บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ความรัก...ความหลัง...ความแค้น

คาริมพาทั้งหมดมายังตำหนักรับรอง ซึ่งอยู่ทางด้านขวาของตำหนักหลวง ก่อนจะพาเข้าห้องพักส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งอยู่ทางปีกซ้ายของตำหนักรับรองจะเหลือก็แต่เพียงนีนนาราคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ห้องพัก คิ้วเรียวจึงขมวดเข้าหากันพร้อมกับจ้องหน้าคาริมอย่างงุนงงสงสัยก่อนจะถามขึ้น

“แล้วห้องฉันละคะคุณคาริม อย่าบอกนะว่าไม่ได้เตรียมเอาไว้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะได้กลับไปที่โรงแรม”

“มีครับ ห้องของคุณอยู่ทางปีกขวาครับ เชิญครับ” คาริมอมยิ้มแล้วโค้งให้หญิงสาวและทำท่าจะเดินนำหน้าไป

“เดี๋ยวก่อน! ทำไมต้องให้ฉันไปพักที่ห้องทางปีกขวาด้วย ทางนี้ก็ยังมีอีกตั้งหลายห้องไม่ใช่เหรอ?” นีนนาราเดินมายืนขวางหน้าองครักษ์หนุ่มเอาไว้ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง

“ผมไม่ทราบสาเหตุครับ เพราะเป็นรับสั่งของเจ้าชาย” คาริมตอบด้วยท่าทางสงบนิ่ง

“เจ้าชายงั้นเหรอ?” หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันพร้อมกับกำมือแน่น

“ใช่ครับ...เชิญครับ” คาริมก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับผายมือ แต่นีนนารายังคงยืนนิ่งอย่างครุ่นคิด ก่อนจะหันมามองหน้าหนุ่มชาวจากัสต้าอีกครั้งและบอกเสียงแข็ง

“ได้ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้านายของคุณต้องการอะไรกันแน่”

แม้จะทำใจแข็งพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจลึกๆ ก็อดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้ นีนนารารู้สึกว่าการมาจากัสต้าในครั้งนี้เหมือนกับเอาชีวิตมาแขวนเอาไว้บนเส้นด้ายที่จวนจะขาด เท้าบางที่ก้าวตามองครักษ์หนุ่มไปจึงดูไม่ค่อยมั่นคงสักเท่าใด

โซไรดากระแทกก้นลงนั่งบนโซฟาตัวยาว ภายในห้องทำงานของบิดาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง ก่อนจะหันไปทางผู้เป็นบิดา ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะมุมห้อง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่กระแทกกระทั้นด้วยความไม่พอใจ

“ท่านพ่อทราบหรือไม่ว่า เจ้าชายทรงให้ไอ้พวกชาวเอเชียพวกนั้นเข้ามาพักในวังทำไม ลูกไม่เข้าใจจริงๆ จะเป็นแขกบ้านแขกเมืองหรือก็เปล่า” ใบหน้าสวยตามแบบฉบับของสาวแขกงอง้ำ

“ก็ไหนลูกบอกว่าจะไปเข้าเฝ้าแล้วทูลถามเองไง แล้วทำไมถึงกลับมาถามพ่อแบบนี้” รัฐมนตรีฟากัสเงยหน้าขึ้นมองบุตรสาว

“ถ้าลูกได้เข้าเฝ้าก็คงจะไม่ถามท่านพ่อแบบนี้หรอก” โซไรดาลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับบิดา

“พ่อเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้เจ้าชายทรงทำอะไรก็ไม่คิดจะปรึกษาใครเลย”ฟากัสหรี่ดวงตาเข้มมองหน้าบุตรสาว ก่อนจะปิดหนังสือบนโต๊ะลงโดยแรงอย่างไม่พอใจในการกระทำของประมุขหนุ่มแห่งจากัสต้า

“ถึงไม่บอกใครก็น่าจะบอกลูกบ้าง เพราะอีกไม่กี่เดือนลูกกับเจ้าชายก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่ดูที่เจ้าชายทรงทำสิท่านพ่อ พระองค์ทำเหมือนไม่เห็นลูกอยู่ในสายพระเนตรเลยด้วยซ้ำ” หญิงสาวระบายออกมาด้วยความน้อยใจ

