ตอนที่ 2 ไม่คิดว่าจะต้องย้อนกลับมา
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะสูดอากาศเข้าไปใหม่จนเต็มปอดเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง และเมื่อรถตู้คันงามแล่นมาจอดที่ลานด้านหน้าของเขตพระราชฐานชั้นใน ซึ่งทำเป็นซุ้มโค้งทางเดินแล้วทุกคนก็เตรียมตัวที่จะลงจากรถ แต่นีนนารากับนั่งนิ่งและกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้จนเจ็บก่อนจะคลายออก พอดีกับที่วิสุทธิ์หันมาสะกิดเรียกเธอเบาๆ
“น้ำ ลงเถอะ”
นั่นแหละนีนนาราจึงหันมาพยักหน้ารับพร้อมกับฝืนยิ้มให้ก่อนจะก้าวตามหัวหน้าทีมลงมาจากรถตู้ และเข้าไปช่วยทีมงานยกกระเป๋าอุปกรณ์ออกจากท้ายรถ ลมเย็นพัดเอาไอแดดเข้ามาปะทะผิวหน้าวูบหนึ่ง แต่ก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังอย่างประหลาดเหมือนกับเป็นลางบอกเหตุ
‘คิดไปเองน่านีนนารา’ เธอดุตัวเองในใจก่อนจะเดินมารวมกลุ่มกับทีมงานคนอื่น โดยที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงขององครักษ์หนุ่ม
“เชิญครับ เจ้าชายทรงรอทุกท่านอยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนสัมภาระพวกนี้ผมจะให้คนขนขึ้นไปไว้ที่ห้องพักของพวกคุณเองครับ” คาริมบอกพร้อมกับยิ้มก่อนจะเดินนำหน้าทั้งหมดไปตามทางเดินที่ทอดไปสู่ประตูบานใหญ่สีทองเบื้องหน้า
“ที่นี่สวยงามและเย็นสบายราวกับเดินอยู่บนสวรรค์เลยนะคะคุณคาริม” อัมพิกาคลี่ยิ้มหวานขณะเดินเคียงคู่ไปกับองครักษ์หนุ่ม
“ครับ แต่บางทีสวรรค์ที่ทุกคนคิดว่าสวยงามก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นนะครับ” คาริมยิ้มและพูดเป็นปริศนาให้คิดทำให้อัมพิกาต้องขมวดคิ้วอย่างงุนงง แต่ก็ยังคลี่ยิ้มให้ตามนิสัยของหญิงสาวที่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง ก่อนจะหยอดคำหวานใส่หนุ่มจากัสต้าอีกครั้ง
“แหม...คุณคาริมเนี่ยพูดเป็นปริศนาเชียวนะคะ แต่คนอย่างพิก็ชอบไขปริศนาเสียด้วยสิคะ”
“ท่าทางคุณพิคงจะชอบความท้าทายนะครับ” คาริมหันมาสบกับดวงตาคู่สวยแล้วก็อดที่จะชำเลืองมองไปทางหญิงสาวที่เดินตามหลังมาอีกคนไม่ได้
นีนนาราเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ แต่สายตาก็ยังจับจ้องไปยังเบื้องหน้า ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ประตูสีทองบานใหญ่มากเท่าไรมือเรียวก็ยิ่งเย็นและชื้นเหงื่อมากขึ้นเท่านั้น หัวใจก็เต้นถี่ยิบราวกับถูกบีบคั้นอย่างหนัก ใบหน้าเนียนที่มีเลือดฝาดเริ่มซีดเผือดลง
“พี่น้ำเป็นอะไรหน้าซีดเชียว” เพื่อนรุ่นน้องหนึ่งในทีมงานหันมาเห็นจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เปล่าจ้ะ พี่คงตื่นเต้นน่ะ” หญิงสาวยิ้มให้พร้อมกับกำมือแน่น
