"ความรักของพวกเขา(2)" 4
“พี่ขอบใจนะที่เจียวเข้าใจ ไว้ให้พี่เคลียร์งานทุกอย่างให้เรียบร้อย พี่จะลางาน พาเจียวไปเที่ยวหาพวกท่านนะ” กิกตินอนคร่อมร่างน้อย ดวงหน้าคมคายโน้มลงหาดวงหน้างาม ริมฝีปากหยักแตะลงบนกลีบปากอวบอิ่ม เขาจูบน้องอย่างอ้อยอิ่ง
“ค...ค่ะ”
เปาวลีเป็นนักเรียนว่านอนสอนง่าย พี่เกี๊ยกระซิบบอกให้ทำอย่างไร เธอก็ทำตามคำสอนของอาจารย์ที่กำลังลุ่มหลงเรียวปากนุ่มของนักเรียนหัวอ่อน
อาจารย์หนุ่มมากด้วยวิชาสอนเพศสัมพันธ์ให้นักเรียนตัวน้อยรู้จักการแลกจูบอันหอมหวาน แต่แฝงไปด้วยความปรารถนาเร่าร้อนเสน่หา
“พะ...พิ...พี่ถอดให้นะ”
กิตติหายใจหอบหื่น ใจจะขาดตายอยู่แล้วเมื่อแม่กระต่ายน้อยเริ่มที่จะเป็นคนรุกราน พรมจูบสัมผัสตอบโต้เขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ซึ่งการกระทำแบบนี้ของหญิงสาวได้ทำให้ชายหนุ่มที่ช่ำชองในเรื่องบนเตียงถึงกับรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจไปกับเรียวลิ้นนุ่มนิ่มหอมหวานที่คอยแหวกว่ายหลบหนี และบางครั้งก็วกต่อสู้หยอกล้ออยู่กับปลายลิ้นของเขา สิ่งที่น้องทำช่างสร้างความซ่านสะท้านสยิวหัวใจไปทุกรูขุมขนสำหรับผู้ชายมากประสบการณ์
“จะ...เจียวไม่ถอดค่ะ”
เปาวลีนอนนิ่งเป็นหุ่นนุ่มนิ่ม ดวงตากลมโตใสแป๋วมองจ้องดวงตาหื่นกระหายหิว มือของพี่เกี๊ยสาละวนค่อยๆ ปลดสไบผ้าไหมออกจากหัวไหล่มน
“หือ...อย่าดื้อกับพี่สิ”
พี่เกี๊ยไม่ยอมฟังน้อง เขาช้อนร่างบางด้วยแขนข้างเดียว อุ้มให้คนตัวน้อยลุกนั่งแล้วประคองหญิงสาวไว้ด้วยร่างกายแข็งแรง มือใหญ่จับมือน้อยทั้งสองข้างขึ้นมาสูดดมเอากลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าปอดแล้วเอาแขนของน้องให้กอดคอเขาไว้
กิตติจิตใจร้อนรุ่มสุมไปด้วยไฟแห่งปรารถนาในตัวน้อง เขาค่อยๆ จัดการถอดชุดเจ้าสาวผ้าไหมสีงามออกจากร่างแน่งน้อยทีละชิ้น ทำอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล
“พี่เกี๊ยอย่าค่ะ...เจียวไม่ถอด” คนตัวน้อยนั่งพับเพียบสั่นระริก แขนทั้งสองข้างที่กอดลำคอหนานั้นกลับมาโอบกอดร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้
“อย่าห้ามพี่เลยนะคนดี”
กิตติขยับตัวนั่งไม่ห่างน้อง ดวงตาสีเข้มสุกประกายใคร่เสน่หาก็คอยแต่จับจ้องมองร่างขาวผ่องที่ถูกแสงแดดยามบ่ายส่องผ่านทางหน้าต่างมากระทบ มือใหญ่ลนลานสั่นเทาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจากกายแข็งแกร่งอย่างรีบเร่ง
“ฮือออ...พี่เกี๊ย อายคนข้างนอกบ้างสิคะ”
