บทย่อ
เมื่อครอบครัวถูกแก๊งยากูซ่าลอบสังหารล้างโคตร รินรดา สาวน้อยลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ผู้เกิดมาในตระกูลยากูซ่า จึงต้องซมซานหลบหนีการตามฆ่าจากแก๊งยากูซ่า มายังไร่กาแฟของ พ่อเลี้ยงคิวากร จิรภาส อดีตนักฆ่าขององค์กรพยัคฆ์ทมิฬเพราะความตายที่รออยู่เบื้องหน้า รินรดาจึงบอกความจริงกับพ่อเลี้ยงคิวากรไม่ได้ว่าเธอคือใคร มัจจุราชที่ ตามมาเป่ารินรดจ่อลำคอได้ทุกนาที พวกยากูซ่าที่ต้องการจำกัดหอกข้างแคร่อย่างเธอให้หายไปจากโลก ทำให้หญิงสาวบอกใครไม่ได้ว่าเธอคือลูกสาวของหัวหน้าแก็งยากูซ่า!
บทที่ 1
มหานครโตเกียว...
ในค่ำคืนอันเงียบสงัดของฤดูหนาวในเมืองโอเมะ คลื่นสายลมพัดหวีดหวิดหอบเอาความหนาวเย็นของละอองหิมะขาวสะอาด ที่กำลังโปรยปรายจากฟากฟ้าลงมาไม่ขาดสายปกคลุมดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัยจนขาวโพลนไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าบรรยา
กาศข้างนอกจะหนาวเหน็บเย็นยะเยือกมากสักเพียงใด ทว่าภายในห้องนอนหรูหราของคุณหนูแห่งตระกูลคานาเมะ ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับนอนขดตัวสบาย เพราะอุปกรณ์ทำความร้อน ได้ปรับอากาศภายในห้องนอนให้อบอุ่นสบายจนคุณหนูหลับลึกโดยไม่รู้เลยว่า ภัยกำลังเคลื่อนตัวเข้ามารดต้นคอในทุกขณะจิต
ประตูห้องนอนของคุณหนูแห่งตระกูลคานาเมะ ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา พร้อมๆ กับการมาถึงของมัจจุราชร้ายในคราบของมนุษย์ ซึ่งกำลังขับรถเบนซ์สีดำคันใหญ่เข้ามาภายในอาณาบริเวณของคฤหาสน์ใหญ่โตบนเนื้อที่นับสิบไร่
“ยูริ! ตื่นเดี๋ยวนี้ลูก”
น้ำเสียงที่กระซิบเรียกแผ่วเบา ไม่สามารถปลุกคุณหนูยูริ หรือ รินรดา คานาเมะ คุณหนูคนเดียวของตระกูลให้ตื่นจากการหลับใหลได้ จวบจนกระทั่งฝ่ามืออันแสนอบอุ่นของผู้เป็นมารดา เอื้อมไปเขย่าร่างบางระหงของผู้เป็นลูกสาวเบาๆ รินรดาจึงสะดุ้งตื่นลุกพรวดนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“คุณแม่...มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ผู้ที่ผวาตื่นจากนิทรารมณ์อันแสนสบาย เอ่ยถามมารดาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงอาการตื่นตระหนกตกใจ พยายามปรับสายตาให้คุ้นเคยกับความมืดมิดในยามราตรีกาล ทว่าเมื่อความดำมืดยังเข้าครอบคลุมทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของมารดา รินรดา คุณหนูลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย ในวัยยี่สิบสี่ปีก็ทำท่าจะเอื้อมมือไปเปิดไฟดวงเล็กบนหัวเตียง หากแต่ถูกผู้เป็นมารดากระซิบห้ามไว้เสียก่อน
“อย่า! ยูริ อย่าเปิดไฟ”