“ใจเย็นๆเถอะลูกถึงยังไงตำแหน่งราชินีแห่งจากัสต้าก็อยู่ในมือของลูกอยู่แล้ว พระองค์อยากทำอะไรก็ปล่อยให้ทำไป” ฟากัสตบมือลงบนหลังมือของบุตรสาว

“ลูกคงปล่อยไม่ได้หรอกท่านพ่อเห็นนางกำนัลบอกว่ามีหญิงสาวสวยอยู่ในกลุ่มพวกมันด้วย หรือว่าเจ้าชายทรงพอใจพวกมัน ลูกไม่ยอมนะท่านพ่อ ลูกไม่ยอมแน่ๆ” โซไรดาลุกพรวดขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ถมึงทึง กรามทั้งสองข้างขบแน่นจนเป็นสันนูนอย่างโมโหเมื่อนึกเดาเหตุผลที่เจ้าชายหนุ่มพาชาวเอเชียทั้ง 6 คนเข้ามาพักในวัง

“ถึงเป็นแบบนั้นลูกก็ไม่เห็นต้องกังวลเลย อย่าลืมสิว่ากฎของจากัสต้าก็คือ กษัตริย์หรือองค์รัชทายาทจะต้องอภิเษกสมรสกับหญิงสาวชนชาติเดียวกัน โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น ถึงจะพอใจพวกมันก็แค่นางลับๆ เท่านั้น” ฟากัสลุกเดินมาโอบไหล่บุตรสาวคนเดียวของตนเอง

“เป็นนางลับๆ ก็ไม่ได้ลูกไม่ยอมให้ใครมาแย่งเจ้าชายไปเด็ดขาด” ผู้เป็นบุตรสาวหันมามองหน้าบิดาตาขวาง

“ลูกต้องทำใจเผื่อเอาไว้ เพราะเจ้าชายสามารถมีนางสนมหรือนางลับๆ ได้อีกมากมาย แล้วลูกก็จะมาทำหึงหวงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นลูกเองนั้นแหละที่จะต้องโดนทอดทิ้ง พ่อขอเตือนด้วยความ

หวังดี” ฟากัสบอกเสียงแข็ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้บุตรสาวยืนกัดกราม กำมือแน่นอยู่คนเดียวด้วยความแค้นใจ เหตุผลของบิดาอาจจะใช่สำหรับคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้วไม่มีใครมาแย่งอะไรไปจากเธอได้ เจ้าชายจะต้องรักและมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าใครคิดจะมาแย่งหรือแข่งขันด้วยละก็มันผู้นั้นจะต้องไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีก หญิงสาวเหยียดมุมปากออกอย่างเหี้ยมโหด แววตาดุดันแข็งกร้าวลุกวาวราวกับเปลวไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้มอดไหม้ลงไป

หลังจากเดินสำรวจห้องเรียบร้อยแล้ว นีนนาราก็เดินมาหยุดยืนที่หน้าต่าง ซึ่งมองลงไปเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่และสวนดอกไม้ ต้นไม้นานาพันธุ์ที่ถูกปลูกจัดเรียงกันเอาไว้อย่างสวยงาม แต่ความคิดของหญิงสาวกลับไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่เบื้องล่างแม้แต่น้อย จิตใจของเธอกำลังหวนกลับไปคิดถึงเรื่องราวในหลายๆ คืนที่ต้องหวาดหวั่นกับฝันร้าย ในความฝันนั้นเหมือนกับว่าเธอกำลังเดินวนอยู่ในห้องห้องหนึ่งที่มืดมิด ไร้ซึ่งทางออกแล้วจู่ๆ เสียงตวาดที่ดังราวกับฟ้าผ่าก็ก้องไปทั่วบริเวณ

“ถ้าคุณก้าวออกไปจากที่นี่ คุณกับผมก็จบกันแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก! อย่ากลับมา! อย่ากลับมา! อย่ากลับมา!”

