ตอนที่7 ไร้หัวใจ
วันนี้วิเวียนมีเรียนตอนเก้าโมงแต่เธอกลับออกจากห้องตั้งแต่เช้า ออกมาโดยที่พระรามยังไม่ตื่นและออกมาด้วยความเงียบตรงไปยังคอนโดของตัวเองที่แทบจะปล่อยร้างไปแล้วเพราะมัวแต่ไปอยู่กับผู้ชาย
เธอหยิบชุดนักศึกษาในตู้ที่ไม่ได้เอาไปหมดออกมารีดเตรียมไว้สำหรับการใส่ไปเรียนวันนี้และเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำก่อนจะออกมาแต่งตัวเพื่อไปเรียนในวันนี้
กระโปรงความยาวสิบสี่นิ้วที่เธอเคยอยากใส่ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นมหาลัย เสื้อพอดีตัวค่อนไปทางรัดแบบที่พระรามสั่งห้ามเด็ดขาด รองเท้าส้นสูงที่เธอได้ใส่แค่ผ้าใบแทบจะทุกวัน ผมดำยาวถึงเอวของเธอถูกดัดลอนเบาๆ แล้วมัดรวบขึ้นโชว์คอระหงแบบที่เขาไม่ชอบให้ทำเวลาออกไปข้างนอก แต่วันนี้เธอใส่และทำทุกอย่างที่เขาสั่งห้าม
“ต่อไปถ้าเสี่ยเกเรวุ้นจะดื้อแล้วนะ”
คำพูดนี้ไม่ได้แค่ขู่ แต่เธอจะทำให้เขาเห็นว่าเธอก็มีคนชอบเยอะเหมือนกัน ขอแค่เธอเอ่ยปากเลือกใครสักคนเขาก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น
โทรศัพท์ของวิเวียนดังขึ้นตอนแปดโมงและคนที่โทรเข้ามาก็ไม่ใช่ใครนอกจากพระรามนั่นเอง
ปกติเธอเป็นพวกเห็นเบอร์เขาไม่ได้แทบจะพุ่งรับในทันที เห็นข้อความเขาทีไรก็อ่านและตอบกลับเดี๋ยวนั้น
แต่วันนี้เธอจะไม่ทำแบบนั้นอีก
วิเวียนไม่สนใจโทรศัพท์ที่สั่นของตัวเองก่อนจะเดินไปขึ้นรถของเธอแล้วขับออกจากคอนโดไปมหาลัยแทน
แต่ก็น่าขำที่เขามีความอดทนให้เธอแค่สองสายเท่านั้น
“หึ!” วิเวียนแค่นเสียงขึ้นอย่างเย้ยหยันตัวเองไม่น้อย
นี่เขาไม่ห่วงเธอหรือไม่สงสัยใคร่รู้หน่อยเลยเหรอว่าเธอหายไปไหน อยู่ที่ไหน ทำไมออกจากห้องไม่บอกเขา
ถ้าคิดกลับกันว่าเธอถูกฉุดล่ะ
‘ก็รู้ว่าเสี่ยไม่รัก แต่จำเป็นต้องไร้หัวใจใส่วุ้นขนาดนี้ด้วยเหรอ’
“วันนี้อากาศแปรปรวนหรือเปล่าแกถึงใส่ชุดนี้มาเรียนได้” เมลดาทักขึ้นด้วยความตกใจกับการแต่งตัวของเพื่อนแบบที่ไม่มีโอกาสได้แต่งเหมือนพวกเธอตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนขึ้นปีสองแล้ว
“ก็โสดนี่ แต่งแบบไหนก็ได้” วิเวียนตอบกลับอย่างหยอกล้อ
“อะไรยังไงเล่าสิ” ไลลาถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
“แก เมื่อคืนฉันเห็นเสี่ยรามไปกินข้าวกับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ ดูสวยเฉี่ยวเหมาะสมกันมากเลยล่ะ” เสียงเพื่อนร่วมห้องของเธอคนหนึ่งดังขึ้นอย่างได้จังหวะ
ช่างบังเอิญอะไรขนาดนั้น ใครเห็นไม่เห็นดันเป็นพวกผู้หญิงที่จ้องจะเคลมพระรามซะนี่
“จริงเหรอแก! หรือนี่จะเป็นตัวจริงของเสี่ยเขาล่ะ” อลิสาพูดขึ้นราวกับตื่นเต้นไม่น้อย
“จริง?” ไลลาถามขึ้น
“ถามไอ้เมสิ” วิเวียนไม่อยากพูดและโยนไปให้เมลดาแทนเพราะเมื่อคืนเธอไปกินข้าวกับเมลดาสองคนเพราะไลลาไปกับแฟนเลยไม่ได้ไปด้วยกัน
“อืม ที่พีคไปกว่านั้นคือนั่งโต๊ะติดกับพวกฉันด้วย แต่ตอนนั้นฉันไปเข้าห้องน้ำแล้วไอ้วุ้นมันนั่งหันหลังอยู่คนเดียว เสี่ยรามเขาน่าจะไม่รู้” เมลดายังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ไลลาฟังเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของเพื่อนที่อยากให้มาเล่าเอง
“เห้อ! ฉันก็บอกแกไปแล้ว” ไลลาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจไม่น้อยและก็อดพูดกับวิเวียนไม่ได้
“นั่นสิ เป็นบ้าอะไรไม่รู้ถึงรักคนที่ตัวเองรักจนไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้” วิเวียนว่าให้ตัวเองอย่างหงุดหงิดกับหัวใจไม่รักดี รู้ทั้งรู้ว่าไม่ง่ายที่จะยอมรับแต่ก็ยังดึงดันมาได้เป็นปีๆ
แต่จะให้ทำยังไงล่ะในเมื่อถ้าต้องเลือกระหว่างคนที่รักเรากับคนที่เรารัก หัวใจมักจะเลือกคนที่เรารักมากกว่า
หรือจะเถียง?
