บทที่ 3
รินรดาอ้อนวอนใบหน้างามเต็มไปด้วยความหมองเศร้า หยาดน้ำตายังเปื้อนทั่วพวงแก้มเนียน ขณะจับมือแม่นมยูคิยื้อไว้ ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำตามที่บอกมา หญิงสาวรู้ดีว่า หากแม่นมยูคิวิ่งออกไปจากที่หลบซ่อน ก็เท่ากับเป็นเป้าล่อให้ลูกน้องของยาสุโนะเลือกยิงได้ตามสบาย และนางจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาหาเธอเฉกเช่นบุพการีทั้งสอง จากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ยูคิต้องทำแบบนี้คุณหนูถึงจะมีชีวิตรอดค่ะ”
แม่นมยูคิสวมกอดร่างบางระหงไว้แน่น ขอบตาร้อนผ่าว เมื่อประจักษ์ว่าการกอด การมอบไออุ่นให้กับคุณหนูในครั้งนี้จะเป็นการกอดครั้งสุดท้ายในชีวิตของนางแล้ว
“เร็ว! คุณหนูหนีไป ยูคิจะล่อพวกมันเอง อย่าให้การตายของยูคิต้องเสียเปล่านะคะ” นางตัดใจผลักร่างบางระหงของรินรดาให้ถลาไปข้างหน้า และก่อนจะวิ่งหนีไปก็ไม่ลืมเปล่งวาจาบอกคุณหนูที่รัก ซึ่งนางประคบประหงมเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กอีกครั้ง
“ยูคิรักคุณหนูนะคะ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณหนูให้ปลอดภัยด้วย”
เอ่ยจบแล้วแม่นมยูคิก็รีบวิ่งหนีไปอีกทาง เพื่อใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ลูกน้องของยาสุโนะได้วิ่งตามนางแทนการตามล่าคุณหนูแห่งตระกูลคานาเมะ ขณะทำตัวเป็นเป้าล่อ นางก็ภาวนาให้หมาล่าเนื้อพวกนี้หลงกล และวิ่งตามล่านางแทนคุณหนูรินรดาที่นางยอมตายแทนได้
“แม่นมยูคิ...” รินรดาครางลึกอยู่ในลำคอ ร่ำไห้จนดวงตาบวมช้ำ จำใจทำตามที่แม่นมยูคิสั่ง เท้าเล็กที่ปวดระบมไปหมด ทำหน้าที่ออกวิ่งอีกครั้ง และไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ได้ยินเสียงลูกน้องของยาสุโนะตะโกนดังลั่นแทรกเข้ามาในความเงียบสงัดของราตรีอันมืดมิด
“เจอมันแล้ว เจอลูกสาวไอ้ฮิคาระแล้ว ตามมันไป ฆ่ามันให้ได้”
และเมื่อสิ้นเสียงของพวกหมาล่าเนื้อ รินรดาก็ได้ยินเสียงปืนดังรัวเร็วติดกันหลายๆ นัด ก่อนจะเงียบลงอีกครั้ง พร้อมกับลมหายใจและดวงวิญญาณของแม่นมยูคิ ที่หลุดลอยไปจากกายของนางแล้ว
“แม่นมยูคิ...ขอบคุณที่ช่วยชีวิตของยูริไว้ แม่นมจะอยู่ในใจของยูริตลอดไปค่ะ”
รินรดาพึมพำทั้งน้ำตานองหน้า ก่อนจะวิ่งฝ่าป่าทึบไปเรื่อยๆ จวบจนกระทั่งมาถึงถนนใหญ่ และรีบวิ่งไปกลางถนนโบกมือขอความช่วยเหลือจากรถยนต์คันแรกที่กำลังวิ่งผ่านมาพอดี
“ได้โปรด...ช่วยฉันด้วย ฉันกำลังถูกคนร้ายตามฆ่าอยู่ ฉันขอติดรถไปกับพวกคุณด้วย”