คุณกสิณา หญิงไทยวัยค่อนคนผู้เป็นมารดาของรินรดา และเป็นภรรยของฮิคาระ คานาเมะ หัวหน้าแก๊งยากูซ่าคานาเมะในญี่ปุ่น ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการเด็ดหัวจากแก๊งอื่น ได้กระซิบบอกลูกสาว พร้อมกับเปิดไฟฉายหลอดเล็กๆ ให้แสงสว่างได้เข้ามาทำลายความมืดมิดแค่เพียงเล็กน้อยพอแค่มองเห็นหน้าลูกสาวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ ก่อนจะเอ่ยบอกลูกสาวอีกครั้ง
“ลุกขึ้นยูริ เก็บของเท่าที่จำเป็น แล้วออกไปจากบ้านพร้อมกับแม่นมยูคิ”
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่ ยูริงงไปหมดแล้วนะคะ”
รินรดาจำต้องลุกขึ้นจากที่นอน เพื่อทำตามคำสั่งของมารดาทั้งๆ ที่ความฉงนสงสัยยังคงวิ่งวนอยู่ทั่วดวงตากลมโตดำขลับ พอก้าวลงจากเตียงหญิงสาวก็เห็นแสงไฟจากหน้ารถเบนซ์หลายสิบคันที่ส่องวาบลอดผ้าม่านเข้ามากระทบดวงตา ก่อให้เกิดความสงสัยอีกหนจนต้องหันมากระซิบถามมารดาอีกครั้ง
“ลูกน้องของคุณพ่อเพิ่งกลับมาจากทำงานหรือคะคุณแม่”
“ไม่ใช่! ยูริอย่าเพิ่งถามแม่ หนูมีเวลาไม่มากแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้” คุณกสิณาสั่งลูกสาวเสียงร้อนรน กระชากเสื้อผ้าออกจากตู้เสื้อผ้าเท่าที่มั่นใจว่า มันจะช่วยปกป้องจากลมหนาวของละอองหิมะให้กับลูกสาวของนางได้ จากนั้นก็ยื่นให้ลูกสาวทันที
ส่วนแม่นมยูคิ โซระ ผู้มีฐานะเป็นแม่นมของรินรดา รีบคว้าเอกสารสำคัญต่างๆ รวมทั้งหนังสือเดินทางยัดใส่กระเป๋าหนังสีดำให้กับคุณหนูคนสวยที่นางพร่ำเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ โดยไม่พูดไม่จาว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นภายในคฤหาสน์คานาเมะ จนทำให้นางและคุณกสิณาผู้เป็นนายหญิงต้องปลุกให้ลูกสาวลุกขึ้นมาแต่งตัวท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืนอันแสนเหน็บหนาว
รินรดารับเสื้อผ้าจากมือของมารดามาสวมอย่างรวดเร็วๆ ในจังหวะที่กำลังติดกระดุมเสื้อโค้ทตัวหนา พลันนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเหตุการณ์ด้านนอกคฤหาสน์พอดี แค่เพียงได้เห็นผู้ที่กำลังก้าวลงมาจากรถเบนซ์หรูหรา ร่างบางระหงก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ หายใจติดขัดราวกับมัจจุร้ายได้กระชากดวงวิญญาณครึ่งหนึ่งออกไปจากร่างกายของเธอแล้ว
ยาสุโนะ ไคจิ หัวหน้าแก๊งยากูซ่ายาสุโนะ ที่ไม่เคยรู้จักคำว่าปราณี กำลังต้องการเก็บกวาดจัดเสี้ยนหนามที่เป็นอุปสรรคในการผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดของการเป็นยากูซ่า หรือที่สื่อในโลกตะวันตกเรียกว่า มาเฟียญี่ปุ่น และหนึ่งในแก๊งยากูซ่าที่ยาสุโนะต้องการกำจัดก็คือยากูซ่าแก๊งคานาเมะ ซึ่งมีฮิคาระ คานาเมะ บิดาของรินรดาเป็นหัวหน้าแก๊ง แค่เพียงเห็นยาสุโนะ ไคจิ ก้าวลงมาจากรถ รินรดาก็ล่วงรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอ หญิงสาวถลาไปหามารดาเกาะแขนท่านไว้แน่น เมื่อล่วงรู้แล้วว่า ท่านกำลังต้องการให้เธอหนี!