เธอพยายามวิ่งหนีเสียงนั้น แต่ยิ่งวิ่งมันก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนแสบแก้วหู แล้วเธอก็ลื่นล้มและสะดุ้งตื่น

นีนนารารู้ดีว่าฝันร้ายนั้นมันไม่ใช่แค่ความฝันเรื่อยเปื่อย แต่มันคือความจริงในครั้งอดีต

...เมื่อ 3 ปีก่อนเธอทำงานเป็นประชาสัมพันธ์อยู่ที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในพัทยา และเขาก็เป็นลูกค้าชาวตะวันออกกลางระดับ วีไอพี ซึ่งทางโรงแรมให้ความสำคัญมาก แวบแรกที่เธอสบสายตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มคู่ที่จ้องมองมา ก็เล่นเอาหัวใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ วันต่อมาเขาก็ไปหาเธอที่บ้านพัก เพื่อขอให้ช่วยเป็นไกด์พาเที่ยวพัทยา แล้วด้วยความใกล้ชิดก็ทำให้เกิดเป็นความพึงพอใจจนกลายเป็นความรักในช่วงเวลาเพียงแค่เดือนเศษๆ เท่านั้น เขาให้เธอลาออกจากงานโรงแรมเพื่อไปอยู่กับเขา และเป็นครั้งแรกที่เธอมาที่จากัสต้ า แล้วก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันที่ได้รับรู้ว่าชายคนรักของเธอคือเจ้าชายรัชทายาทของประเทศนี้ ในตอนนั้นมีทั้งความสับสน วิตกกังวล แต่ด้วยความรักที่เขามีให้ ทำให้เธอคลายความทุกข์ใจต่างๆ ไป จนกระทั่งในคืนหนึ่งเธอขอให้เขาไปสู่ขอเธอกับบิดามารดาที่ประเทศไทยให้ถูกต้องตามประเพณี แต่เขากลับปฏิเสธ

“ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้ เพราะผมต้องแต่งงานกับนูรีน มันเป็นกฎของราชวงศ์ที่กษัตริย์หรือเจ้าชายรัชทายาทจะต้องแต่งงานกับหญิงสาวชนชาติเดียวกันเท่านั้น แต่ขอให้คุณรู้เอาไว้ว่าผมไม่เคยรักนูรีน ผู้หญิงที่ผมรักคือคุณ...นีนนารา ผมรักคุณคนเดียว ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่กับผมตลอดไป”

“อยู่ในฐานะอะไรคะ?ในเมื่อคุณแต่งงานกับฉันไม่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวด

“ในฐานะผู้หญิงของผม คุณจะได้ทุกอย่างและอยู่อย่างสุขสบาย” เขาบอกกับเธออย่างหน้าตาเฉยเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเธอมันคือคำพิพากษา

“ฮึ สุขสบายงั้นเหรอ สิ่งที่ฉันต้องการก็คือการเป็นภรรยาออกหน้าออกตาของสามี และเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่คุณจะให้ฉันอยู่ในฐานะชู้รัก นางบำเรอหรืออะไรก็ตาม ฉันยอมรับมันไม่ได้หรอกค่ะ”

“คุณมีเหตุผลหน่อยสิน้ำ ผมคือเจ้าชายของจากัสต้าการแต่งงานและมีลูกก็คือภาระหน้าที่ของผม สำหรับผมประเทศชาติกับประชาชนอยู่เหนือความสุขส่วนตัว”

“ถ้างั้นฉันก็คงไม่มีความหมายสำหรับคุณอีกต่อไป ฉันอยู่ในฐานะที่คุณหยิบยื่นให้ไม่ได้หรอกคะ ฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นคุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่น นอนกับผู้หญิงอื่น ฉันจะกลับเมืองไทย”เธอบอกเขาอย่างเด็ดเดียว

“นีนนารา! แต่คุณเป็นเมียผมแล้วนะ ความรักที่ผมมอบให้คุณมันยังไม่พออีกงั้นเหรอ?”

“ฉันต้องการการยกย่องและให้เกียรติ นอกเหนือจากความรักของคุณค่ะคาร์ดาล”

“แต่ผมคงให้คุณไม่ได้ คุณขอผมมากเกินไป ถ้าคุณก้าวออกไปจากที่นี่ คุณกับผมก็จบกัน แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีกไม่งั้นจะหาว่าผมไม่เตือน” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแล้วก็เดินออกไป ทิ้งให้เธอนอนร้องไห้อย่างคนที่หัวใจแตกสลาย พอวันรุ่งขึ้นเธอก็กลับเมืองไทยพร้อมกับความช้ำใจและรอยแผลเป็นในหัวใจ