เปาวลีสะอื้นไห้ไม่มีน้ำตา หญิงสาวหลับตาปี๋หนีแล้วรีบยกมือปิดหน้าปิดตา เพราะความอับอายไม่อยากมองร่างเปลือยเปล่าแข็งแกร่งไร้ไขมัน
“ยังไม่ถึงวันก็เป็นเด็กดื้อกับพี่แล้วเหรอฮะ นี่เจียวกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ โกหกหลอกลวงตั้งแต่เมื่อไร ฮึ...ไหนคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่สุจีว่าจะเชื่อฟังพี่หายไปไหน”
กิตติเอ่ยเสียงแหบแห้งดุหญิงสาว เขาดึงดอกไม้สีขาวและปิ่นทองคำขาวออกจากมวยผมจนทำให้ผมยาวเป็นก้อนตกลู่กระจายแผ่เต็มแผ่นหลังนวล แล้วชายหนุ่มก็ดันร่างนิ่มให้นอนลงบนฟูกนุ่ม ส่วนตัวเขาก็เข้าไปนั่งทับส้นเท้า
หัวเข่าทั้งสองข้างของคนแรงเยอะแทรกแซงดันเรียวขางามทั้งสองข้างให้แยกออกจากกัน กิตติกลืนน้ำลายลงคอดัง ‘เอื้อก’ เมื่อก้มลงมองรอยแยกของกลีบชบาที่ปกปิด มองไม่เห็นแม้แต่ช่อเกสรอันบริสุทธิ์ที่อยู่ใต้กางเกงในสีขาวสะอ้าน มือใหญ่สั่นเทาจับปลีน่องงามทั้งสองข้างให้โอบรอบเอวของตัวเอง
“กลางวันแสกๆ แขกเหรื่อก็ยังอยู่เต็มบ้าน คุณยายกับแม่ก็ยังอยู่ข้างนอก พี่จะไม่ให้เจียวอายเหรอคะ พี่เกี๊ยอย่ามองเจียวแบบนี้สิคะ หลับตาเดี๋ยวนี้นะ”
ร่างบางนอนสั่นสะท้าน เหงื่อผุดขึ้นเป็นเม็ดๆ ตามผิวเนื้อร้อนวูบวาบแดงเถือกเมื่อเจอสายตาดั่งเปลวเพลิงจ้องมองอย่างโลมเลีย เปาวลีเขินอายพี่เกี๊ย ส่งเสียงตวาดบอกให้เขาหลับตาแต่เป็นเธอเองที่หลับตาปี๋ไม่อยากสบสายตาของคนเจ้าเล่ห์
“สวยเหลือเกิน...ยอดดวงใจของพี่ ทำไมเมียพี่สวยงามไปทั้งตัวแบบนี้”
กิตติกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่าลงคออย่างยากลำบาก แววตาดุจดวงตาเสือร้ายที่คอยจ้องเหยื่อเอาแต่มองร่างเปลือยเปล่าบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชายอย่างหิวโซ
เปาวลีสวยเหมือนนางฟ้านางสวรรค์จริงๆ ในสายตาของเขา ผิวของน้องขาวนวลเนียนอมชมพูตั้งแต่ปลายเท้านุ่มจนถึงศีรษะที่มีผมยาวสลวยดำเงากระจัดกระจายเต็มใบหมอน
กิตติอมยิ้มอย่างหื่นกระหายในความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาว เขาจับมือของน้องออกจากช่อกุหลาบสีชมพู
“พิ...พี่เกี๊ย...จะ...เจียวกลัวค่ะ...ฮือออ”
เปาวลีสั่นสะท้านเมื่อสิ่งปกปิดชิ้นสุดท้ายถูกคนตัวใหญ่ร่างเปลือยดึงออก เขาถอดกางเกงในตัวบางออกจากเรียวขาเสลา หญิงสาวเริ่มมีน้ำอุ่นๆ ใสๆ ไหลออกจากหางตาเมื่อมองพี่เกี๊ยทำหน้าหื่น ดมกลิ่นหอมสาบสาวจากชุดชั้นในของเธออย่างหวาดหวั่น
