บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 - 3

แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป เด็กน้อยที่ใครหลายคนเคยมองว่าเป็นตัวปัญหากลับเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู จนใครต่อใครต่างหลงใหลในเสน่ห์ความน่ารัก ไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่ถูกกับมนุษย์ตัวจิ๋วทั้งหลายอย่างเขา เชื่อเถอะว่าถ้าคนบ้านนั้นได้มาเห็นหลานในไส้ที่พวกเขาเคยทอดทิ้งอย่างไม่ใยดีในวันนั้น เติบโตมาเป็นเด็กที่น่ารักและฉลาดเฉลียวขนาดนี้ คนพวกนั้นจะทำหน้ายังไง

“ดูพายมีความสุขกับชีวิตในตอนนี้มากเลยนะ” เขาถามออกไปทั้งๆ ที่เห็นคำตอบอยู่กับตาตัวเองอยู่แล้ว

“พี่วัตก็เห็นอยู่แล้ว ยังจะถามอีกเหรอคะ?” พรพระพายตอบสั้นๆ ก่อนจะหันไปมองลูกสาวตัวน้อยที่พยายามจะกินไส้กรอกด้วยตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ

“นั่นสินะ ถ้าคนบ้านนั้นมาเห็นหนูพิ้งค์ในตอนนี้คงแทบกระอักและคงอยากได้หลานกลับไปเลี้ยงจนตัวสั่น” ชายหนุ่มพูดออกมาก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหาร แต่ชายหนุ่มก็ต้องชะงักเพราะประโยคถัดมาของหญิงสาว

“ไม่มีทางหรอกค่ะ หนูพิ้งค์เป็นลูกของพายแล้วแกก็ไม่ใช่หลานของใครนอกจากคุณแม่และคุณลุงบวร”

“พายจะกลับเลยรึเปล่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง” หญิงสาวก้มมองนาฬิกาก่อนจะหันไปถามลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาที่ได้เป็นขวัญวันเกิดอยู่เงียบๆ โดยไม่รบกวนคนเป็นแม่หรือคุณลุงให้เล่นเป็นเพื่อนด้วยเหมือนเช่นทุกครั้ง

“หนูพิ้งค์ง่วงนอนรึยังคะ?” เด็กน้อยส่ายหน้าให้มารดาก่อนจะหันกลับไปสนใจตุ๊กตาในมืออีกครั้งด้วยท่าทางสะลึมสะลือจนพรพระพายต้องกลั้นขำกับการฝืนทำตัวให้ตื่นของลูกสาว

“หนูพิ้งค์รออะไรอยู่รึเปล่าคะ? คุณแม่ว่าหนูจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้วนะ กลับบ้านกันดีกว่าเนอะ” พรพระพายแกล้งถามหนูน้อย เธอเชื่อเหลือเกินว่าลูกสาวต้องกำลังรอใครบางคนอยู่แน่นอน แต่ไม่ยอมบอกกับเธอ

“นั่นไง มาแล้ว...” หนูพิ้งค์ร้องขึ้นด้วยความดีใจพร้อมกับชี้มือไปทางที่ภควัตนั่งอยู่

“คุณลุง? คุณลุงทำไมคะ?” พรพระพายถามด้วยความสงสัย พอๆ กับภควัตที่ทำหน้าตาเหลอหลาไม่รู้อีโหน่อีเหน่กับหลานสาว หนูน้อยส่ายหน้าให้คุณลุงก่อนจะเรียกชื่อใครบางคนจนคนเป็นลุงต้องหันหลังกลับไปมองบุคคลที่หลานสาวของเขากำลังรอคอยด้วยใจจดจ่อ

“น้าเทรซ! เย้ น้าเทรซมาแล้ว น้าเทรซมาแล้วค่ะคุณแม่” เด็กหญิงพริมาดีใจใหญ่เมื่อเห็นคนที่แกรอคอยอยู่มาถึงพร้อมกับเค้กวันเกิดก้อนโตที่อีกฝ่ายถือมาด้วย

“สุขสันต์วันครบรอบสองขวบนะจ๊ะหลานรัก น้าเทรซขอโทษนะคะหนูพิ้งค์ที่น้ามาช้า รอน้านานไหมเอ่ย?” เทเรซ่ารีบแก้ตัวกับเจ้าของเค้กขนาดสองปอนด์ที่เธอหิ้วมาเป็นเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดเพราะกลัวหนูน้อยจะงอนเธอที่มัวแต่เลือกตุ๊กตาจนลืมดูเวลาและสายไปเกือบหนึ่งชั่วโมงทั้งที่จริงเธอควรจะถึงร้านอาหารตั้งแต่หนึ่งทุ่มเศษๆ ด้วยซ้ำไป

“นิดหน่อยค่ะ หนูพิ้งค์รอได้ แต่ก็เกือบรอไม่ได้ด้วยค่ะ เพราะหนูพิ้งค์ง่วงจนม๊ามี้กำลังจะพากลับไปนอนแล้ว” เด็กน้อยพูดตอบผู้ใหญ่ด้วยวาจาฉะฉานเกินวัย จนผู้ใหญ่สามคนต่างหลงใหลเอ็นดูในความฉลาดและความน่ารักโดยเฉพาะคนเป็นแม่อย่างพรพระพาย