“ผมก็ตื่นเต้น เกิดมาเพิ่งเคยเข้าวังจริงๆ ก็ครั้งนี้แหละพี่” จามิกรคลี่ยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น ก็จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร ในเมื่อเขาเพิ่งเคยเดินทางมาต่างประเทศเป็นครั้งแรก แถมยังได้เข้ามาในพระราชวังของกษัตริย์อีกเป็นใครก็ต้องตื่นเต้นด้วยกันทั้งนั้น นีนนารามองท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่ายแล้วก็อดที่จะอมยิ้มขำๆ ไม่ได้ทั้งๆ ที่ในอกเธอกำลังร้อนรนราวกับมีใครมาจุดกองไฟเอาไว้
พระหัตถ์ใหญ่เรียวที่กำลังจรดปากกาลงบนแผ่นเอกสารในแฟ้มตรงหน้าหยุดชะงักลง เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ้าชายคาร์ดาลเงยพระพักตร์ขึ้นมองพร้อมกับรับสั่งอนุญาต
“เข้ามา”
สิ้นเสียงรับสั่งร่างสูงขององครักษ์หน้าห้องก็ก้าวเข้ามาแล้วโค้งต่ำให้ก่อนจะทูลรายงาน “ท่านคาริมกับแขกจากประเทศไทยมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” เจ้าชายหนุ่มรับคำในลำพระศอแล้วพยักพระพักตร์ให้กับองครักษ์ออกไปจากห้อง ก่อนจะหันมาเลื่อนลิ้นชักใต้โต๊ะที่ทำงานของพระองค์ออก กล่องกำมะหยี่สีแดงรูปหัวใจถูกหยิบขึ้นมาเปิดออกเผยให้เห็นแหวนเพชรวงน้อยส่งประกายวิบวับ เล่นกับแสงไฟจากโคมไฟในห้องอย่างงดงาม แววเนตรเย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นดุดันทันที พร้อมกับที่สันต้นพระหนุทั้งสองข้างนูนขึ้นอย่างน่ากลัว ก่อนที่พระหัตถ์หนาจะกำกล่องกำมะหยี่นั้นเอาไว้แน่น จนเส้นพระโลหิตบนหลังพระหัตถ์ปูดขึ้น ดวงเนตรคมดุดันนั้นหรี่ลงเหมือนกับกำลังคาดหมายบางสิ่งบางอย่างอยู่ในพระหทัย
“คุณวิ่งเข้ามาหาผมเอง” รอยแย้มมุมพระโอษฐ์ถูกยกขึ้นและกล่องกำมะหยี่สีแดงก็ถูกวางลงที่เดิม ก่อนที่วรกายสูงในชุดโต๊ปสีขาวจะประทับยืนแล้วเสด็จออกไปจากห้องทำงานส่วนพระองค์
“เชิญนั่งพักผ่อนกันก่อนนะครับ อีกสักครู่เจ้าชายก็คงจะเสด็จมา” คาริมพาทั้งหมดเข้ามาหยุดอยู่ในห้องรับแขกก่อนจะกล่าวเชิญอย่างสุภาพ
“ครับ ขอบคุณมากครับ” วิสุทธิ์เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ” คาริมบอกแล้วก้มศีรษะให้กับอีกฝ่ายนิดหนึ่งอย่างให้เกียรติก่อนจะเดินออกไป โดยมีสายตาของนีนนารามองตามไปอย่างค้นหาระคนสงสัย จนร่างสูงนั้นเดินลับไป จึงได้เดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวสวยที่บุด้วยผ้าทอลวดลายแบบอาหรับและเดินดิ้นสีทองอย่างสวยงาม
“เป็นไงบ้างน้ำ หน้าซีดมากเลยนะ ไหวหรือเปล่า?” วิสุทธิ์เดินมานั่งลงข้างๆ กับผู้ช่วยสาวก่อนจะถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ น้ำยังไหวค่ะ” นีนนาราฝืนยิ้มให้รุ่นพี่ ซึ่งวิสุทธิ์เองก็พยักหน้ารับแล้วตบมือลงบนหลังมือของหญิงสาวเบาๆ ในขณะเดียวกันนั้นประตูห้องรับแขกก็เปิดออก วรกายสูงของเจ้าชายคาร์ดาลเสด็จเข้ามาในห้อง สายพระเนตรคมเย็นชามองปราดไปที่บุคคลทั้งหมดก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หญิงสาวร่างเพรียวบางในชุดยีน
นีนนารามองสบนัยน์พระเนตรสีน้ำตาลเข้มด้วยหัวใจที่เต้นระทึก จนเกือบจะหยุดเต้นไปเลยก็ว่าได้ ร่างกายเย็นวาบและชาไปทั้งตัวเหมือนกับถูกจับแช่อยู่ในน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าแววเนตรคู่นั้นจะดูเรียบเฉย แต่เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแอบแฝงอยู่
หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อดึงสติของตนเองให้กลับมา เมื่อวิสุทธิ์สะกิดที่ข้อศอกเพื่อให้ลุกขึ้นยืน แล้วทั้งหมดก็ทำความเคารพโดยที่ผู้ชายใช้การโค้งคำนับ ส่วนผู้หญิงก็ย่อตัวถอนสายบัวให้
“เชิญนั่ง” กษัตริย์หนุ่มแย้มพระโอษฐ์ให้ทั้งหมด ก่อนจะประทับลงบนเก้าอี้สีทอง
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ/ขอบพระทัยเพคะ” ทั้งหมดกล่าวพร้อมกันก่อนจะนั่งลงที่เดิม
“จากัสต้ายินดีต้อนรับ ทางเรายินดีเป็นอย่างมากที่จะถ่ายทอดความงดงามของประเทศเราให้ประเทศอื่นได้รับรู้” เจ้าชายหนุ่มแย้มพระโอษฐ์อันเป็นเสน่ห์เฉพาะพระองค์ให้กับแขกชาวเอเชีย
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ทางบริษัทของกระหม่อมต่างหากที่ต้องขอบพระทัยฝ่าบาท ที่ทรงอนุญาตให้พวกกระหม่อมเข้ามาถ่ายทำสารคดีในประเทศที่สวยงามแห่งนี้” วิสุทธิ์บอกอย่างนอบน้อมก่อนจะหันมาทางลูกทีมอีก 5 คนและกล่าวแนะนำทั้งหมดทีละคน
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน” องค์กษัตริย์คาร์ดาลแย้มพระโอษฐ์ให้กับอัมพิกา ซึ่งก็ทำให้หญิงสาวถึงกับนิ่งงันไปราวกับต้องมนต์สะกด แต่ความจริงแล้วเธอโดนมนต์เสน่ห์ของกษัตริย์หนุ่มพระองค์นี้ตั้งแต่ที่ทรงเสด็จเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว
“หม่อมฉันก็ยินดีเช่นกันเพคะ พระองค์ทรงสง่างามยิ่งกว่าในรูปถ่ายเสียอีกนะเพคะ” อัมพิกาคลี่ยิ้มหวานส่งให้กับเจ้าชายหนุ่ม
“ผมก็เพิ่งเคยเจอสาวเอเชียที่สวยอย่างคุณเป็นคนแรกเหมือนกันครับ” คำรับสั่งที่ราบเรียบของราชนิกูลหนุ่มนั้น ทำให้อัมพิกาแทบจะหลุดลอยออกนอกโลกด้วยหัวใจที่พองโต
นีนนาราเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์คมคายนั้นอย่างอดไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายกล่าวชมเพื่อนร่วมงานของเธอ และเจ้าชายหนุ่มก็ทอดพระเนตรมาทางเธอพอดีทำให้ดวงตากลมโตสบกับดวงเนตรคมอย่างจัง หญิงสาวไม่คิดจะหลบสายพระเนตรที่เย็นชาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นแม้แต่น้อย แล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมเช่นกัน จนกระทั่งนีนนารารู้สึกอึดอัดในอกและหายใจติดๆ ขัดๆ จึงเบนสายตามามองมือเรียวที่กุมกันเอาไว้บนตักของตนเองแทน ใบหน้าที่ซีดเซียวนั่นเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นที่หน้าผากทั้งๆ ที่แอร์ภายในห้องนั้นกำลังเย็นสบาย และอาการที่เหมือนกับตื่นกลัวในแววตากลมโตของหญิงสาว ก็ทำให้กษัตริย์หนุ่มกระตุกมุมโอษฐ์นิดหนึ่ง ก่อนจะหันมาทางวิสุทธิ์
“ท่าทางผู้ช่วยของคุณจะไม่สบายหรือเปล่า ดูหน้าซีดๆ นะ”
“เอ่อ...” วิสุทธิ์ตอบไม่ถูกจึงหันมาทางนีนนารา ซึ่งเธอก็เงยหน้าขึ้นมองหนุ่มรุ่นพี่อย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่แล้วก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นแทน