“คุณแม่ ยูริจะไม่หนี จะไม่ไปไหนทั้งนั้น ยูริจะอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ ถ้าหากจะตาย เราก็ต้องตายด้วยกันนะคะ”
รินรดาพึมพำอ้อนวอนทั้งน้ำตานองหน้า หากเธอหนีไปจากบ้านในวันนี้ เธอจะไม่มีโอกาสได้พบหน้าบุพการีทั้งสองอีกต่อไป หากแม้ต้องตาย เธอก็พร้อมตายกับบิดามารดาเสียดีกว่าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีท่านทั้งสอง
คุณกสิณาส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่สนใจคำวิงวอนของลูกสาว นางรับกระเป๋าหนังสีดำมาจากมือของแม่นมยูคิ ก่อนจะดึงมือเล็กทั้งสองของลูกสาวให้มารับกระเป๋าไปถือไว้แน่น
“ไป! ยูริ ลูกต้องไปเดี๋ยวนี้”
“แต่ยูริอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ยูริยอมตาย แต่จะไม่ยอมหนีเอาตัวรอดคนเดียวค่ะ”
รินรดาร้องบอกปนสะอื้น ไม่ยอมก้าวเดินออกจากห้องนอน จนผู้เป็นมารดาและแม่นมยูคิต้องช่วยกันฉุดให้หญิงสาวออกจากห้อง แล้วก้าวลงตามบันไดบ้านหลบออกไปทางข้างหลังบ้าน ก่อนที่ยาสุโนะจะมาเห็นพวกเธอเข้า
“ยูริ หนูต้องหนีไปนะลูก” คุณกสิณาเอ่ยบอกระคนออกคำสั่งไปในตัว
“คุณแม่คะ ทำไมเราต้องกลัวไอ้ยาสุโนะด้วย คุณพ่อมีลูกน้องตั้งมากมาย ยังไงๆ พวกเราก็ไม่มีทางแพ้ไอ้ยาสุโนะหรอกค่ะ”
รินรดาค้านคำพูดของมารดาทั้งน้ำตานองหน้า หญิงสาวไม่อยากหนีเอาตัวรอดคนเดียวตามที่มารดาต้องการให้เป็นเช่นนั้น
“เรามีลูกน้องมากก็จริงนะยูริ แต่ไอ้ยาสุโนะมันฉลาดมาก มันจัดงานเลี้ยงเพื่อหลอกให้คุณพ่อและลูกน้องของคุณพ่อไปในงานเลี้ยงที่บ้านของมัน มันรู้ว่าคุณพ่อไม่ชอบหน้ามัน และต้องอยู่ในงานเลี้ยงไม่นาน จึงหลอกให้ยากูซ่าแก๊งอื่นๆ ไปรวมตัวอยู่ในบ้านของมันหมดทุกแก๊ง เพื่อไม่ให้ยากูซ่าแก๊งอื่นๆ ตามมาช่วยพวกเราได้ขณะมันส่งลูกน้องของมันตามมาฆ่าพวกเรา คุณพ่อชะล่าใจในตัวไอ้ยาสุโนะมากเกินไป พวกเราไม่คิดว่ามันจะกล้ากำจัดพวกเราเร็วถึงเพียงนี้”
คุณกสิณาเอ่ยบอกลูกสาวด้วยความเจ็บใจ นางและสามี รวมทั้งลูกน้องอีกหลายๆ คนนึกไม่ถึงว่ายาสุโนะจะวางแผนกำจัดคนในตระกูลคานาเมะได้อย่างแยบยล เพราะเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา ยาสุโนะได้จัดงานเลี้ยงอย่างใหญ่โต โดยเชิญพี่น้องยากูซ่าแก๊งต่างๆ ไปร่วมงานเลี้ยงในคฤหาสน์หลังใหญ่โตของเขา เหตุผลที่ยาสุโนะบอกกับแก๊งยากูซ่าอื่นๆ ว่าที่เขาจัดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ก็เพราะต้องการให้พี่น้องยากูซ่าทุกๆ แก๊งมาร่วมดื่มกินเพื่อกระชับความสัมพันธ์กันหลังจากมีเรื่องบาดหมางใจกันมาช้านาน
นางและสามีคิดว่ายาสุโนะคงมีวัตถุประสงค์เช่นนั้นจริงจึงได้ไปร่วมงานเลี้ยงดังกล่าว ทว่าทุกคนนึกไม่ถึงเลยว่าที่ยาสุโนะจัดงานเลี้ยงให้ทุกคนดื่นกินกันอย่างอิ่มหน่ำสำราญนั้นเป็นเพราะว่าเขาต้องการหลอกล่อให้ลูกน้องในแก๊งคานาเมะออกจากคฤหาสน์หลังนี้ ในขณะที่ลูกน้องของสามีเธอกำลังดื่มกินอยู่ในคฤหาสน์ของเขา ยาสุโนะก็ตลบหลังด้วยการลอบเข้ามากำจัดคนในตระกูลคานาเมะให้หมดไปจากแผ่นดินอาทิตย์อุทัย
“เราไม่มีทางสู้ไอ้ยาสุโนะได้เลยหรือคะคุณแม่” รินรดากระซิบถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อีกทั้งยังแผ่วเบาแทบไม่พ้นลำคอ
