดิ์ก็ไม่ต้องระมัดระวังชื่อเสียงเกียรติยศจะเสื่อมเสีย เห็นว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมในหมู่ดารานางแบบ”

“โธ่ ท่านแม่ นางแบบสามัญชนพวกนั้นจะมาสู้อะไรกับลูกที่มีคำนำหน้าว่าพริ้นซ์เซสล่ะเพคะ”

“แล้วนี่เขาจะจัดพิธีแต่งงานให้ลูกเมื่อไร“

“คงอีกสองหรือสามเดือนค่ะ เขาต้องรอเคลียร์งานให้เสร็จก่อน”

“นี่ยังไม่มีกำหนดแน่นอนหรอกรึ“

“ท่านแม่เพคะ อย่าเพิ่งคาดคั้นพวกเราสิเพคะ”

“อาบิดาห์ แม่รักลูกเป็นห่วงลูก ต้องการให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แต่ลูกก็...ดูเถอะ มาทำแบบนี้ แม่...” พระมารดาผู้รักห่วงใยรับสั่งไม่ออก ได้แต่กอดธิดาน้ำตาคลอ เพราะนางไม่มั่นใจในความรักหวือหวาที่เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกจากการหึงหวงของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายชายที่มีอาชีพเป็นช่างภาพนิตยสารแฟชั่น งานของเขาต้องพบปะกับนางแบบสาวสวยมากหน้าจึงได้ชื่อว่าเจ้าชู้นัก เธอจึงกลัวใจว่าเขาจะรักอาบิดาห์ได้ไม่นาน

“...ท่านแม่...อย่าห่วงไปเลย เราสองคนรักกัน จะมีพิธีแต่งงานหรือไม่มีก็ไม่สำคัญหรอกเพคะ” อาบิดาห์กอดหอมเอาใจขณะกล่าวปลุกปลอบที่คิดว่าจะช่วยให้มารดาเลี้ยงสบายใจ

“แต่การแต่งงานหรืองานพิธีก็เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์ยั่งยืนของการครองคู่นะลูกนะ“

“ยุคสมัยนี้ไม่จำเป็นแล้วเพคะ คนรักกัน แค่ได้อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว และ สิ่งที่สำคัญของการครองคู่ของยุคสมัยนี้ต้องมีความพึงพอใจหรือความรักของทั้งสองฝ่าย หม่อมฉันไม่ได้รักท่านพี่ฟารีส เราสองคนไม่ได้รักกัน แต่งงานไปก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ ลูกถือว่าการครองคู่ คือ การเข้ากันได้ดีทางความคิดจิตใจและร่างกายท่านแม่อย่าห่วงเลยเพคะ”

“ถ้าเป็นความสุขของลูกแม่ก็ยอม ขอให้เจ้ามีความสุขในความรักนะลูกนะ”

เชคก้านูรียาห์กระชับอ้อมกอดกล่าวอวยพรก่อนจากลา เดินตามไปส่งธิดาสุดรักสุดหวงขึ้นรถออกไปสนามบินด้วยจิตใจสั่นหวั่นไหว แล้วต้องกลับมานั่งกลุ้มอกกลุ้มใจในการสรรหาคำแก้ตัวให้คนที่ตนยอมสนับสนุนการหนีพิธีหมั้นไป เพื่อจะโน้มน้าวใจท่านชีคทาซิมสวามีที่รู้ว่าเขาจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่ให้ทำอะไรรุนแรงกับธิดาสาวและหนุ่มคนรักชาวฝรั่งเศส