5 บังเอิญเกินไปหรือเปล่า
“พี่ลินมาแล้ววว..” เด็กชายเบจิงวิ่งเข้ามากระโดดกอดจนคุณครูหนุ่มต้องรีบวางของในมือแล้วอ้าแขนรับ
“วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ”
“ครับ เบจิงเป็นเด็กดี กินข้าวหมดจานแล้วก็กินผักด้วย ครับ”
“ดีมากครับ เป็นเด็กดีแบบนี้พี่ลินก็มีของมาฝาก” พาลินหยิบหนังสือนิทานขึ้นมาส่งให้เด็กชายที่ยกมือขอบคุณก่อนจะรีบเอามากอดไว้กับตัวเอง
“พี่ลินคร้าบบ เมื่อวานเบจิงก็กินข้าวหมด กินผักด้วยนะครับ พี่มาลีถ่านคลิปไว้ด้วยพี่มาลีคร้าบบส่งคลิปให้พี่ลินหรือยังคร้าบ”
“ยังเลยค่ะ เดี๋ยวจะส่งให้ตอนนี้เลยดีไหมคะ”
“ขอบคุณคร้าบ”
“เบจิงครับ พี่ว่าเราไปเรียนหนังสือกันสักนิดดีกว่าไหมครับเรียนเสร็จพี่ลินจะเล่านิทานเรื่องใหม่ให้ฟัง”
“ดีครับ เบจิงจะตั้งใจเรียน จะได้รีบฟังนิทาน” เด็กชายตัวน้อยจูงมือคุณครูไปยังห้องเรียนอย่างรวดเร็ว
พาลินกำหนดเวลาเรียนของเบจิงไว้แค่ 30 นาที จากนั้นเวลาที่เหลือจะเป็นการเล่นเสริมพัฒนาการและการฝึกพูดจากสถานการณ์สมมุติที่เขากำหนดขึ้นในแต่ละวัน เบจิงจังไม่เคยเบื่อและรอคอยว่าวันนี้คุณครูจะพาเขาพูดหรือทำอะไรซึ่งในแต่ละวันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
เวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละะวันตามที่ตกลงกับมารดาของเด็กชายคือวันนละ 1.30 ชั่วโมงแต่พาลินมักจะสอนเกินเวลาเสมอเพราะการได้อยู่ใกล้เบจิงถือว่าเป็นการเติมพลังบวกให้กับตัวเองเพราะความน่ารักและไร้เดียงสาทำให้เขามีความสุขและอิ่มเอมทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้
วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน เขาใช้เวลาอยู่กับเบจิงเกือบสองชั่วโมง พอถึงเวลากลับเด็กชายมีอาการงองอนิดหน่อยเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์
“พี่ลินไม่มาจริงเหรอครับ”
“พรุ่งนี้วันเสาร์นะครับ”
“วันเสาร์ก็มาได้ คุณแม่ไม่ว่าหรอก เดี๋ยวเบจิงบอกให้นะครับ พี่ลินคร้าบบ”
พอเด็กชายทำเสียงอย่างนี้ทีไรพาลินก็ใจอ่อนทุกที แต่เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสารร์เขาอยากให้เบจิงใช้เวลากับครอบครัวให้มากที่สุด
“เบจิงครับ อ้อนอะไรพี่ลินอีกแล้ว” แพรรดาเดินเข้ามาตามเมื่อเห็นว่าเลยเวลามานานแล้ว
“แม่คร้าบ พรุ่งนี้ให้พี่ลินมาได้ไหม”
“พรุ่งนี้วันเสาร์นะคะ เป็นวันหยุดของพี่ลินนะลูก”
“แต่เบจิงอยากเจอพี่ลิน”
“เบจิงครับ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด พี่ลินต้อง ซักผ้าเก็บกวาดห้องแล้วก็ต้องพักเยอะๆ เพราะวันจันท์จะได้มีแรงมาสอนน้องเบจิงไงครับ ถ้าคิดถึงพี่ลิน พี่อนุญาตให้เบจิงโทรหาพี่ลินได้แต่แค่ 5 นาทีโอเคไหมครับ”
“แม่คร้าบ 5 นาทีนานไหมคร้าบ”
“นานสิลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้แม้จะโทรให้ดีไหม โทรแบบเห็นหน้าด้วยดีไหมครับ”
“ดีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้พี่ลินกลับก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้เบจิงโทรหาพี่นะครับ ตกลงไหม”
“ตกลงคร้าบกลับดีๆ นะคร้าบพี่ลิน”
พาลินกอดพร้อมกับหอมแก้มคนช่างอ้อนทั้งสองข้าง ก่อนจะขอตัวกลับ
ระหว่างเดินออกมาปากซอยก็นึกอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็ตกใจจนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงแตรรถดังมาจากข้างหลัง
เขารีบกระโดดหลบแต่กะจังหวะพลาดไปนิดก็เลยล้มลงไปบนแปลงดอกเข็มที่อยู่ข้างทาง
“โอย เจ็บชะมัด” พาลินบ่นและพยายามจะลุก แต่ขากลับไม่มีแรงเลยสักนิด
“ยื่นมือมาเดี๋ยวพี่ช่วย”
พาลินเงยหน้าขึ้นเห็นคนตัวโตที่เจอกันเมื่อวานก็ยิ้มดีใจ ไม่รู้ดีใจที่เจอเขาหรือดีใจที่เขาจะช่วยให้ตัวเองลุกขึ้นกันแน่
พาลินรู้สึกอบอุ่นยามที่เขาจับมือตัวเองขึ้นจากพุ่มดอกเข็ม ชายหนุ่มรับปัดเศษใบไม้ออกจากตัวพลางหันไปถามคนที่ยืนมองอยู่ข้างๆ
“พี่โดมมาได้ยังไงครับ”
“ขับรถมาสิ เราล่ะ เป็นอะไรเอาแต่เดินเหม่อ”
“คิดอะไรเพลินไปหน่อยครับ ไม่รู้ว่าใครมาบีบแตรใส่ ก็เลยตกใจ”
“พี่ขอโทษ” เสียงเบาอย่างสำนึกผิด
“พี่จะมาขอโทษผมทำไม”
“ก็พี่เป็นคนบีบแตร”
พาลินไม่รู้จะโกรธดีไหม พอมองหน้าเขาเห็นแววตาสำนึกผิดก็โกรธไม่ลง
“ครับ ผมคงซุ่มซ่ามเอง พี่โดมมาหาเบจิงเหรอครับ”
“เปล่า พี่มาทำธุระแถวนี้บังเอิญเห็นเรากำลังเดินก็เลยบีบแตรเรียกไม่คิดว่าจะขวัญอ่อนขนาดนี้ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ครับ พอดีพุ่มดอกเข็มมันรับไว้ งั้นก้นคงกระแทก”
“จะกลับแล้วใช่ไหม งั้นติดรถพี่ไปนะ”
“ทำธุระเสร็จแล้วเหรอครับ”
“อือ ไปเถอะ แถวหอมีอะไรกินไหม พี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย”
“มีร้านตามสั่งครับ กินได้ไหม”
“ได้สิ ตอนนี้หิวมากกินช้างได้เป็นตัวเลย” ดลธรรมเพิ่งประชุมเสร็จแล้วนึกขึ้นได้ว่าจะเอาเฟรชไดร์ฟมาคืน เขาเลยรีบบึ่งรถมาอย่างเร็ว พอมาถึงบ้านแพรรดาก็บอกว่าพาลินออกมาแล้วเขาเลยรีบออกมาโดยไม่ได้ทานอาหารเย็นกับพี่สาว