35 ความร่านไม่เคยปรานีใคร
เมื่อถึงงาน เพชรรุ่งถือโอกาสควงแขนน้องเขยเดินอย่างมีความสุข แรกๆ พยัคฆ์ใจไม่ดี ทว่าความสวยและความใกล้ชิดทำให้ใจเขว ปล่อยเลยตามเลย ปลื้มนิดๆ เมื่อมีคนชมว่า หนุ่มหล่อสาวสวย ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็กลายเป็นจุดสนใจ
เมื่อเป็นอย่างนี้ ใครล่ะจะไม่ปิติ!
แต่มีบางคนที่เคยไปงานแต่งพยัคฆ์กับมณี มองด้วยความฉงน พร้อมกับกระซิบกระซาบกันว่าทั้งคู่ควงกันออกงานอย่างนี้ หมายความว่าอย่างไรและพูดไปในทางเสียหาย และอีกหลายคนที่มาในงานแต่งเพื่อนของเพชรรุ่ง ต่างเข้าใจว่าพยัคฆ์คือแฟนของเธอเพราะทั้งสองนั่งชิดติดกันและหญิงสาวเอาใจเขาทุกย่าง ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งรอเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ที่โต๊ะ เพื่อนคนหนึ่งของเพชรรุ่งซึ่งไม่รู้จักพยัคฆ์มาก่อนได้กระเซ้าตามประสาคนคุ้นเคย
“คู่นี้ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีจ๊ะ”
“บ้า ถามอย่างนี้ได้ไง เขินนะยะ”
“จริงเหรอ แต่ท่าทางเธอมีความสุขมากเลยนะที่ได้พาพี่เสือมาด้วย”
“ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันหรอกครับ คือ...ว่าผม” พยัคฆ์กำลังจะบอกความจริงให้คนนั้นรู้ว่าเขากับเพชรรุ่งไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ แต่เพชรรุ่งกลัวความจริงที่ว่าพยัคฆ์เป็นน้องเขย รีบส่งแก้วเหล้าให้กับพยัคฆ์อย่างรวดเร็ว
“เอาน่าพี่เสือ ดื่มเหล้าก่อน จิบๆ นะจ๊ะ”
“ไม่ดีกว่า ขับรถด้วย เดี๋ยวจะไม่ดี”
ชายหนุ่มบ่ายเบี่ยงไม่ยอมดื่มเหล้าที่เพชรรุ่งส่งให้ แต่ไม่อาจต้านสายตาหวานๆ มองเป็นเชิงบังคับ อีกทั้งเพื่อนของเธออีกหลายคนพากันมองด้วยความสนใจ ในที่สุดเขาจำใจดื่มเหล้าแก้วนั้นทีละนิด กระทั่งหมดแก้ว เสียงกระซิบหวานๆ ดังขึ้น
“เก่งมากจ้ะ พี่เสือ”
“พี่รู้สึกร้อนไปทั้งหน้า”
“เรื่องปกติของคนไม่เคยดื่ม พี่ต้องหัดดื่มแล้วล่ะ เวลาไปสังสรรค์กับพวกคนใหญ่คนโตจะได้เข้ากับเขาได้ งั้นอีกแก้วนะพี่”
“พักก่อนเถอะ ขอน้ำเปล่าดีกว่า”
“ได้เลยจ้ะ”
เพชรรุ่งเอาใจน้องพยัคฆ์ทุกอย่าง ไม่ว่าเขาต้องการอะไรจะได้สิ่งนั้นทันที กระทั่งเวลาผ่านไปสี่ทุ่มกว่าๆ แขกที่มาร่วมในงานฉลองสมรสต่างพากันทยอยกันกลับรวมทั้งพยัคฆ์ที่รู้ว่าสมควรแก่เวลา กลัวมณีเป็นห่วงจึงชวนเพชรรุ่งกลับบ้าน
“เพชร กลับบ้านเถอะ นี่ก็ดึกแล้วนะ”
“อยู่สักหน่อยไม่ได้หรือพี่”
