บทนำ 3
“ครูซ” พรพระพายเอ่ยชื่อที่ไม่คุ้นหูออกมา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเป็นชื่อของชายหนุ่มที่พี่สาวเธอกำลังคบหาอยู่ได้ประมาณปีเศษๆ ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น และเดาว่าเขาก็คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สิริศรเมาปลิ้นสิ้นท่าอยู่แบบนี้ คนที่ใช้ชีวิตแบบอิสระมาโดยตลอดอย่างสิริศรนั้น คงไม่มีทางที่เธอจะมานั่งร้องไห้เพราะเรื่องผู้ชายแน่ๆ ถ้าไม่มีนัยสำคัญอื่นแอบแฝงอยู่และแน่นอนว่าสิริศรจะถูกซักฟอกจนขาวสะอาดยิ่งกว่าเสื้อผ้าที่เปื้อนน้ำหมึกแน่ แต่คงต้องรอให้เจ้าตัวเขาหายเมาก่อน ถ้าพูดไปตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ไม่ใช่เพราะสิริศรเมาจนคุยไม่รู้เรื่องแต่จะเป็นเพราะตัวเธอเองต่างหากที่ทนกลิ่นของแอลกอฮอล์ที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าไม่ไหว ถอดใจเลิกถามเลิกซักไซ้ไปซะก่อนที่จะได้รู้เรื่องราวทั้งหมด
“ไปเล่าต่อที่บ้านเถอะพี่สิ พายง่วงแล้ว พี่เองก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วเหมือนกัน” พูดแล้วก็เดินไปพยุงคนเมาให้ลุกจากเก้าอี้ด้วยความทุลักทุเลเพื่อพากลับบ้าน โชคดีที่เธอให้พนักงานที่ยืนอยู่หน้าร้านเรียกเเท็กซี่ไว้ให้แล้วตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามา เธอจึงไม่ต้องเสียเวลารอรถนามมากนัก
พอลและกิลเบิร์ตมองภาพที่ร่างบางๆ ของหญิงสาวผู้มาใหม่กำลังพยุงคนเมาให้เดินออกไปจากร้านด้วยความยากลำบาก เธอปฏิเสธการช่วยเหลือจากชายผู้หวังดีคนหนึ่งที่จะช่วยเธอพยุงคนเมาไปส่งขึ้นรถ แต่เธอก็ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครเลยแม้แต่พนักงานของร้าน
พอลละสายตาจากภาพนั้นก่อนที่เขาจะยกมือเรียกบริกรคนเดิมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ โต๊ะของพวกเขามาถามในสิ่งที่อยากรู้มากๆ ในเวลานี้
“ผู้หญิงคนที่กำลังเดินออกไปเป็นใครเหรอ?” เขาพยามยามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด เพราะถ้ากิลเบิร์ตรู้ทันความคิดของเขา มีหวังได้โดนคนเจ้าเล่ห์อย่างหมอนั่นแซวไปอีกเป็นปีๆ แน่
“คนที่พาคุณซูซี่ออกไปนะเหรอครับ” พอลพยักหน้ารับนิ่งๆ อย่างกลัวเสียฟอร์มเพราะตอนนี้กิลเบิร์ตกำลังนั่งอมยิ้มอยู่ แสดงว่าหมอนั่นคงรู้ทันเขาหมดแล้ว
“เธอเป็นน้องสาวที่อยู่สวิสของคุณซูซี่ครับ ชื่อคุณพาย ผมเคยได้ยินเจ้านาย พ่อของคุณซูซี่พูดถึงเธออยู่บ่อยๆ ”
"แล้วนายพอจะรู้รึเปล่าว่าเธอมีแฟนแล้วหรือว่ายังโสดอยู่?" อยู่ๆ กิลเบิร์ตก็พูดแทรกขึ้นมา ทำเอาพนักงานคนนั้นถึงกับกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของพอลที่แสดงอาการเหมือนเด็กที่ถูก 'ขัดใจ' ออกมาอย่างชัดเจน
"ต้องขออภัยที่กระผมไม่ทราบข้อมูลในคำถามข้อนี้ครับ" พอลพยักหน้ารับรู้อีกครั้งก่อนจะควักเงินในกระเป๋าให้เป็นทิปกับพนักงานคนนั้นไป
“ไม่คิดว่าคนอย่างพอล พาร์คตัน จะลงทุนควักกระเป๋าเพราะอยากรู้จักสาวแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเห็นแค่ครั้งเดียว นายนี่เป็นซาตานในคราบเทพบุตรขนานแท้เลยเพื่อน แบบนี้สาวๆ ที่เขาหลงปลื้มนายอยู่ก็เสียใจแย่สิ โดยเฉพาะแม่สาวสวยโปรไฟล์ดีว่าที่เจ้าสาวของนายคนนั้น”
กิลเบิร์ตแซวด้วยสีหน้ายิ้มๆ เรื่องที่เพื่อนรักถูกจับคลุมถุงชน
“หุบปากเลยกิล! นายก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครมาจับแต่งงานได้ง่ายๆ หรอก ฉันมีวิธีของฉัน รอแค่เวลาเท่านั้นเอง’’
“หึ! แล้วฉันจะรอดูว่าคนที่ไม่ยอมถูกใครบังคับอย่างนายจะทำได้จริงอย่างที่คุยรึเปล่า ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ เกิดนายรักเธอขึ้นมาจริงๆ ละก็”
"อะไร? พูดต่อให้จบเลยนะกิลเบิร์ต"
"ฉันจะเป็นคนแฉเรื่องนี้ให้เจ้าสาวนายฟังในวันแต่งงานของนายยังไงล่ะ" พอลสาปส่งเพื่อนรักในความหวังดีของอีกฝ่าย ทั้งคู่ไม่วายเถียงกันไปเถียงกันมาจนกระทั่งเซททริกกลับมาจากคุยโทรศัพท์กับคู่หมั้น จึงได้ห้ามให้พวกเขาหยุดซึ่งก็เหมือนทุกครั้งที่พวกเขาทะเลาะกัน ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งก็ผ่านมาเกือบจะครบสิบปีแล้ว