“แม่ไม่รู้ลูก แม่ไม่รู้ว่าเราจะสู้ไอ้ยาสุโนะได้หรือเปล่า” คุณกสิณาส่ายหน้าช้าๆ ขณะเอ่ยตอบเสียงเศร้าๆ
“ยูริอยากอยู่กับคุณแม่และคุณพ่อค่ะ” รินรดาขอร้องมารดาอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ได้รับการปฎิเสธจากมารดาในทันที
“ฟังแม่นะยูริ”
คุณกสิณากุมใบหน้าที่นองด้วยหยาดน้ำตาของลูกสาวไว้ด้วยมือทั้งสอง ก่อนจะเปล่งวาจาบอกถึงความเป็นจริงที่รินรดาก็ล่วงรู้ดีว่า พวกยากูซ่าเหล่านี้มันโหดเหี้ยมมากสักเพียงใด
“ไอ้ยาสุโนะมันจะไม่ฆ่าลูกในทันที แต่จะทรมานลูกให้ถึงที่สุด ก่อนจะฆ่าลูกทีหลัง ซึ่งแม่จะไม่ยอมให้มันทำเช่นนั้นได้ ยูริต้องหนีไป ไปหาคุณอาสันชัยตามที่อยู่ ที่แม่เขียนไว้ให้ พยายามอย่าเผยตัวว่ายูริเป็นลูกสาวของยากูซ่า เป็นลูกสาวของฮิคาระ คานาเมะ ไม่เช่นนั้นแล้วไอ้ยาสุโนะมันจะตามเจอได้”
ขณะกระซิบสั่งลูกสาว คุณกสิณาก็ไม่ลืมยัดกระดาษแผ่นบาง ซึ่งเป็นที่อยู่ เป็นสถานที่ลี้ภัยจากมัจจุราชร้ายอย่างยาสุโนะให้รินรดารับไปกำไว้ และเมื่อเสียงปืนนัดแรกดังมากระทบโสตประสาท รินรดาถึงกับสะดุ้งเฮือกสุดตัว ล่วงรู้ว่าลูกน้องของบิดากำลังถูกเก็บทีละคนแล้ว
พอเสียงปืนดังรัวเร็วขึ้นอีกหลายนัดต่อหลายนัด โดยไม่รู้ว่าหลุดออกมาจากปลายกระบอกปืนของฝ่ายใดบ้าง ทำให้คุณกสิณาไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป นางสวมกอดร่างบอบบางของลูกสาวไว้ กดจมูกลงไปบนพวงแก้มเนียนใส ซึ่งนางรู้ว่านับแต่นาทีนี้ไปนางคงไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนี้กับลูกสาวที่รักอีก
“ยูริ พ่อกับแม่รักลูกที่สุด ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกให้ปลอดภัย” เอ่ยจบแล้ว คุณกสิณาก็พยักพเยิดให้แม่นมยูคิดึงตัวของรินรดาออกจากอาณาบริเวณของคฤหาสน์ ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ลูกน้องของยาสุโนะเริ่มกวาดต้อนเก็บลูกน้องของสามีนางทีละคนสองคนให้ร่วงผล็อยไม่ต่างจากใบไม้ที่ร่วงหล่นมาจากลำต้นอันสูงใหญ่
“คุณแม่! ยูริไม่อยากไป!”
รินรดาตะโกนเรียกมารดาที่กำลังวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปช่วยบิดาของเธอที่อาจจะถูกยาสุโนะจับตัวไว้ได้แล้ว หญิงสาวรู้ว่าคุณแม่ของเธอรักและซื่อสัตย์ต่อบิดาผู้เป็นคู่ชีวิตมาก แม้รู้ว่าการเดินกลับเข้าไปในบ้านไม่ต่างจากการเดินเข้าสู่แดนประหาร กระนั้นท่านก็ยอม เพียงเพื่อให้ได้อยู่กับคนที่ท่านรัก ตราบลมหายใจสุดท้ายก็เป็นพอแล้ว
“คุณหนูไปเถอะค่ะ ก่อนที่ไอ้ยาสุโนะจะไหวตัว รู้ว่าคุณหนูไม่ได้อยู่ในบ้าน” แม่นมยูคิพยายามดึงร่างบางระหงของคุณหนูคนสวยให้เดินออกจากทางหลังบ้านตรงไปยังป่าทึบ ซึ่งอยู่ติดกับอาณาบริเวณของคฤหาสน์คานาเมะ
“ยูริรักคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”
รินรดาพึมพำทั้งน้ำตาคลอเบ้า ขณะมองตามร่างเล็กของมารดาที่วิ่งกลับเข้าไปในบ้าน และเมื่อออกมาพ้นชายคาบ้านที่เคยอยู่ตั้งแต่แบเบาะ หญิงสาวก็ต้องปะทะกับลมหนาวที่พัดกรูมาพร้อมๆ กับละอองหิมะที่หล่นพร่างพรายมาบนศีรษะสร้างความหนาวเหน็บเข้ากระดูกดำ