บท
ตั้งค่า

ตอนที่6 คำหวานที่ราดแผล

ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งในเวลาหัวค่ำมีชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเคียงคู่มาด้วยกัน ความหล่อเหลาและสวยงามของทั้งคู่เรียกความสนใจของผู้คนที่พบเห็นได้ไม่น้อย บ้างก็อิจฉา บ้างก็อยากรู้จัก แต่คนส่วนใหญ่ก็ได้แค่มองแล้วปล่อยให้พวกเขาเดินไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่

“อยากกินอะไรสั่งเลยนะ” น้ำเสียงทุ้มมีเสน่ห์ดังขึ้นอย่างราบเรียบแต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนอย่างมาก

“เสี่ยสั่งให้เจนิสได้ไหมคะ” น้ำเสียงออดอ้อนของหญิงสาวดังขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างมีจริตจะก้าน

“.....” คิ้วเข้มข้างซ้ายเลิกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์มีเสน่ห์ มุมปากกระตุกขึ้นเบาๆ หลังจากช้อนสายตามองหญิงสาวตรงหน้าโดยไม่ได้ปฏิเสธ สุดท้ายเขาก็สั่งอาหารมาสองที่สำหรับเขาและหญิงสาวตรงหน้า

ครืด! เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มสั่นขึ้นเขาอดไม่ได้ล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงยีนส์เนื้อดีก่อนจะเห็นแจ้งเตือนข้อความจากหญิงสาวรายหนึ่ง

KanomWun: เสี่ยอยู่ไหนคะ ยังไม่กลับอีกเหรอ

Rama: บอกว่าอยู่กับเพื่อนไง คืนนี้กลับดึกค่ะ

“คืนนี้เสี่ยรามรับปากแล้วนะว่าจะไปดื่มต่อที่ห้องเจนิส” เจนิส หรือ เจนิสา ลอบมองการกระทำของเขาราวกับไม่ใส่ใจ พอเห็นเขาเก็บโทรศัพท์ลงจึงทวนสัญญาของเขาขึ้นพร้อมกับส่งสายตาอย่างรู้กันดีกับคำว่าดื่มของเธอหมายถึงอะไร

“ก็ไม่ได้บอกว่าไปไม่ได้นี่” พระรามตอบกลับหญิงสาวออกไปด้วยรอยยิ้มมุมปากอย่างรู้กันดีถึงความหมายที่สื่อถึงกัน

ครืดดด! แต่เขาพึ่งตอบหญิงสาวตรงหน้าไปไม่กี่วินาทีโทรศัพท์เขาก็สั่นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นการสั่นจากการโทร

“.....” พระรามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดที่ปุ่มปิดเสียงทำให้สายยังคงค้างอยู่แต่ไร้การสั่นเกิดขึ้น

“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” เจนิสาเอ่ยถามเขาขึ้นด้วยรอยยิ้มบางเบาอย่างมีมารยาท

“ไม่มีหรอก” น้ำเสียงราบเรียบคงเดิมตอบกลับออกมา แต่น้ำเสียงอ่อนที่ดังออกมาอย่างธรรมชาติของเขากลับสามารถฉุดกระชากจิตวิญญาณของหญิงสาวมากมายไว้ในครอบครองได้อย่างใจนึก

ครืดดด! แต่มันกลับสั่นขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วราวกับปลายสายรู้ว่าเขาเมินเฉยสายเรียกเข้าของเธอแล้วโทรเข้ามาใหม่

“รับสายเถอะค่ะ เจนิสรู้ว่าเฮียคิวทอง เจนิสไม่หึงหรอก” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างใจกว้างไม่สงสัยหรือกดดันอะไรในตัวเขา นั่นทำให้เธอได้รับรอยยิ้มแสนมีเสน่ห์จากเขากลับมา

“อืม” พระรามกดรับสายของหญิงสาวที่เขาพึ่งตอบข้อความกลับไปเมื่อไม่นานนี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกว่าปลายสายเป็นผู้หญิง

(.....) แต่ปลายสายกลับเงียบไม่พูดอะไรทั้งที่เป็นฝ่ายโทรมา

“.....” พระรามอดไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกจากหูของตัวเองก่อนจะเห็นการแจ้งเตือนถึงการขอเปิดกล้อง

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะถ้าเปิดกล้องเสียงของเธอก็จะดังออกมา