หญิงสาวอ้อนวอนทั้งน้ำตา ขณะเดียวกันก็หันไปมองข้างหลัง เมื่อได้ยินเสียงลูกน้องของยาสุโนะตะโกนลั่นป่าอีกครั้ง ซึ่งพวกมันรู้แล้วว่า คนที่ถูกพวกมันยิงตายในป่าไม่ใช่คุณหนูแห่งตระกูลคานาเมะ
‘คนดีผีคุ้ม’ รินรดาเชื่อเช่นนั้น และเธอก็ยังมีบุญอยู่มาก เมื่อรถยนต์ที่แล่นผ่านมามีสามีภรรยาวัยค่อนคนและแสนใจดีเป็นเจ้าของรถ ซึ่งทั้งสองคนได้ให้เธอโดยสารมาด้วย
“หนูจะไปไหนจ๊ะ เดี๋ยวพวกเราจะไปส่งถึงที่ หรือว่าจะไปสถานีตำรวจไหมจ๊ะ ป้าจะได้ไปส่งหนูที่นั่น”
หญิงวัยค่อนคนที่ให้เธอโดยสารมาด้วยได้เอี้ยวตัวหันมาเอ่ยถามด้วยความเมตตาปราณี ทว่ารินรดากลับส่ายหน้าปฏิเสธ เธอไม่ต้องการไปหาตำรวจ ต่อให้ตำรวจยกกองกำลังมาทั้งสถานีตำรวจ ก็ไม่สามารถช่วยเหลือเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของยาสุโนะได้
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ไปหาตำรวจ ถ้าจะกรุณาช่วยพาฉันไปส่งที่สนามบินด้วยนะคะ”
รินรดาวิงวอน ดวงตาทั้งคู่ยังแดงก่ำ เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แล้วจู่ๆ คำสั่งเสียของมารดาก็ผุดขึ้นมาในโสตประสาททันที
‘ยูริต้องหนีไป ไปหาคุณอาสันชัยตามที่อยู่ ที่แม่เขียนไว้ให้’
หญิงสาวรีบล้วงหยิบกระดาษแผ่นบางที่มารดายัดใส่มือของเธอเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาออกมาคลี่ดู ดวงตากลมโตทั้งคู่กวาดมองตัวอักษรที่มารดาจดปลายปากกาเขียนไว้ ถึงจุดหมายปลายทางอันไกลเป็นพันๆ ไมล์ที่เธอต้องเดินทางไป เพื่อหลบหนีลี้ภัยให้พ้นจากเงื้อมมือของแก๊งยากูซ่ายาสุโนะ
“ไร่กาแฟสันชัย...เชียงราย เราต้องหนีไอ้ยาสุโนะไปไกลถึงประเทศไทยเลยหรือนี่ คุณพ่อคุณแม่คะ ช่วยคุ้มครองยูริให้ปลอดภัยด้วยนะคะ”
รินรดาพึมพำเสียงสั่นเครือ เก็บกระดาษแผ่นบาง ซึ่งมีที่อยู่ของญาติห่างๆ ของมารดาเธอไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไปข้างทางซึ่งยังคงถูกความมืดมิดของราตรีกาลปกคลุมอยู่ ลาดไหล่เล็กห่อเข้าหากันราวกับหนาวเหน็บจับใจ ทว่าหาใช่เป็นความหนาวเย็นอันเกิดจากละอองหิมะที่ยังโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสายไม่ แต่หญิงสาวกำลังถูกความอ้างว้าง ความโศกเศร้าจากการสูญเสียคนในครอบครัวจู่โจมเข้าหัวใจ
และเมื่อคิดถึงภาพที่บิดามารดาถูกยาสุโนะลั่นไกปลิดชีวิตอย่างไร้ความเมตตาปราณี ก็ยิ่งรู้สึกบีบคั้นหัวใจจนต้องร่ำไห้ออกมาเงียบๆ ปล่อยให้หยาดน้ำตาอุ่นไหลพร่างพรูลงมาไม่ต่างจากละอองหิมะเย็นๆ ที่กำลังร่วงลงมาปกคลุมจนขาวโพลนไปทั่วทั้งแผ่นดิน