"ความรักของพวกเขา(2)" 3
สุจีพยายามกลั้นเสียงที่สั่นเครือให้เป็นปกติ นางโน้มตัวลงซบใบหน้าเต็มสุขลงบนกระหม่อมของลูกรัก พร้อมทั้งกระซิบเสียงสั่นเครือบอกลูก
“ค่ะแม่” เปาวลีพยักหน้ารับทั้งที่ซบอยู่บนตักของมารดา
“ยายขอให้หนูทั้งสองมีความสุขในชีวิตคู่ อยู่ครองคู่กันจนแก่จนเฒ่านะ และอย่าลืมมีเหลนหลายๆ คนให้ยายเลี้ยงเร็วนะพ่อเกี๊ย”
เมื่อเสียงไพเราะของคุณยายบุษบาเอ่ยขึ้นทำให้กิตติขยับตัวพาน้องนั่งเคียงคู่ ฟังคำให้พรจากญาติอาวุโสอีกครั้ง
“แม่ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุข อยู่คู่กันจนแก่จนเฒ่านะลูก และอย่าลืมมีหลานหลายๆ คนให้แม่อุ้มเร็วๆ ด้วยนะ”
สุจีเอ่ยคำให้พรเสร็จ คุณบุษบาก็หันไปพยักหน้า ทั้งสองมองตากันก็รู้ใจ
“ขอบคุณคุณยายมากค่ะ / ขอบคุณน้าสุมากครับที่ไว้ใจผม”
สุจียืนขึ้นก่อนแล้วช่วยประคองร่างของคุณยายบุษบาพาเดินออกจากห้องนอนเพื่อปล่อยให้หนุ่มสาวได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง
เสียงฝีเท้าของหญิงชราที่ลุกยืนแล้วเดินออกห้องนั้นทำให้บ่าวสาวที่ก้มกราบเท้าของสองหญิงชราเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของพวกนาง และเมื่อภายในห้องนอนมีเพียงพวกเขาที่ได้อยู่กันตามลำพังสองต่อสอง ความเงียบภายในห้องก็เกิดขึ้น ซึ่งมีเพียงแค่เสียงลมหายใจผสมเสียงแอร์ดังแข่งกัน
“จะ...เจียวจ๋า”
กิตติขณะนี้กลายเป็นผู้ชายที่ไม่มีประสบการณ์ ช่างเหมือนหนุ่มน้อยเพิ่งจะฝึกหัดมีความรัก และดูว่าเขาจะเกิดความประหม่าเมื่อได้สัมผัสตัวหญิงสาว เสียงที่เอ่ยชื่อน้องน้อยนั้นสั่นเทา
“อุ๊ย...พี่เกี๊ยจะทำอะไรคะ” เปาวลีไม่ทันตั้งตัว ร่างน้อยถูกคนตัวใหญ่อุ้มขึ้นแนบอก ซึ่งแม่แมวน้อยก็รีบยกแขนทั้งสองขึ้นคล้องลำคอของชายหนุ่มไว้
“ไปนั่งบนที่นอนนะ” เรียวปากหยักกระตุกยิ้มมีความสุขชิดหน้าผากมนหอมกรุ่น
“ปล่อยเจียวเถอะค่ะ เตียงอยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องอุ้มกันด้วยคะ” เปรยเสียงสั่นระริกบอกเขา
“พี่อยากอุ้มเมียนี่”
กิตติปล่อยร่างบอบบางให้นั่งบนขอบเตียง ส่วนตัวเขาก็ยังยืนมองกระต่ายแสนงามด้วยความเสน่หา ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทสีงาช้างพาดไว้ปลายเตียง
“พี่เกี๊ยจะอาบน้ำไหมคะ เดี๋ยวเจียวจะเอาผ้าเช็ดตัวให้”
เปาวลีนั่งหย่อนขาอยู่บนเตียง เขินอายจนดวงหน้าแดงระเรื่อเป็นลูกเชอร์รี่น่ากินเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังปลดเนกไทและแกะกระดุมตรงคอเสื้อ เปิดน้อยๆ ให้เห็นไรขนสีน้ำตาลอ่อนๆ ตรงแผ่นอกกว้าง
กิตติเป็นผู้ชายที่มีหน้าตาหล่อเหลา ร่างกายของชายหนุ่มก็ใหญ่โตเกินมาตรฐานของชายไทยผสมเชื้อจีน ซึ่งเวลาอยู่ใกล้ชิด เปาวลีจะทำให้ตัวเธอดูตัวเล็กกระจิริด
“ถอดเสื้อให้พี่หน่อยสิ”
กิตติไม่ปล่อยน้องให้ลุกเดินหนีไปไหน เขารีบเดินเข้าไปดักหน้าเธอแล้วย่อตัวใช้แขนแข็งแรงตวัดร่างบางอุ้มน้องขึ้นแนบอกอีกครั้ง
เขาปล่อยร่างน้อยให้นอนบนฟูกอย่างนุ่มนวล ส่วนคนตัวโตก็คลานขึ้นไปนอนตะแคงข้าง หันหน้าเข้าหาร่างบางมองเสี้ยวหน้างาม
“ไหนจะให้เจียวถอดเสื้อให้ไงคะ”
เปาวลีขยับตัวจะลุกนั่งแต่ก็ถูกคนมีกำลังมหาศาลใช้แขนแข็งแกร่งกอดไว้ ส่วนช่วงเอวคอดด้านล่างก็ถูกหน้าขาแข็งแรงใหญ่โตเท่าตัวเธอพันธนาการ กดแนบช่วงสะโพกงอนไม่ยอมให้เธอดิ้นลุกขึ้นนั่งได้
“วันนี้เจียวของพี่สวยเหมือนนางฟ้ามาก รู้ตัวไหม”
กิตติขยับตัวขึ้นคร่อมร่างของเธอ พร้อมทั้งเคลื่อนหน้าลงต่ำ หน้าผากหนาแนบชนหน้าผากนวล เขาจ้องมองตาเธอนิ่ง แววตาสุกประกายของกิตตินั้นปลั่งด้วยความใคร่สิเน่หา
“ปล่อยเจียวค่ะ”
คนตัวน้อยรู้สึกอึดอัดกับชุดไทยที่ใส่อยู่แล้วยิ่งเพิ่มทวีคูณเข้าไปอีกเมื่อคนตัวโตเอาแต่ป้วนเปี้ยนไม่ห่าง
มือทั้งสองข้างของเขาคอยแต่จะถอดชุดเจ้าสาวให้เหมือนเธอเป็นเด็กแรกเกิด ไหนจะใบหน้าหล่อที่ส่อถึงความหื่นกระหายที่แทะโลมร่างกายเธอจนทำให้เนื้อตัวสั่นสะท้านร้อนวูบวาบ
“นอนคุยกันนะครับ”
กิตติไม่คุยเปล่า ปากหยักได้รูปกระจับพรมจูบไซ้ไปตามดวงหน้างาม ริมฝีปากหนาไล้เล็ม เม้มผิวเนียนตามซอกคอขาวอมชมพูหอมกรุ่น
“คุยเฉยๆ สิคะ” เปาวลีได้แต่เปรยเสียงสั่นเครือห้ามปรามชายหนุ่ม มือทั้งสองข้างที่ผลักดันเขาก็ถูกมือใหญ่จับด้วยมือข้างเดียวกดไว้เหนือศีรษะ
“เจียวครับ”
กิตติหักห้ามใจ ร่างโตขยับตัวลุกนั่งคร่อมร่างน้อง แขนทั้งสองข้างค้ำยันฟูกหนาขนาบกักขังร่างบางไว้เหมือนนกน้อยอยู่ในกรงทอง
“คะ?” ดวงตากลมโตบ้องแบ๊วมองหน้ากิตติอย่างสงสัย เมื่อกี้เขายังทำหน้าหื่นกระหายอยู่เลย
“เสียใจไหมที่พ่อแม่พี่ไม่ได้มางานแต่งของเรา”
เขาโน้มตัวนอนทับร่างน้องแต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวหญิงสาว กิตติใช้ศอกทั้งสองข้างยันที่นอนไว้ นิ้วมือเรียวใหญ่ทั้งสองข้างก็เขี่ยเส้นผมยาวเงางามนั้นเล่น
“ก็พวกท่านมาไม่ได้นี่คะ”
เปาวลีไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจแต่อย่างไรเมื่อได้พูดคุยกับพ่อแม่ของกิตติที่โทร.มาหา เธอเข้าใจในเหตุผลที่พวกท่านทั้งสองมาร่วมงานไม่ได้
