14 เธอคือใคร 1
หลังจากที่เพชรรุ่งอกหักเรื่องความรัก เธอกลายเป็นคนเครียด เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน ไม่สุงสิงกับใคร กำนันพูนกับแก้วดีใจที่ลูกไม่ยุ่งกับผู้ชายเพราะกลัวเรื่องเสื่อมเสียจะตามมา โดยลืมไปว่ายังมีมณีอีกคนที่น่าเป็นห่วงมากกว่า
ทุกเช้ามณีจะออกมาซื้อกับข้าวที่ตลาดเพื่อนำไปทำอาหารเพราะได้รับการถ่ายทอดการบ้านการเรือนจากมารดา เธอจึงทำอาหารได้อร่อยจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารของทุกคนในครอบครัว ด้วยกิริยามารยาทที่อ่อนหวาน พูดเพราะกลายเป็นเสน่ห์ที่คนได้พูดคุยด้วยประทับใจ
วันนี้ขณะที่มณีกำลังเลือกซื้อผัก ได้ยินชาวบ้านสนทนากันว่ามีคนนำผัก ผลไม้มาขายในราคาขายส่ง แต่ต้องซื้อยกถุง หญิงสาวเกิดความสนใจเพราะต้องการผักไปทำบุญใส่บาตรในวันพรุ่งนี้จึงเดินไปยังมุมหนึ่งของตลาดและเห็นคนมุงซื้อผัก ลไม้เป็นจำนวนมาก
“ขอซื้อมะเขือเปราะถุงนึง”
หญิงสาวส่งเสียงดังแข่งกับชาวบ้านที่กำลังร้องสั่งของจากพ่อค้าหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังก้มๆ เงยๆ ส่งของให้กับลูกค้า
“รอเดี๋ยวครับ เสือ เสือ ทอนตังค์ให้ป้าแกหน่อย”
“เท่าไหร่ล่ะก้อง”
“ยี่สิบบาทแล้วเอามะเขือให้คุณคนนี้ด้วย แฮ่...สวยจัง”
ท้ายประโยคก้องลดเสียงเบาลงเมื่อเงยหน้ามองมณี รู้ว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยคนหนึ่ง อาการชะงักของเขาตกอยู่ในสายตาของพยัคฆ์จึงหันหน้าไปมอง สายตาประสานกับหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผิวขาว ผมยาวประบ่า รู้ว่าหน้าตาดี แต่สวยน้อยกว่าเพชรรุ่ง
มณีเกิดอาการเขินอาย ร้อนไปทั้งใบหน้าเมื่อสบตากับพ่อค้าหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ใบหน้าหล่อเข้ม ดวงตาคม ทำให้เธอใจสั่นรีบหลบสายตาทันที
“คุณเอามะเขือถุงนี้ใช่ไหมครับ?”
