บทที่ 1 พิศวาสบัลลังก์ทราย
หญิงสาวสวยในชุดราตรีสีชมพูเหลือบเงินวาววามตามแสงไฟส่องกระทบทุกก้าวที่ย่างเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงโอ่อ่ามาตามทางเดินเข้าลิฟต์ที่เกือบจะร้างผู้คน เธอเข้าลิฟต์กดลงลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรมแรมหรูย่านเพลินจิต แล้วยกข้อมือข้างขวามองนาฬิกาอันจิ๋วฝังตัวเรือนอยู่ในกำไลทองคำตกแต่งลายริ้วด้วยทองคำขาวและเพชรเม็ดเล็กๆสวยสะดุดตา เข็มสั้น-ยาวบนหน้าปัดบอกเวลาอีกไม่ถึงสิบนาทีจะตีหนึ่ง ซึ่งผ่านเวลางานเลี้ยงเลิกมาเกือบสองชั่วโมง แต่ที่เธอต้องกลับลงมาช้าเพราะต้องคอยรอส่งแขกสำคัญกลุ่มสุดท้าย คือ ครอบครัวเจ้านายผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และแขกสูงศักดิ์ระดับท่านชีคมกุฎราชกุมารในราชวงศ์โมห์ดาบีผู้เป็นหุ้นส่วนใหญ่และประธานใหญ่ของโรงแรมที่จะต้องเดินทางกลับต่างประเทศในคืนนี้
วารดาห์ ( อัลคาบุซ ) สิรีวงศ์ ลูกครึ่งไทย-อาหรับ เข้าทำงานเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์โรงแรมในเครือ อิสเทิร์น เอมิเรตส์ ( Eastern Emirates ) ที่สิงคโปร์ได้เพียงหกเดือนกว่าก็ได้รับเลือกให้มาเป็นเลขาผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์สาขาใหม่ที่เพิ่งมาเปิดในเมืองไทย ซึ่งเธอสุดจะดีใจที่ได้กลับมาอยู่บ้านกับมารดา และช่วงเวลากว่าสามเดือนที่ต้องเตรียมงานเปิดโรงแรมเอมิเรตส์-ไทยที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยได้ยุติลงเสียที พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เธอจะได้พักผ่อนอยู่ในบ้านอันแสนอบอุ่นด้วยความสบายใจ
เมื่อลิฟต์ลงมาหยุดชั้นที่จอดรถไว้ หญิงสาวก้าวเดินออกมาอย่างเร่งรีบ ผลักบานประตูเปิดออกลานจอดเดินข้ามไปยังรถของตนที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ทันมองรถตู้คันใหญ่ที่วิ่งเงียบเข้ามาจอดเทียบให้หนุ่มฉกรรจ์สองคนลงมาคว้าอุ้มร่างบางยกลอยเข้ารถปิดประตูแล่นออกไป
“ว้าย! ...นี่อะไรกัน”
เสียงร้องตกใจของคนถูกจับดังได้แค่นั้น ก็มีผ้ากลิ่นหอมฉุนโป๊ะลงมาบนจมูกและปาก หญิงสาวดิ้นอึกอึกได้ไม่ถึงห้าวินาทีก็อ่อนแรงง่วงซึมหมดสติไป
“โทรบอกนักบินเตรียมออกเครื่องในครึ่งชั่วโมง“ เป็นคำสั่งห้วนทุ้มลึกจากเสียงของชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทสากลสีน้ำเงินเข้มเกือบดำที่นั่งอยู่บนเบาะฝั่งตรงข้ามร่างแน่งน้อยที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ
เขาพิศมองดวงหน้าสวยหวานอันประกอบด้วยหน้าฝากโหนกนูนเกลี้ยงเกลา คิ้วเรียวยาวกันแต่งเพียงเล็กน้อย แพขนตางอนยาวสีดำดกหนาทาบทับอยู่บนผิวแก้มผ่องเนียนใส จมูกโด่งเล็กได้รูปรับกับปากอิ่มสีชมพูระเรื่อที่ลงลิปส์มันวาวไว้ชุ่มฉ่ำชวนลิ้มรสจนคนมองแทบจะอดใจไม่ไหว ถัดลงไปเป็นคางเรียวและสันกรามบอบบางที่ช่วยเสริมใบหน้าคล้ายรูปหัวใจให้สวยอ่อนหวาน
เขามองผ่านลำคอระหงลงเรื่อยตามลาดไหล่นวลเนียนเวียนไปจนตลอดร่าง ความรู้สึกบางอย่างสะกิดใจให้มองอ้อยอิ่งอยู่นาน เขายอมรับกับตัวเองว่าพึงพอใจผู้หญิงคนนี้ สายตาคมปราบมองละจากสะโพกผายโค้งกลมกลึงกับสะเอวคอดเล็กวกกลับมาหยุดมองนิ่งอยู่บนเนินอกอูมอิ่มที่ล้นคอเสื้อร่นต่ำลงมาดึงดูดสายตาพาให้นึกเห็นภาพบัวงามกลมกลึงอวบขาวแต่งแต้มด้วยป้านสีเข้มน่าเชยชมหยอกล้อให้เจ้าของส่งเสียงครวญชวนเชิญด้วยใจเต้นระทึกจนตัวเองรู้สึกรุมร้อนอึดอัดจากการขยายเหยียดของร่างกายตรงหน้าตัก จึงถอดเสื้อสูทตัวนอกของตนห่มคลุมร่างยวนยั่วราคะปิดไว้ให้ถึงปลายคาง
“ทางนักบินเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หนุ่มไว้เคราทึบรอบคางร่างสูงโย่งหนึ่งในสองผู้ที่ลงไปอุ้มพาหญิงสาวสวยมาขึ้นรถกราบทูลกระซิบเสียงเบาราวกับกลัวคนนอนหลับตาพริ้มเพราเพราะฤทธิ์ยาสลบจะได้ยิน
“อึม...ให้รถไปจอดใกล้เครื่องที่สุดนะ เดี๋ยวฉันจะอุ้มลงไปขึ้นเครื่องเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ฟังตอบรับแล้วกดสวิตช์อินเตอร์คอมติดต่อภายในรถถ่ายทอดคำสั่งให้คนขับรถทันที เพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีรถตู้คันหรูก็วิ่งเข้าไปจอดเทียบใกล้ทางขึ้นเครื่องบินส่วนตัวติดตราสัญลักษณ์ราชวงศ์อัลโมห์ดาบี และบริษัท อิสเทิร์นเอมิเรตส์(Eastern Emirates a Company)ที่กัปตันเครื่องติดเครื่องรออยู่ในสนามบินกลางเมืองกรุงเทพมหานคร
ชีคฟารีส เบน คาลิฟะห์ อัล-โมห์ดาบี อุ้มร่างบางเบาที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อสูทของเขาเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ตรงส่วนกลางของตัวเครื่องวางลงอย่างนุ่มนวลด้วยท่านอนสบาย คาดรัดสายนิรภัยเซฟความปลอดภัยระมัดระวังให้อย่างดี โดยมีกระแสพิศวาสดึงดูดให้เขาต้องก้มลงจุมพิตบนปากอิ่มแดงระเรื่ออย่างห้ามใจไม่อยู่ จึงรับรู้ถึงความอ่อนนุ่มอบอุ่นหอมหวานชวนสัมผัสซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าของหญิงสาวสวยตรงหน้า เขาอ้อยอิ่งจูบขบย้ำเนื้ออ่อนอุ่นดูดเบาๆก่อนจะผละออกห่าง ลุกขึ้นทอดถอนใจอย่างเสียดาย เดินออกมาจากห้องเข้านั่งประจำที่ และส่งสัญญาณให้นักบินนำเครื่องขึ้นทันที เมื่อเครื่องทรงตัวดีก็เอ่ยถามความคืบหน้าของงานที่สั่งไว้