บทที่ 1 - 2
พนักงานต้อนรับชายเอ่ยทักทายสองแม่ลูกก่อนจะเดินนำลูกค้าทั้งสองไปยังมุมด้านในสุดของร้านซึ่งเป็นมุมโปรดของพรพระพาย หญิงสาวโทรมาจองโต๊ะล่วงหน้าไว้หลายวันแล้วถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี้มาหลายปีตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย หญิงสาวก็ได้ร้านอาหารร้านนี้แหละที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำและถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งที่พ่วงลูกสาวมาด้วยทุกครั้งแล้วก็ตาม
ร้านนี้นอกจากจะตกแต่งสวยแล้วยังทำเลดีอีกด้วย ลูกค้าสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบเจนีวาได้ไกลสุดสายตาเมื่อยืนมองจากระเบียงชั้นสองร้าน แถมบรรยากาศในยามค่ำคืนยังสวยงามและโรแมนติกราวกับฉากในหนังรัก ส่วนด้านหลังของร้านเป็นลานกว้างสำหรับให้ลูกค้าจอดรถซึ่งเป็นพื้นที่ทอดยาวมาจากสันเขาของเทือกเขาแอลป์ ด้านหน้าเป็นถนนสายหลักที่ขับรถไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงศูนย์รวมของหน่วยงานสำคัญๆ ต่างๆ ของโลก แต่ที่ได้ใจของหญิงสาวสุดก็ตรงที่ร้านนี้มีอาหารไทยรสชาติไทยแท้ๆ เหมือนส่งจากประเทศไทยให้ได้ลิ้มลอง ชนิดที่ว่าได้ทานอาหารร้านนี้ทีไรก็หายคิดถึงบ้านเกิดไปเลย
“เอ.... วันนี้เด็กดีของคุณแม่จะทานอะไรเป็นอาหารเย็นดีน๊า...” พรพระพายทำเสียงเล็กเสียงน้อยคุยกับลูกสาวเมื่อเธอเลื่อนเมนูอาหารไปตรงหน้าหนูน้อยที่กำลังสนใจตุ๊กตาชาวพื้นเมืองที่ตั้งประดับอยู่ใกล้ๆ กับโต๊ะที่นั่งอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย
“หนูพิ้งค์กินไส้กรอกกับผักก็ได้ค่ะ มาม็อง”
อาหารที่เด็กหญิงพูดถึงก็คือเมนูไส้กรอกที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของเมืองเจนีวา(Papet Vaudois) ทำมาจากเนื้อหมูขนาดยาวประมาณสิบถึงสิบห้าเซนติเมตรเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่ง กระเทียมและกะหล่ำปลีนับเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองเจนีวาและประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สั่งของลูกสาวเสร็จพรพระพายก็สั่งของตัวเองต่อซึ่งเป็นเมนูที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองซูริค (Geschnetzeltes) ทำมาจากเนื้อลูกวัวนำมาอย่างไฟให้หอมแล้วรวดด้วยน้ำเกรวี่ให้ชุ่มทานพร้อมกับเร้อช-ติ(Rosti) ที่ทำมาจากข้าวหรือมันฝรั่งบดหรือจะทานคู่กับเส้นพาสต้าก็ได้เช่นเดียวกัน
“รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”
“เอาน้ำฝรั่งสองแก้วแล้วก็....เอาต้มยำกุ้งเพิ่มอีกหนึ่งอย่างด้วยค่ะ” หญิงสาวไม่ลืมที่จะสั่งอาหารไทยมาด้วยแม้ว่ามันจะดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่กับอาหารที่สั่งไปก่อนหน้านี้ที่วัตถุดิบส่วนใหญ่จะเป็นชีสและเนย แต่นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอเพราะอาหารไทยกินกับอะไรก็อร่อยอยู่แล้ว
“คุณแม่ขา...” เด็กน้อยเรียกผู้เป็นแม่พร้อมกับสะกิดแขนเบาๆ แต่สายตายังคงจับจ้องตุ๊กตาตัวนั้นอย่างไม่ยอมละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว “นั่นใช่ตุ๊กตาที่เต้นไปเต้นมาเหมือนในทีวีที่หนูเคยดูรึเปล่าคะ?” หนูน้อยชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตา นั่นแหละพรพระพายถึงได้เข้าใจสาเหตุที่ลูกสาวจ้องตุ๊กตาเหล่านั้นไม่วางตาในที่สุดเพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเปิดสารคดีเกี่ยวกับเอกลักษณ์พื้นเมืองดั้งเดิมของชาวสวิสให้ดูและที่พริมาพูดถึงก็คงจะเป็นการเต้นSchuplatterที่เป็นการเต้นรำพื้นเมืองดั้งเดิมที่เป็นที่นิยมของประชากรที่อาศัยอยู่ในแถบบริเวณเทือกเขาแอลป์