“และเพื่อเป็นการขอโทษที่น้าเทรซมาสาย” เทเรซ่าหยิบตุ๊กตาหมีสีฟ้าออกมาให้หนูน้อยเพื่อเป็นการไถ่โทษแต่พอมือน้อยๆ ของหนูพิ้งค์รับมันไปเท่านั้นแหละ

“คุณแม่ขา ดูสิค่ะหนูพิ้งค์ได้ตุ๊กตาหมีสีฟ้าเหมือนกับตุ๊กตาคนที่คุณลุงซื้อมาให้เลยค่ะ” หนูน้อยหยิบตุ๊กตาตัวแรกที่ได้จากภควัตขึ้นมาวางคู่กันกับตุ๊กตาหมีของเทเรซ่าแล้วก็ปรบมือด้วยความดีใจ“เหมือนกันเลยค่ะคุณแม่”

“เหมือนกันยังไงคะหนูพิ้งค์?” คนเป็นแม่ถามแทนอีกสองคนที่ซื้อตุ๊กตาสองตัวนี้มา เพราะทั้งภควัตและเทเรซ่าคงไม่เข้าใจลูกสาวตัวน้อยของเธอเหมือนอย่างที่เธอเข้าใจแน่ๆ เพราะตุ๊กตาสองตัวนี้มองยังไงก็ไม่เหมือนกันสักนิด

“ก็ขนของเจ้าหมีกับหมวกของนักเต้นรำไงคะ มีสีฟ้าเหมือนกันเลย แล้วคุณลุงกับน้าเทรซก็ซื้อตุ๊กตาให้หนูพิ้งค์เป็นของขวัญเหมือนกันด้วย หนูพิ้งค์ได้ตุ๊กตาสองตัวเลยค่ะคุณแม่” หลานสาวยิ้มดีใจใหญ่ ในขณะที่คนเป็นลุงกับน้าได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ ไม่กล้าแสดงสีหน้าเป็นอย่างอื่นเพราะอยู่ต่อหน้าหลานสาวสุดที่รัก ใครจะไปคิดว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดมาซ้ำกัน ทั้งที่ในโลกนี้มีสิ่งของต่างๆ มากมายที่สามารถให้เป็นของขวัญได้นอกจากตุ๊กตา

“คุณแม่ว่าเรามาเป่าเค้กกันดีกว่านะคะหนูพิ้งค์” พรพระพายพูดเปลี่ยนเรื่องให้ลูกน้อยหันมาสนใจเค้กรูปการ์ตูนแทนตุ๊กตาสองตัวนั้น ก่อนที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งอ้วกออกมาเพราะความพะอืดพะอม

ขายาวๆ ของชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมท่ากับกางเกงยีนส์สีเทาอ่อนเดินเข้ามาภายในร้านอาหารที่ค่อนข้างเล็กในความคิดของเขาแต่เพราะความหิวที่กำลังเล่นงานอย่างหนัก ทำให้เขาตัดสินใจฝากท้องไว้กับร้านนี้แทนที่จะขับรถเข้าไปในเขตใจกลางเมืองเพื่อหาร้านหรูๆ หรือร้านที่มีชื่อเสียงสักร้านหรือไม่ก็กลับไปกินที่ห้องอาหารของโรงแรมเหมือนที่เคยทำเป็นประจำทุกครั้ง

ชายหนุ่มเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ตรงกลางติดกับระเบียงด้านนอก บรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบายอุณหภูมิในตอนนี้กำลังพอดีแม้ว่ามันจะลดต่ำลงเรื่อยๆ แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของเมืองหนาว มีลมพัดมาเป็นระยะๆ ไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม บรรยากาศแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มด่ำความโรแมนติก ท่ามกลางธรรมชาติทะเลสาบและภูเขา แต่คงไม่ใช่สำหรับเขาคนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรเขาถึงได้รู้สึกเฉยชากับสิ่งที่คนทั่วไปเรียกมันว่าความรัก หรือเขาอาจจะแค่ไม่รู้สึกถึงมัน เขาไม่เคยมีอาการหัวใจเต้นรัวเลยสักครั้งเมื่อเข้าใกล้ผู้หญิง ไม่เคยรู้สึกว่าต้องการครอบครองเธอคนไหน ไม่เคยมีความรู้สึกคิดถึงจนอยากเจอหน้าแม้ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลกันแค่ไหนก็ตาม เขาไม่เคยมีความรู้สึกพวกนั้นอีกเลยนับตั้งแต่...เธอคนนั้นหนีจากเขาไป

แต่ถึงจะไร้ความรู้สึกอย่างนั้นเขากลับมีคู่หมั้นที่ผู้เป็นย่าหาไว้ให้ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กชายอายุสิบขวบกว่า เธอเป็นหลานสาวของเพื่อนคุณย่า เด็กผู้หญิงจอมวุ่นวายคนนั้นและแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเป็นสิบปีเธอก็ยังคงเป็นจอมวุ่นวายไม่เลิกแถมยังเพิ่มดีกรีความวุ่นวายขึ้นอีกเป็นเท่าตัวและเชื่อเถอะว่ามันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถรักคู่หมั้นของตัวเองได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลาเธอจะต้องออกไปจากชีวิตเขาให้ไกลที่สุด รอแค่เวลาเท่านั้น เวลาที่เขาเจอใครสักคน คนที่เขาจะสามารถรักเธอได้และไม่หนีจากเขาไปอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel