34 เสือหวั่นไหว
สองหนุ่มขับรถออกจากบ้านกำนันพูนไปแล้ว เหลือแต่เพียงเพชรรุ่งที่ยังคงยืนตาคว่ำด้วยความไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเขาจงใจที่จะเข้ามาขัดขวางเธอไม่ให้สมหวังกับพยัคฆ์ แต่คนอย่างเธอไม่ถอยหลังจะต้องเดินหน้าเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
“เสือ เราขอเตือนว่าสิ่งที่นายกำลังทำอยู่นี้ไม่ถูกต้อง”
“ก้อง นี่นายพูดอะไร เราไม่ได้ทำอะไรเลย ดูหน้าสิซีเรียสจัง”
พยัคฆ์แสดงอาการงุนงงในขณะถามก้องที่ยืนพิงกระบะท้ายรถอยู่ด้วยกัน เวลานั้นพระอาทิตย์เคลื่อนตัวใกล้ลับทิวเขาลงไปทุกที แสงสีส้มอ่อนๆ ที่มีเมฆสีเทากระจายเป็นริ้วๆ สวยงามราวกับภาพวาดจากจิตรกรมือเอก แต่ก็ไม่อาจทำให้ก้องคลายความกังวลลงไปได้ เสียงระบายลมหายใจออกมาแรงๆ
“เรื่องเพชร เราคิดว่านายก็น่าจะรู้ว่าเพชรคิดยังไงกับนาย”
“เราเองก็หนักใจนะ ตั้งแต่เพชรมาอยู่ที่บ้าน พยายามเข้ามานัวเนียกับเราบ่อยๆ”
“ในเมื่อนายรู้ ทำไมไม่ถอยออกมา ปล่อยให้เพชรทำอย่างนั้นทำไม เดี๋ยวเธอก็ได้ใจ คิดว่านายชอบ”
“เรารักษามารยาท กลัวเพชรจะหาว่ารังเกียจ”
“อ้าว! ไม่กลัวมณีเสียใจหรือไง”
“กลัวสิ เราพยายามห่าง อย่างวันนี้เราไม่ได้ทำอย่างที่นายเห็นเลยนะ เพชรดึงมือเราลงจากรถทำให้เราเสียหลักแล้วก็ออกมาอย่างที่เห็นนั่นแหละ”
น้ำเสียงพยัคฆ์จริงจังในขณะที่อธิบายให้ก้องเข้าใจถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่เพชรรุ่งกอดเขาเอาไว้แน่น ก้องพยักหน้าช้าๆ แต่ยังมีความกังวลอยู่ในสายตาคู่คม ความกลัวต่อความกล้าของเพชรรุ่งที่พยายามทำให้เกิด คือสิ่งที่เขาหนักใจที่สุด
คงจะต้องเตือนให้พยัคฆ์ห่างจากเพชรรุ่งเอาไว้ เขาไม่ไว้ใจคนเป็นผู้ชายด้วยกัน หากว่ามีหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสวยงามมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ อารมณ์ใคร่ย่อมกระเจิง
“เราขอเตือนนายว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้”
“เรารู้น่า...ว่าจะต้องทำอย่างไร”
“นั่นแหละ แต่เราไม่ไว้ใจอารมณ์ความเป็นชายของนาย อาจจะพลั้งเผลอด้วยความเคลิบเคลิ้ม เมื่อถูกยั่วยวนกวนความต้องการ จงเตือนตัวเองเอาไว้ว่า เพชรคือตัวอันตรายสำหรับชีวิตคู่ของนาย”
“ขอบใจที่หวังดี เราจะไม่ให้ความสนิทสนมกับเพชรไปมากกว่านี้ นายคือเพื่อนแท้ของเราจริงๆ ช่วยเราทุกเรื่อง รออีกสักนิดให้งานลงตัวกว่านี้เราจะแบ่งที่ให้นายไปทำมาหากิน สร้างอาณาจักรของตัวเองให้บ้าง”
“ขอบใจ เรายังไงก็ได้ ขอแค่ได้เป็นเพื่อนนายก็พอ”
“ก้อง เรารักนายจริงๆ”