ไม่ใช่ว่าเขากลัวหญิงสาวตรงหน้าจะได้ยินว่าผู้หญิงโทรหาเขา แต่เขาก็ไม่ได้ชอบที่จะให้ใครมาทำตัวงี่เง่าหรือวุ่นวายกับเขามากเกินไปต่อหน้าคนอื่น

แต่สุดท้ายพระรามก็กดเปิดกล้องพร้อมกับแววตาดุดันกับความเจ้ากี้เจ้าการของเธอหมายจะตำหนิออกไปแต่คำพูดทุกคำกลับติดอยู่ที่ลำคอของตัวเองเมื่อภาพที่สะท้อนขึ้นมาจากกล้องของเขากลับดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

(.....) ปลายสายยกยิ้มขึ้นบางๆ แต่แววตากลับสะท้อนความเสียใจออกมาอย่างชัดเจนโดยเธอไม่ได้พูดอะไร

กระทั่ง...

“กลับกันวุ้น” เสียงของเพื่อนเธอดังขึ้นทั้งจากในโทรศัพท์ของเขา และจากด้านหลังของเขาทำให้โทรศัพท์ในมือลดลงก่อนจะหันไปมองด้านหลังตัวเอง

โต๊ะด้านหลังของเขาคือโต๊ะของหญิงสาวที่โทรหาเขา ตอนเข้ามาเธอนั่งคนเดียวและนั่งหันหลังชนกับเขาทำให้พระรามไม่ได้ใส่ใจว่าจะเป็นคนรู้จักของตัวเอง

ซึ่งมันก็แปลว่าเธอรู้ตั้งแต่ได้ยินเสียงของเขาและส่งข้อความหาเขาเพื่อทดสอบเขา

และเขาก็โกหกเธอออกไป

“.....” ทันทีที่เธอลุกขึ้นหันมาเผชิญหน้ากับเขาสายตาของเธอก็ตัดพ้ออย่างเห็นได้ชัด ดูผิดหวังเสียใจต่อเขาอย่างมาก แต่เธอก็ไม่พูดอะไรและเลือกจะเดินออกจากร้านไปกับเพื่อนของเธอที่พึ่งกลับจากห้องน้ำ

“เอายังไงต่อคะ” เจนิสารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เธอสนใจคนตรงหน้ามากกว่า ถ้าเขาอยู่เธอก็ไม่สนใจอะไร

“เสี่ยพามากินข้าว” เขาตอบกลับสั้นๆ เป็นคำตอบให้รู้กันว่าเขาไม่จำเป็นต้องลุกตามใครไป

และหญิงสาวที่พึ่งเดินออกไปได้ไม่ไกลย่อมได้ยินสิ่งที่เขาพูดเข้าหูของเธอเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

มาถึงขนาดนี้แต่ก็ยังกล้าจะอยู่ต่อ เห็นเธอและเธอเห็นขนาดนี้แต่กลับเลือกจะไม่กลับไปอธิบาย(โกหก)อะไรให้เธอฟัง

Rama: วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวนะ เสี่ยไปคุยงานกับเพื่อน

ทำไมเธอไม่ชินกับเรื่องพวกนี้สักที

ทำไมเธอเองก็ไม่ตัดใจออกไปจากตรงนี้สักที

หรือเพราะเธอดึงดันจะเข้ามาทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ เลยต้องยอมรับตัวตนนี้ของเขาอย่างนั้นเหรอ

เขาว่ากันว่าคนเราควรทำตามหัวใจของตัวเอง และเธอก็ทำแบบนั้น แล้วทำไมตอนนี้หัวใจของเธอถึงแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กลงเรื่อยๆ แบบนี้

เสียงประตูห้องดังขึ้นในเวลาเกือบห้าทุ่มทั้งที่เธอกลับถึงห้องตอนประมาณหนึ่งทุ่มครึ่งใช้เวลาเดินทางจากร้านอาหารถึงห้องประมาณสี่สิบนาที ซึ่งเวลานี้เขาควรจะกินข้าวเสร็จแล้ว

แล้วเวลาสามชั่วโมงที่เขายังไม่ถึงห้องนั้นพราะมัวแต่ดื่มกินอะไรอยู่ใช่ไหม

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะวุ้นเสี่ยไม่ชอบ!” ไม่ใช่เธอที่ได้เปิดประเด็น แต่เป็นเขาที่เข้ามาเปิดประเด็นตำหนิเธอราวกับเธอเป็นคนผิด

“เสี่ยหมายถึงอะไร” วิเวียนเงยหน้าไปมองหน้าเขาอย่างต้องการคำตอบ

“วุ้นรู้อะไรเสี่ยไม่ว่า แต่อย่ารู้แล้วมาทดสอบเฮียแบบนี้!” เพราะมันทำให้เขารู้สึกเหมือนคนโง่ที่โกหกเธอที่รู้อยู่แล้ว

“ทำไมกลายเป็นวุ้นที่ผิดล่ะ” วิเวียนถามเขาขึ้นอย่างเย้ยหยันตัวเอง

“แล้วเสี่ยผิดอะไร เสี่ยแค่ไปกินข้าวกับเพื่อน!”