“ไม่ไหวแล้ว ง่วงเสียจนตาจะปิด”
“ยังคุยกับเพื่อนสนุกอยู่เลย”
หญิงสาวอิดออด ทำหน้าอ้อนๆ พยัคฆ์เผลอมองด้วยความเอ็นดู เกือบใจอ่อนถ้าไม่เห็นหญิงชายคู่หนึ่งเดินเคียงคู่กันผ่านไป สามัญสำนึกที่ดีบอกว่าต้องกลับ ไปดูแลมณีที่ผ่านมาเขาทำผิดกับเธอเอาไว้พอแล้วจึงลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ เพชรรุ่งเห็นดังนั้นผวาเข้าไปกอดแขน
“กลับจริงๆ เหรอ”
“ใช่ ลาเพื่อนซะ”
“ได้ๆ แหม เข้มเชียว เพื่อนๆ ไปก่อนนะ”
“จ้า หวังว่าจะได้รับข่าวดีในเร็วๆ วัน”
“ต้องรอดูกันต่อไป พี่เสือเราไปกันเถอะ”
หญิงสาวส่งยิ้มให้กับเพื่อนๆ แล้วหันมาชวนพยัคฆ์กลับด้วยเสียงหวานๆ เมื่อเธอคล้อยหลังไปแล้ว เพื่อนทั้งหมดได้พากันจับกลุ่มคุยกัน
“แฟนยายเพชรนี่ดูดี หล่อ ท่าทางรวยด้วยนะ”
“ใช่ เพชรโชคดีที่ได้พี่เสือเป็นแฟน อีกไม่นานคงมีข่าวดี”
“นี่พวกเธอไม่รู้อะไร ฉันจะบอกให้ว่าผู้ชายคนนั้นน่ะเป็นผัวของยายมณี น้องสาวของเพชรน่ะ”
เพื่อนคนหนึ่งที่เคยไปในงานแต่งของมณีโพล่งขึ้นด้วยเสียงขุ่นพอๆ กับใบหน้าบึ้งตึง ไม่พอใจต่อความประพฤติของเพชรรุ่ง เพื่อนทั้งหมดตกใจไปตามๆ กัน
“หา จริงหรือ”
“จริงสิ ฉันจะโกหกทำไม แต่ก็แปลกใจว่าเพชรถึงมากับพี่เสือ ติดกันแจอย่างนั้น หรือว่าสองคนนี่มีอะไรกัน โอย บัดสี”
“นั่นสิ ยายเพชรงาบน้องเขยตัวเอง ยี๊ ขยะแขยง ทำได้ไงน่ะ”
ผู้หญิงร่างบางทำท่าสะบัดร้อนสะบัดหนาว เช่นเดียวกับสาวหุ่นดี หน้าตาสวยเปรยขึ้นอย่างเหยียดๆ
“ความร่านไม่เคยปรานีใคร หนังม้วนนี้ต้องดูกันยาวๆ”
สารพันความคิดเห็นต่อการที่เพชรรุ่งควงพยัคฆ์ไปในงานแต่ง ทุกคนที่ร่วมวงสนทนาในคืนนั้นไมเห็นด้วยต่อการกระทำของหนุ่มสาวทั้งสอง ทำตัวสนิทสนมกันเกินกว่าพี่เมียกับน้องเขยและพูดกันต่ออีกว่าจะต้องมีเรื่องคาวฉาวสวาทตามมา
กำนันพูนกับแก้วกลับมาจากกรุงเทพฯ แล้ว เมื่อรู้ว่าเพชรรุ่งไปอยู่บ้านของพยัคฆ์จึงไปตามกลับบ้าน แต่เพชรรุ่งไม่ยอมกลับ อ้างว่าจะขออยู่เป็นเพื่อนมณี โดยที่ทุกคนรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอว่าต้องการที่จะอยู่ใกล้ๆ กับพยัคฆ์
ก้องใจไม่ดีที่เห็นมณีแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ รู้ว่าเป็นกังวลเกี่ยวกับความประพฤติของเพชรรุ่งที่มักจะเกาะติดพยัคฆ์ แม้ว่าเขาออกไปทำงานข้างนอกเธอขอตามติดไปเกือบทุกครั้ง ทำให้ผู้ที่เข้ามาติดต่อการค้าคิดว่าเธอเป็นภรรยาของเขา