พยัคฆ์น้ำตาซึมซาบซึ้งต่อความรักที่ก้องมีให้ ขยับเข้าหาแล้วกอดร่างใหญ่บึกบึนเอาไว้แน่นๆ ก้องกอดตอบเช่นกันและยิ้มอย่างมีความสุขต่อมิตรภาพอันดีที่มีต่อกัน ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ คำว่าเพื่อนยังคงอยู่กับคนทั้งสองตลอดไป
แม้ว่ารับปากกับก้องเอาไว้แล้วว่าจะไม่เปิดโอกาสให้เพชรรุ่งเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆ แต่พยัคฆ์อดใจอ่อนไม่ได้เพราะยังมีความรู้สึกดีๆ ต่อเธอเพราะเคยหลงรักมาก่อนและสงสารหญิงสาวกลัวว่าจะเสียใจคิดว่ารังเกียจ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาทำเหมือนไม่สนใจเธอ ทว่าเมื่ออยู่ลับหลังผู้คน เขายินดีที่จะให้เพชรรุ่งเข้าใกล้ ซึ่งทำให้เธอได้ใจ คิดว่าเขาหลงเสน่ห์อันร้อนแรงเข้าแล้ว
“พี่เสือ ฉันจะไปงานแต่งงานเพื่อนที่ต่างอำเภอ พี่ช่วยพาไปได้ไหม”
“เอ่อ ไม่เหมาะมั้ง เดี๋ยวมณีรู้เข้าจะคิดมาก”
“งั้นไม่เป็นไร ฉันขับรถไปเองก็ได้ อาจจะกลับหลังเที่ยงคืน”
“ไม่ดีแน่ อันตรายให้ก้องไปเป็นเพื่อนสิ”
“ไม่ พี่ก้องไม่ชอบหน้าฉัน หาเรื่องแขวะอยู่เรื่อย เอาเป็นว่าฉันไปเองก็ได้”
“เอ่อ เอาอย่างนี้ เพชรไปรอถนนหน้าหมู่บ้านก็แล้วกัน พี่จะขับรถไปรับตอนเย็นๆ ก็แล้วกัน”
“ถ้ามณีถามล่ะ พี่จะบอกยังไง”
หญิงสาวอยากรู้ถึงข้ออ้างของผู้ชายเวลาแอบนัดผู้หญิงคนอื่นไปข้างนอกด้วยกันว่าเขาจะยกเหตุผลอะไรขึ้นมาอ้าง พยัคฆ์นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมา
“คือ พี่จะบอกว่าไปหาผู้ใหญ่ที่อำเภอ ส่วนเพชรก็บอกมณีว่าไปงานแต่งและมีเพื่อนมารับ”
“มณีไม่มีปัญหาหรอก กลัวแต่พี่ก้องคนเดียว”
“พี่รู้ว่าก้องไม่ใช่คนปากสว่าง”
พยัคฆ์มั่นใจว่าคำเท็จที่ตัวเองจะพูดให้ภรรยาเชื่อนั่นทำให้เธอไม่ระแวงสงสัยว่าเขานัดเพชรรุ่งออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่เขารู้สึกไม่ดีที่โกหกมณีอย่างนั้น กลัวว่าเธอรู้ภายหลังจะเกิดเรื่องบาดหมางใจจนเป็นเหตุให้ทะเลาะกัน เขาทั้งอึดอัด กังวลใจ กลายเป็นเครียดจนมณีสังเกตเห็น เข้ามาสอบถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่เสือ ท่าทางไม่ค่อยสบายใจ”
“อ้อ มณี คือว่าเกี่ยวกับการซื้อขายที่นี่แหละ พี่กลัวว่าจะเป็นที่ทับซ้อน ถ้ามีปัญหาก็ไม่ซื้อ แต่เย็นนี้ต้องไปคุยกับผู้ใหญ่ในอำเภอ อาจจะกลับดึกๆ”
“พี่เพชรก็ไปงานแต่งเพื่อน ไม่เป็นไรพี่ก้องก็ยังอยู่”
มณีมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก กังวลว่าที่ดินผืนใหม่ที่พยัคฆ์ต้องการซื้อจะมีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ โดยไม่ระแวงแคลงใจเลยว่า เขากับเพชรรุ่งนัดกันไปงานแต่งของคนต่างอำเภอ ขณะที่ก้องผ่านมาได้ยิน ชักสีหน้าไม่พอใจเพราะรู้ว่าพยัคฆ์โกหก