“เพื่อนที่ชวนกันไปดื่มต่อที่ห้อง เพื่อนที่กินข้าวด้วยกันเป็นสามสี่ชั่วโมงเหรอ” เธอกำลังประชด แต่ก็ประชดจากสิ่งที่เขาทำและสิ่งที่เธอได้ยินเขาพูดกับผู้หญิงคนนั้น

“อย่ามาประชดนะวุ้น!” น้ำสียงเยือกเย็นดังขึ้นอย่างไม่พอใจ

“แล้ววุ้นทำอะไรได้บ้างล่ะ” วิเวียนย้อนถามกลับไปอย่างตัดพ้อ ประชดก็ไม่ได้ โกรธก็ไม่ได้ ไม่พอใจก็ไม่ได้

เธอต้องเป็นทุกอย่างแบบที่เขาอยากให้เป็น รู้สึกทุกอย่างแบบที่เขาอยากให้รู้สึกอย่างนั้นเหรอ

“วุ้นอยากเชื่อทุกอย่างที่เสี่ยพูด แต่เสี่ยจะให้วุ้นคิดยังไงที่ได้ยินคำพูดพวกนั้นของเสี่ยกับเธอ” คิดว่ายังเป็นเพื่อนกันได้จริงๆ เหรอ เธอไร้เดียงสาและหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ

“เสี่ยขอโทษที่ชอบทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นง่ายๆ แบบนี้ แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ เธอก็รู้จักวุ้นนี่” เขาเห็นเธอก้มหน้าอย่างตัดพ้อก็ก้าวเข้าไปโอบเธอแล้วขอโทษออกไปเสียงอ่อน

“มีผู้หญิงใกล้ตัวเสี่ยคนไหนบ้างไม่รู้จักวุ้น” ทุกคนรู้จักเธอหมด อยู่แค่ว่าพวกเจ้าหล่อนเหล่านั้นจะแสดงตัวและเข้ามาค่อนแคะเธอหรือไม่ก็แค่นั้น

ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้แหละที่ทำให้เธอได้รู้จักและไม่รู้จักกับผู้หญิงของเขา

“ใช่ไง เพราะวุ้นสำคัญและพิเศษกับเสี่ยที่สุด คนอื่นๆ ก็เลยรู้จักวุ้นกันหมด” เขายังคงบอกเหตุผลให้เธอฟังไม่หยุด

แต่มันดูหลอกง่ายดีนะ เหมือนกำลังหลอกเด็กให้กินยาว่าหวานเลย

“อย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่วุ้น เสี่ยไม่อยากทะเลาะ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนลงเล็กน้อยแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความเจ้าบงการเหมือนเดิม

บงการให้เธออยู่ภายใต้เขาทุกอย่าง เดินตามทุกทางความคิดและความรู้สึกที่เขาอยากให้เป็น

“วุ้นไม่เคยอยากทะเลาะกับเสี่ยเลยสักครั้ง” ถึงได้ยอมเขาทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอไม่พอใจแค่ไหนก็ตาม

“ก็ดีแล้ว เพราะวุ้นสำคัญกับเสี่ยนะ”

“.....” คำหวานที่ราดลงบนบาดแผลมันย่อมดีกว่าน้ำเกลืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

“เสี่ยรับปากแล้วว่าต่อไปเสี่ยจะระวังการกระทำของตัวเองให้มากกว่านี้ เสี่ยจะไม่ทำตัวให้ดูสนิทสนมกับผู้หญิงเกินขอบเขตอีกแล้ว” พระรามลูบหัวเธออย่างอ่อนโยนแล้วให้คำมั่นสัญญาด้วยคำหวานเสียงนุ่มนวล

“ค่ะ” แล้วเธอก็ตอบรับออกไปอย่างว่าง่าย

ที่เขาว่าใครรักมากกว่ามักจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มันไม่เกินจริงเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel