36 ของเล่นแก้เหงา
“เห็นทีว่าเราจะต้องทำอย่างจริงๆ จังๆ เสียที”
ก้องทนไม่ได้ที่เห็นเพชรรุ่งทำท่าจะแย่งพยัคฆ์มาเป็นของตัวเอง คิดว่าคืนนี้จะต้องจัดการให้เรียบร้อย แอบวางแผนเอาไว้เงียบๆ
เขาแอบย่องไปทางหลังบ้าน หลังจากที่เห็นเพชรรุ่งเดินเบียดพยัคฆ์ไปก่อนหน้านี้ ส่วนมณียังคงยุ่งอยู่กับการกำกับหวานทำความสะอาดครัว สิ่งที่ก้องเห็นทำเอาใจหายวาบ เมื่อเพชรรุ่งเข้าไปนัวเนียกับพยัคฆ์ที่ยังคงยืนนิ่งๆ มือสวยเริ่มนวดลงไปที่บ่าบึกบึน
“พี่เสือรูปร่างดี แข็งแรง มีกล้ามเต็มไปหมด วันนี้พี่คงเหนื่อย เพชรนวดให้นะ”
“อย่าเลย ไม่เหมาะ”
“ทำไมล่ะ กลัวมณีเห็นหรือไง”
“ถ้ามณีเห็นคงเก็บไปคิด เราจะสนิทสนมกันแบบนี้ไม่ได้”
“งั้นก็ออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน ไม่ให้มณีเห็น มีงานแสดงสินค้าในอำเภอ เราไปกันเดี๋ยวนี้เลย นะ นะ พี่เสือ”
หญิงสาวชวนด้วยท่าทางระริกระรี้ ยิ้มหวาน ตาฉ่ำเชิญชวนให้เข้าใกล้ พยัคฆ์สะกดความต้องการตามธรรมชาติเอาไว้อย่างเต็มที่ บอกกับตัวเองว่าไม่เหมาะ ตัดใจเดินหันหลังกลับเข้าบ้าน ทิ้งให้มณียืนนิ่งอยู่กับที่เพราะช็อกที่เขาปฏิเสธ แม้ว่าไม่บอกด้วยคำพูด แต่การกระทำดังกล่าวบ่งบอกเป็นอย่างดี
“พี่เสือ ทำอย่างนี้ได้ไง ไม่ยอมหรอก พี่เสือรอก่อนสิคะ”
ไม่ว่าเธอจะร้องเรียกอย่างไร พยัคฆ์หาได้ใส่ใจแต่อย่างใด เดินจ้ำอ้าวไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เพชรรุ่งรู้แล้วว่าเปล่าประโยชน์ที่จะอยู่ตรงนี้ รีบตามไปเช่นกัน ก้องได้แต่เฝ้ามองหญิงสาวทุกอิริยาบถเพื่อที่จะดำเนินการตามแผน
มณียิ้มสดชื่นเมื่อพยัคฆ์เข้ามานั่งดูรายการโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ร่างบางถูกรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง แก้มขาวนวลถูกจูบจนเกิดเสียงดัง ความสุขที่เคยจางหายไปได้กลับมาอีกครั้ง เธอเอียงตัวเข้าหา พิงศีรษะลงกับอกกว้างที่กรุ่นด้วยกลิ่นกายหอม
“เมื่อยไหม พี่นวดให้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่ดูแลบ้านกับทำอาหาร ไม่เหนื่อยอะไรเลย”
“พี่ดีใจที่ได้เมียดี ดูแลทุกอย่าง ช่วยแบ่งเบาพี่ได้มาก”
“ฉันเคยบอกกับตัวเองเอาไว้ว่า เมื่อเป็นเมียของใครแล้วก็ต้องรักและซื่อสัตย์ ดูแลเขาให้ดีที่สุด”
“นี่แหละคุณสมบัติของคนเป็นเมียล่ะ ถ้าเรามีลูก พี่คิดว่ามณีจะต้องเลี้ยงดูและอบรมอย่างดี ขอบใจมากนะที่อยู่เคียงข้างพี่มาโดยตลอด”