นีนนารากะพริบตาถี่ๆ เพื่อลบภาพความหลังออก และดึงความคิดกลับสู่ปัจจุบันอีกครั้งก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ

“ฉันกลับมาเพราะการงานและหน้าที่ของฉัน ฉันทำตามหน้าที่เหมือนกับที่คุณเคยทำเมื่อ 3 ปีก่อน” หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ แล้วหันกลับมาเพื่อหวังจะนอนพักสักครู่ แต่ร่างบางก็ต้องยืนแข็งทื่อ เมื่อหันกลับมาพบกับวรกายสูงที่ยืนพิงอยู่กับขอบประตูพร้อมกับทอดพระเนตรเขม็งมาที่เธอ

‘เขาเข้ามาตอนไหน ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลย’ เธอถามตัวเองในใจขณะมองสบกับดวงเนตรคมดุจเหยี่ยวคู่นั้น

เจ้าชายคาร์ดาลยืดวรกายตรง และเสด็จไปข้างหน้าด้วยพระพักตร์ที่ราบเรียบ สายพระเนตรยังคงจับจ้องไปยังเรือนร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่ พระองค์ยอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าดูสวยขึ้นมาก แต่นั่นก็ไม่ทำให้ความขุ่นเคืองในพระหทัยเมื่อครั้งอดีตเลือนหายไปได้ ริมพระโอษฐ์ยักลึกกระตุกขึ้นก่อนจะรับสั่งออกมาด้วยพระสุรเสียงที่เย็นชา

“เป็นไงบ้าง ชอบห้องนี่เหรอเปล่า ผมสั่งจัดให้เป็นพิเศษเลยนะสำหรับแขกวีไอพีอย่างคุณ”

“ฝ่าบาททรงทำแบบนี้เพื่อต้องการอะไรเพคะ” นีนนาราจ้องอีกฝ่ายเขม็ง และพอจะเดาออกอยู่บ้างว่ากษัตริย์หนุ่มไม่พอพระทัยที่เธอกลับมาที่นี่ และทรงกำลังคิดหาทางแกล้งเธอ แต่ที่อยากรู้ก็คือเจ้าชายหนุ่มจะทำอย่างไรกับเธอ

“ต้องการอะไรงั้นเหรอ? ฮึ ฮึ” เจ้าชายคาร์ดาลพระสรวลในลำพระศอ ดวงเนตรดุดันและชิงชังทอดพระเนตรไปยังร่างบางอวบอิ่มนิ่ง ก่อนจะรับสั่งต่อ

“นับว่าคุณเป็นคนที่กล้าหาญมากที่คิดกลับมาเหยียบที่นี่อีก ทั้งๆ ที่ผมเคยเตือนคุณแล้ว...

นีนนารา”

“หม่อมฉันก็ไม่คิดว่าจะกลับมาหรอกเพคะ แต่เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทำให้ต้องจำใจมาเพคะ” นีนนาราตอบแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอ เธอจะแสดงให้อีกฝ่ายรู้ไม่ได้ว่าตัวเองกำลังหวั่นเกรงต่อพระองค์อยู่

“ฮึ ฮึ ฝีปากกล้าขึ้นมากนี่ แต่คุณจะอ้างเหตุผลอะไรก็ช่าง การที่คุณกล้ากลับมาที่นี่ก็เท่ากับเป็นการท้าทายผม แล้วผมก็มีสิ่งที่ท้าทายรอคุณอยู่เหมือนกัน ฮึ ฮึ ฮึ” เจ้าชายหนุ่มเสด็จเข้ามาหยุดยืนอยู่ห่างจากร่างบางประมาณ 5 ก้าว พร้อมกับแย้มสรวลอย่างเยาะๆ ที่มุมโอษฐ์

และถึงแม้ว่าเสียงพระสรวลนั้นจะแผ่วเบา แต่ก็บาดลึกลงไปกลางหัวใจของนีนนาราได้ดี เธอจึงเชิดหน้าขึ้นและเดินเลี่ยงออกมายืนกลางห้อง ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมกับหันกลับไปมองทางกษัตริย์หนุ่มอีกครั้ง

“หม่อมฉันไม่ได้ท้าทายฝ่าบาท แต่หม่อมฉันก็ไม่เข้าใจว่าหม่อมฉันทำผิดอะไรถึงจะเข้ามาประเทศของพระองค์ไม่ได้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel