15 เธอคือใคร 2
ก้องเป็นคนช่างพูด เข้ากับคนง่ายจึงสอบถามเกี่ยวกับผู้หญิงที่พยัคฆ์สนใจจึงรู้ว่าเป็นลูกสาวของกำนันพูน แรกทีเดียวที่ชายหนุ่มรู้เรื่องถึงกับชะงัก ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม ยากที่จะเผยอเด็ดดอกฟ้าเพราะมณีอยู่สูงเกินไป อีกทั้งกำนันพูนขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวมาก
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เขาเคยแอบรักเพชรรุ่งซึ่งเป็นลูกคนหนึ่งของกำนันพูนมาแล้ว ถ้าเข้าไปในบ้านหลังนั้นก็คงต้องเจอกับเพชรรุ่ง เธอคงรังเกียจและไม่ยอมให้เขาคบหากับมณี
“งานช้างแล้วก้อง”
“อะไรวะเสือที่ว่างานช้างน่ะ”
“ผู้หญิงทั้งตำบลมีตั้งมากมาย ทำไมเราต้องสนใจคุณมณีด้วย”
“อย่างนี้เรียกว่าบุพเพสันนิวาสโว้ย เอาเถอะน่า ถ้าเป็นเนื้อคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน ทำความรู้จักเธอก่อน ชวนพูดคุยเวลาที่เธอมาซื้อของแล้วอย่าลืมแถมผักให้ด้วยล่ะ”
“ให้ฟรีๆ ก็ยังได้”
“แล้วแต่นายก็แล้วกัน เราจะช่วยเป้นกองเชียร์ ให้นายสมหวังกับคุณมณีก็แล้วกัน เราเชื่อว่านายทำได้ อย่างน้อยก็มีเงินและหน้าตาดีกว่าหนุ่มๆ ด้วยกัน”
แรงยุของก้องกลายเป็นกำลังที่สำคัญ พยัคฆ์พยายามสร้างความคุ้นเคยกับหญิงสาวบ่อยๆ ทุกครั้งที่เธอมาซื้อของ เขาจะชวนคุยและลดราคาให้เป็นพิเศษและแถมฟรีให้ในบางอย่าง เมื่อคุ้นเคยกันมากขึ้น มณีเริ่มมีใจให้ หลังจากรู้ว่าเขาจบปริญญามาจากกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นใบเบิกทางชั้นดีเพราะหนุ่มๆ ละแวกนี้น้อยคนนักที่จะเดินทางมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ
“เรียนจบตั้งปริญญาตรี ทำไมพี่ไม่หางานดีๆ ทำล่ะ แต่พี่เสือมาทำไร่และขายผัก ผลไม้อย่างนี้”
เมื่อคุ้นเคยกันดี หญิงสาวกล้าถามเมื่อมีโอกาสได้คุยกันเป็นการส่วนตัวหลังจากที่พยัคฆ์ขายของหมดแล้ว มีเวลาพักและมณียังไม่กลับบ้าน
“อยากรู้ไหมล่ะ” ชายหนุ่มเริ่มแสดงความเจ้าเล่ห์ออกมาเพราะอยากอยู่ตามลำพังกับเธอให้มากกว่านี้
“ฮื่อ...อยากรู้ คงมีเรื่องบางอย่างใช่ไหม?”
“เยอะเลยล่ะ งั้นเย็นนี้หกโมงเย็นเจอกันที่ท้ายไร่พี่ ตรงนั้นพี่สร้างกระท่อมเล็กๆ เอาไว้ มณีมานะพี่จะเล่าให้ฟังทุกอย่าง”
“ไม่ได้หรอกพี่ เวลานั้นที่บ้านฉันกินข้าวกัน”
“กินข้าวเสร็จก็มาได้นี่นา นะ พี่จะรอ”
“น่าเกลียดเป็นผู้หญิงออกมาหาผู้ชายมืดๆ ค่ำๆ”
มณีตัดความรู้สึกพึงพอใจในตัวชายหนุ่มออกไป เมื่อนึกถึงความไม่เหมาะสม ถ้ามีใครเห็นเธอนั่งคุยกับผู้ชายในเวลามืดๆ ค่ำๆ คงเอาไปนินทาให้เสียหาย เสือได้ยินคำปฏิเสธถึงกับหน้าสลด แต่ยังคงมองเธอด้วยสายตาเว้าวอน มณีเห็นแล้วอดใจหายไม่ได้
“มณีรังเกียจพี่”
“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่เสือไม่เข้าใจ คือ...ฉันบอกไปแล้วว่าถ้ามีคนเห็นว่าเรา...”