พยัคฆ์หยอดคำหวานแก่ภรรยาพร้อมกับจูบที่แก้มเบาๆ ขณะที่เพชรรุ่งเข้ามาในบ้านเห็นภาพนั้นพอดี ร้อนไปทั้งตัวด้วยไฟริษยา ทนไม่ได้ที่เห็นเขาแสดงความรักต่อน้องสาวตัวเอง เท่ากับว่าเธอไม่มีความหมายสำหรับเขาเลย เจ็บปวดและเสียใจจนต้องถอยออกมา ยืนหายใจแรงๆ อยู่ที่ระเบียง
“เพชร เป็นอะไร ท่าทางไม่ค่อยดีเลย กินน้ำขิงอุ่นๆ สักแก้วไหม”
“พี่ก้องเล่นมาเงียบๆ อย่างนี้ ฉันตกใจหมดเลย”
“มัวแต่คิดอะไรอยู่ล่ะ ทักเบาๆ แค่นี้สะดุ้งสุดตัวเลย กินน้ำขิงนะพี่จะไปเอาให้”
“เดี๋ยวก่อนพี่ อย่าเพิ่งไป ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกว่าเหงา ว้าเหว่ ไม่มีใคร ฉัน...ฉันอยากมีใครสักคนอยู่ข้างๆ คอยดูแลบ้าง”
ขณะที่พูด น้ำตาใสๆ ร่วงไหลออกมา กระทบกับแสงจันทร์เป็นประกายวาว ก้องเข้าไปใกล้ๆ เอานิ้วเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ รุ่งเพชรโผร่างงามเข้าหาซบหน้าลงกับอกแล้วกอดลำตัวเอาไว้แน่น ก้องตกใจไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าเพชรรุ่งจะเป็นคนอ่อนแอได้เพียงนี้ กระทั่งได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ เขากอดเธอเช่นกัน
“ไม่เอา อย่าเป็นคนอ่อนแออย่างนั้นสิ”
“แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ หลายสิ่งที่เราคาดหวังแต่ไม่เป็นไปตามนั้น ทำให้ฉันท้อเหลือเกิน มองไปทางไหนเห็นแต่คนมีความสุข ต่างจากฉันที่ยังคงโดดเดี่ยวไร้ที่ยึดเหนี่ยว”
“เพชร พี่ว่าเราไปหาที่คุยกันดีกว่านะ ถ้าขืนอยู่ตรงนี้ ใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
“ห้องพี่ได้ไหม”
“ได้ ถ้าไม่รังเกียจห้องหนุ่มโสดที่รกๆ”
ก้องกล่าวอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่เพชรรุ่งขอเข้าไปในห้อง โดยที่เขาไม่ได้คิดอะไร นอกจากหาทางแยกเธอออกมาให้ห่างจากสามีภรรยาคู่นั้น ระหว่างที่เดินมาด้วยกันเธอยังคงร้องไห้เบาๆ จนกระทั่งเข้ามาในห้อง ก้องปิดประตูทันที
กลัวว่าถ้าหวานเห็นหญิงสาวเข้ามาในห้องเขา คงไม่เหมาะอาจจะเอาไปเล่าให้คนอื่นฟัง ทำให้เธอถูกมองไปในทางเสียหาย
“พี่ไปหาอะไรมาให้กิน”
“ไม่ต้องหรอก กินข้าวอิ่มแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น อยากพูดหรืออยากระบายอะไรออกมา ตามสบายเลย พี่ยินดีเป็นกระโถนท้องพระโรงรับได้ทุกเรื่อง”
“น่ารักจริงพี่ก้องเนี่ย ฉันนี่ก็แย่นะ ร้องไห้เป็นเด็กๆ ไปได้”
“เรื่องปกติของคนเรา ถ้าหากว่ามีเรื่องไม่สบายใจ ร้องไห้คือการระบายดีที่สุด ยิ้มออกมาได้แล้ว สบายใจแล้วสิ”
“จ้ะ ฉันคงต้องกลับห้องแล้วล่ะ ขอบคุณพี่มากที่ช่วยเป็นเพื่อนคุย อุ๊ย...”