“คงตื่นเต้นน่ะเพคะคนไม่เคยเข้าเจ้าเข้านายก็เป็นแบบนี้แหละเพคะ” อัมพิกายิ้มเยาะส่งมาให้นีนนารา ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้กับชีคหนุ่ม
“ไม่เคยเข้าเจ้าเข้านายอย่างงั้นเหรอ” เจ้าชายคาร์ดาลหันไปทอดพระเนตรทางอัมพิกา พร้อมกับเลิกพระขนงขึ้นสูง แล้วหันกลับมาทอดพระเนตรทางนีนนาราด้วยสายพระเนตรเหยียดๆ เหมือนไม่เชื่อ พร้อมกับยกมุมพระโอษฐ์ขึ้นนิดหนึ่ง และรอยแย้มโอษฐ์ที่ดูเหมือนเยาะหยันนั้นก็ทำให้หญิงสาวต้องเม้มปากเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ แต่แฝงความแข็งกระด้างเอาไว้
“เพคะ หม่อมฉันตื่นเต้นที่ได้เข้าวังเพคะ และไม่คิดว่าจะได้มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทแบบนี้เพคะ”
“อย่างนั้นเองเหรอ” เจ้าชายหนุ่มแย้มสรวลเหมือนกับขำ ซึ่งทำให้นีนนาราหน้าตึงขึ้นมาทันที เพราะท่าทางของราชนิกูลหนุ่มเหมือนกับกำลังเยาะเย้ยเธออยู่ ใบหน้าเนียนจึงเชิดขึ้นเล็กน้อย
“ความจริงพวกหม่อมฉันพักที่โรงแรมก็ได้เพคะ เพราะไม่ใช่แขกสำคัญอะไรและที่โรงแรมก็คงสะดวกกว่าที่นี่”
“น้ำ” วิสุทธิ์แตะมือลงบนหลังมือเรียวอย่างเตือนๆ เมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงของผู้ช่วยสาวแข็งขึ้น
“ผมว่าที่นี่สะดวกสบายกว่าที่โรงแรมนะ พวกคุณก็ถือว่าเป็นแขกพิเศษของผมก็ว่าได้ โดยเฉพาะ....” เจ้าชายคาร์ดาลหรี่ดวงเนตรลง พร้อมกับทอดพระเนตรไปที่นีนนารา ก่อนจะคลี่พระโอษฐ์แล้วรับสั่งต่อ
“ผมจัดเตรียมห้องเอาไว้ให้พวกคุณเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คาริมพาพวกคุณไปที่พัก จะได้พักผ่อนให้หายเหนื่อย อารมณ์จะได้ดีขึ้นแล้วถ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มก็บอกคาริมได้เลย”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” วิสุทธิ์กล่าวขอบคุณแทนทั้งหมด ก่อนจะหันมามองหน้านีนนาราซึ่งหญิงสาวก็ถอนใจออกมาเบาๆ แล้วนิ่งเงียบไป
“แหม...นึกว่าฝ่าบาทจะพาเดินชมวังเสียอีก น่าเสียดายจังเลยนะเพคะ” อัมพิกาเอ่ยขึ้นพร้อมกับโปรยยิ้มหวานให้เจ้าชายหนุ่มอีกครั้ง
“รับรองว่าคุณได้ชมวังนี่แน่ แต่คงไม่ใช่วันนี้” คำตอบของราชนิกูลหนุ่ม ทำให้อีกฝ่ายยิ้มแก้มแทบปริ
“ขอบพระทัยล่วงหน้าเพคะ” อัมพิกาทอดสายตาหวานเยิ้มส่งไปยังกษัตริย์หนุ่มอย่างเปิดเผย
เจ้าชายคาร์ดาลแย้มพระสรวลน้อยๆ แล้วหันไปพยักพระพักตร์ให้กับองครักษ์หนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง คาริมจึงขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะโค้งต่ำให้เจ้านายหนุ่ม และหันมาทางทีมงานชาวไทยพร้อมกับกล่าวเชิญ
“เชิญครับ”
ชาวไทยทั้ง 6 คนลุกขึ้นทำความเคารพกษัตริย์หนุ่มแห่งจากัสต้าอีกครั้ง แล้วเดินตามคาริมออกไป
เจ้าชายหนุ่มเอนพระขนองพิงกับพนักเก้าอี้ แล้วทอดพระเนตรตามกลุ่มคนทั้งหมดไป ก่อนจะยกมุมพระโอษฐ์ด้านซ้ายขึ้นคลายกับกำลังเยาะเย้ย