“เอาล่ะ พี่เข้าใจ พี่รู้ดีว่าต่ำต้อยแค่ไหน แค่คนจนๆ แต่ริอ่านอยากโน้มกิ่งดอกฟ้า”
“พี่เสือ....อย่าพูดอย่างนั้น ใครได้ยินเข้าจะคิดยังไง พี่รู้เอาไว้เถอะว่า ฉันไม่เคยรังเกียจพี่ รอให้ฉันก่อนนะ พร้อมเมื่อไหร่จะบอก”
“มณี นี่ หมายความว่า....”
หญิงสาวไม่ตอบแต่คว้าตะกร้าใส่ผักหิ้วออกไปจากร้านทันที พยัคฆ์ยิ้มกว้าง ดวงตาทอประกายด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่หวังเป็นความจริง มณีมีใจให้กับเขา แต่แล้วเขาต้องตีหน้าขรึมเมื่อเห็นหญิงวัย 50 กว่า ร่างอวบอ้วนผิวเข้มเดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งเสียงหวานเจื้อยแจ้ว
“เสือ เสือ พี่ซื้อโอเลี้ยงมาฝาก”
“ขอบคุณครับป้าศรี”
“ไม่เอา เรียกพี่ดีกว่า เสือจ๋า...พี่คิดว่าเปลี่ยนจากขอบคุณไปกินข้าวบ้านพี่ไหมล่ะ เย็นนี้จะต้มพะโล้ขาหมูไว้รอ”
“ขอบคุณครับ แต่ผมต้องเตรียมผักมาไว้ขายตอนเช้า”
“อย่างนี้ทุกทีเลย รู้ว่าเค้าชอบก็เล่นตัวอยู่ได้ เดี๋ยวหอมแก้มเลย”
ศรีทำท่าจะหอมแก้มด้วยความเสน่หา แต่พยัคฆ์ถอยกรูดด้วยความกลัวแล้ววิ่งไปอยู่ข้างหลังก้องที่หัวเราะอย่างขำๆ พยัคฆ์ดันร่างใหญ่ของเพื่อนไปข้างหน้าขณะที่ศรีโผเข้าหา ทำให้ร่างทั้งสองปะทะกันแล้วล้มลงไปทับกันที่พื้น ก้องรีบลุกอย่างรวดเร็วเพราะอายผู้คน โดยทิ้งร่างศรีให้นอนแอ้งแม้งอยู่กับเศษผัก เธอส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังๆ
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ดึงฉันลุกขึ้นไปที”
“เร็วสิก้อง ดึงป้าศรีขึ้นมา”
“ไม่เอา เมื่อครู่เสียท่าล้มทับแกเต็มๆ นึกแล้วยังสยองไม่หาย นายนั่นแหละช่วยดึงที่รักขึ้นมาหน่อย”
“บ้าแล้ว ใครที่รัก ไม่ใช่ เรามีแล้วโว้ย”
“นี่ หมายความว่า นายกับคุณมณี ตกลงที่จะเป็นแฟนกันใช่ไหม?”
ก้องก้มลงไปกระซิบข้างหูเพื่อนเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาล้อๆ พยัคฆ์อายจนหน้าแดง แต่แล้วอารมณ์แห่งความสุขสลายไปเมื่อได้ยินเสียงศรีร้องให้ช่วยดังๆ เขาจำใจจับมืออวบอูมให้ลุกขึ้นนั่งและกลั้นหัวเราะแทบแย่เมื่อเห็นว่าบนศีรษะและเสื้อผ้าเต็มไปด้วยเศษผักใบเขียวๆ