“ใช่จ๊ะ ลูกจำได้ด้วยเหรอ? ทำไมเก่งจังลูกสาวแม่คนนี้” หนูน้อยหันมายิ้มให้คุณแม่คนสวยของเธอก่อนจะถูกหอมแก้มเบาๆ แล้วหัวข้อการสนทนาระหว่างรออาหารของสองแม่ลูกก็เต็มไปด้วยเรื่องของตุ๊กตาและการเต้นรำ โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีบุคคลที่สามยืนมองทั้งคู่อยู่นานหลายนาทีแล้ว
“ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงทั้งสองจะรับอะไรเพิ่มเติมไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ ดิฉันสั่งเรียบร้อยแล้ว” พรพระพายตอบโดยไม่ได้หันมามองว่าคนที่ถามเธอนั้นเป็นใครจนกระทั่งลูกสาวเรียกชื่อใครคนนั้นออกมาด้วยความดีใจ
“คุณลุงวัต!” หนูน้อยเรียกชื่อผู้เป็นลุงด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจก่อนจะตะเกียกตะกายพาร่างเล็กๆ ของตัวเองลงจากเก้าอี้เพื่อไปหาผู้เป็นลุงที่ยืนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะสองมือน้อยๆ ชูขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายอุ้ม คนเป็นลุงเห็นท่าทางของหลานสาวแล้วได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนอุ้มร่างเล็กๆ ขึ้นมาแล้วขยี้ผมนุ่มหยักศกสีน้ำตาลแดงที่มีมาตั้งแต่เกิดของหนูน้อยจนฟูฟ่องกิ๊บติดผมรูปหมีสีฟ้าหลุดลุ่ย เดือดร้อนคนเป็นแม่ที่นั่งมองอยู่ต้องจัดการติดกิ๊บและจัดทรงผมให้ใหม่
“พี่วัตมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? ไม่เห็นโทรมาบอกกันล่วงหน้าเลยพายจะได้สั่งอาหารไว้รอ เล่นมาเงียบๆ พายเลยสั่งอาหารไปแค่พอกินกันสองคนแม่ลูก ไม่เผื่อใครเลยค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มโดยไม่ตอบคำถามก่อนจะหยิบเอาอะไรบางอย่างที่อยู่ในถุงกระดาษที่เขาถือติดมือมาด้วยออกมาโชว์ให้สองแม่ลูกดู
“ว้าว....ตุ๊กตา! คุณลุงซื้อตุ๊กตามาด้วย เหมือนตัวที่อยู่ตรงนั้นเลยค่ะคุณแม่!” หนูน้อยชี้ไปที่ตุ๊กตาที่อยู่ในมือคุณลุงของแกสลับกับตุ๊กตาตัวที่ทางร้านตั้งโชว์ไปมาด้วยความตื่นเต้น
“หนูพิ้งค์อยากได้ไหมคะ? คุณลุงซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิดสำหรับหนูเลยนะ ชอบรึเปล่าเอ่ย” ชายหนุ่มยื่นตุ๊กตาพื้นเมืองที่เขานำมาให้หลานสาวเพื่อเป็นของขวัญวันครบรอบสองขวบ
“ขอบคุณค่ะคุณลุง คุณลุงใจดีที่สุดเลย” เด็กหญิงพริมาไหว้ขอบคุณผู้เป็นลุงอย่างอ่อนช้อยตามที่ผู้เป็นแม่เคยสอน ภควัตมองการกระทำของหนูน้อยด้วยความชื่นชม พริมาเป็นเด็กที่มีพัฒนาการเร็วกว่าเด็กปกติทั่วไป อย่างตอนนี้ที่เพิ่งจะครบสองขวบเต็มแท้ๆ แต่มีความจำดีเยี่ยมแม้จะเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าเด็กสองขวบจะเข้าใจแถมยังพูดได้ตั้งหลายภาษา ต่อไปในอนาคตพรพระพายก็คงจะหมดห่วงในตัวลูกสาวไปได้หนึ่งอย่าง
“พี่วัตทานข้าวด้วยกันนะคะ พายสั่งต้มยำกุ้งมาด้วยหรือพี่วัตจะสั่งอะไรเพิ่มอีกก็ได้นะคะ มื้อนี้พายเลี้ยงเต็มที่” ชายหนุ่มยิ้มให้คุณแม่ยังสาวที่แสดงความใจป้ำเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารในวันเกิดของลูกสาว
“เอาสิ! วันเกิดหลานสาวทั้งที...แถมน้องสาวยังใจดีเลี้ยงข้าวพี่อีก จะพลาดได้ยังไง”
ภควัตมองหญิงสาวที่กำลังป้อนข้าวลูกสาวตัวน้อยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขายังจำเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ดี วันที่หญิงสาวตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตกับการเป็นคุณแม่ยังสาวทันทีที่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอยอมแลกอนาคตอันสดใสในกระทรวงการต่างประเทศเพื่อรับหน้าที่แม่ของเด็กน้อยคนนี้ ท่ามกลางความวุ่นวายและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างสองครอบครัว