“ค่ะ มะเขือถุงนึงแล้ว ข้าวโพดหวาน ผักกาดขาว”
“ซื้อของเยอะแยะขนาดนี้ถือกลับไหวหรือครับ”
“ไหวค่ะ พอดีมีลูกน้องมาด้วย เอ่อ...เท่าไหร่คะ”
“ถุงละยี่สิบบาทครับ”
หลังจากทราบราคาผักทั้งหมด มณีส่งเงินให้ขณะที่เสือยื่นมือมารับทำให้มือทั้งสองสัมผัสกัน มณีสะดุ้งมีความรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ ดึงมือกลับ เช่นเดียวกับพยัคฆ์เพียงแรกที่มือแตะต้องกัน ร้อนฉ่าไปทั้งตัว
รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีความพิเศษกว่าคนอื่นๆ ทำให้ร้อนรุ่มไปทั้งตัว อยากที่จะเข้าใกล้และพูดคุยด้วย เขาพยายามที่จะสบตาแต่เธอหันไปมองทางอื่น ชายหนุ่มได้แต่มองตามเมื่อเห็นเธอเดินนำหน้าเด็กหนุ่มซึ่งเป็นลูกน้องของเธอเอาถุงผักใส่รถลากออกจากตลาดไป
“เราต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร”
เสียงที่ดังออกมาจากริมฝีปากได้รูปของพยัคฆ์เรียกร้องความสนใจจากก้องที่นั่งพิงหลังกับผนังบ้าน ปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศในเวลาพลบค่ำและเห็นพยัคฆ์ทอดสายตามองออกไปบนท้องฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังเปลี่ยนจากสีส้มอ่อนๆ เป็นสีดำ
“นายกำลังพูดถึงใคร”
“ผู้หญิงคนนั้นไงที่มาซื้อผักเราน่ะ หน้าตาเข้าท่าดี”
“แล้วเราจะรู้ไหมไหนว่าเป็นคนไหน ผู้หญิงมาซื้อผักตั้งหลายคน หน้าตาดีๆ ทั้งนั้น”
“คนที่ซื้อมะเขือเปราะ ข้าวโพดหวานแล้วก็ผักกาดขาวน่ะ”
“เฮ้ย! คนนั้นเราก็เหล่อยู่เหมือนกันนะ”
“แต่เรารับรู้อะไรบางอย่างในตัวเธอ สื่อถึงเรา บอกว่าเป็นคนพิเศษ”
“ไปใหญ่แล้วเพื่อน เอ้า บอกมาว่าอะไรสื่อถึงกัน ถ้ามีเหตุผลพอ เราจะหลีกทางให้”
“ตอนที่เธอให้เงินเรา มือแตะกัน ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ทำให้เราอยากอยู่ใกล้ อยากทำความรู้จัก เรื่องแบบนี้มันแปลกนะ ผู้หญิงบางคนทั้งจับ ทั้งกอด แต่ไม่รู้สึกแบบนั้นเลย ต่างจากเธอคนนี้”
ขณะที่พยัคฆ์สาธยายเกี่ยวกับผู้หญิงที่ผ่านมาให้ก้องรับรู้ ดวงตาคู่นั้นทอประกายวาบวับ เหมือนดวงดาวในเวลากลางคืน ก้องค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา รู้แล้วว่าพยัคฆ์เจอคนที่ใช่ ทำให้เขาต้องยุติความคิดที่จะจีบผู้หญิงคนนั้น
“ถ้านายสนใจเธอจริงๆ เราจะช่วยสืบให้ว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน”
“ขอบใจมากก้อง เราเองก็คิดว่าสมควรแก่เวลาที่จะมีใครเข้ามาในหัวใจ ช่วยเป็นกำลังใจในการสร้างเนื้อสร้างตัว”
“รู้น่าว่าอยากมีเมีย ตอนนี้นายมีรถกระบะ เงินเก็บก็พอสมควร งานรับซื้อผักผลไม้จากชาวบ้านแล้วเอาไปขายในตลาดก็กำลังรุ่ง ไม่ยากที่จะหาเมียมาช่วยดูแล”
“ขอบใจนายมากที่เป็นเพื่อนคู่คิด มิตรที่ดี เราจะพยายามทำให้เธอคนนั้นมาเป็นแฟนให้ได้”
พยัคฆ์ดีใจที่มีก้องเป็นเพื่อนที่ดี ช่วยเหลือทุกเรื่อง ตั้งแต่งานในไร่ ช่วยรับซื้อพืช ผักผล ไม้ไปจากชาวบ้านแล้วช่วยกัน กระทั่งมาถึงเรื่องของหัวใจ แม้ว่าก่อนหน้านั้นพยัคฆ์สนใจเพชรรุ่ง แต่เธอดูถูกเหยียดหยาม ไม่เห็นเขาในสายตา ความรู้สึกดีๆ จึงจางไป
เมื่อเจอหญิงสาวคนใหม่ หัวใจกลับมาชื่นฉ่ำอีกครั้งและคิดว่าเธอคงไม่รังเกียจเขาเช่นกัน