“แกเอาไงต่อ” เมลดาถาม
“ก็ไม่ไง ไหวแค่ไหนก็แค่นั้น” จะบอกว่าเธอดื้อแพ่งก็ได้เธอไม่เถียง แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายใต้ความเสียใจก็ยังมีความสุขมากมายที่ได้จากเขาเหมือนกัน นั่นเลยทำให้เธอยังดื้อต่อไปแบบนี้
“งั้นวันนี้เอาไง เกเรเลยไหม” ไลลาถามขึ้น
“แน่นอนสิ” วิเวียนตอบกลับอย่างพร้อมเต็มที่
“งั้นวันนี้ไปกินข้าวกับพี่เบียร์ไหม ให้เขาชวนเพื่อนมาด้วย” ไลลาเสนอเพราะรู้ว่าพระรามขี้หวงแค่ไหน
“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ” รอบตัวมีผู้ชาย เหมือนที่รอบตัวเขามีผู้หญิง
มาดูสิถ้ารู้เห็นจะรู้สึกยังไงบ้าง
วิเวียนกับเพื่อนนั่งคุยกันกระทั่งถึงเวลาเรียนก็ไปทำหน้าที่ตัวเองอย่างไม่ขาดตกโดยระหว่างนี้ไลลาก็ไม่ลืมติดต่อแฟนหนุ่มเพื่อนัดกินข้าวและบอกว่าจะพาเพื่อนเธอไปด้วยโดยให้เขาชวนเพื่อนเขาไปด้วย
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็รอเวลาหมดคาบเรียนทุกคนจึงค่อยไปเจอกันที่ร้านอาหารที่นัดหมายอย่างพร้อมเพรียงกัน
และ…
“วุ้น” แต่ยังไม่ทันที่วิเวียนจะได้เดินเข้าไปทักทายกลุ่มแฟนของไลลาก็มีเสียงที่คุ้นเคยเรียกเธอดังขึ้นก่อน
“เดี๋ยวฉันตามไปนะ...” วิเวียนหันมาบอกเพื่อนก่อนจะตรงไปยังโต๊ะของคนที่เธอรู้จักพร้อมกับรอยยิ้ม
“หวัดดีค่ะ” วิเวียนทักทายรุ่นพี่ที่สนิทกันไม่น้อย คนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะบ้านอยู่ติดกัน
“พี่เกือบลืมไปแล้วนะว่าเรียนมหาลัยเดียวกับวุ้นน่ะ” วิน หรือ ปราวิน พูดขึ้นอย่างน้อยใจกับหญิงสาวตรงหน้า
“ก็พี่วินเรียนอาทิตย์ไม่กี่วันนี่คะ” เพราะเขาเรียนปริญญาโททำให้เข้าเรียนอาทิตย์ละสามวันได้มั้ง แล้ววันหนึ่งก็เรียนไม่กี่ตัวโดยไม่มีกิจกรรมมหาลัยแล้ว
“ไม่ได้กลับบ้านบ้างเหรอ” ปราวินถามขึ้น
“พ่อกับแม่ไม่ให้กลับ” เพราะตอนนี้พ่อเธอมีภารกิจบางอย่างที่ต้องทำจึงเลือกจะให้เธอออกห่างจากพ่อให้มากที่สุด
ซุปเปอร์ฮีโร่ก็แบบนี้แหละ ต้องปิดบังคนที่ตัวเองรักเพื่อความปลอดภัยและไม่ให้เป็นจุดอ่อนได้
“พี่วินใกล้จบแล้วนี่” วิเวียนย้อนกลับไปเรื่องของปราวินบ้าง
“ใช่ แล้วเราล่ะเรียนเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะ วุ้นลงเรียนนักตั้งแต่ปีหนึ่งเลยแหละทุกวันนี้ก็เลยเหลือตัวเรียนไม่มากเรียนสบายๆ วันละหนึ่งถึงสองวิชา” วิเวียนพูดคุยกับคนตรงหน้าอย่างสนิทสนมแม้จะไม่ได้เจอกันมานานและไม่ได้เล่นด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน
“ดีแล้ว ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจหรือมีปัญหาอะไรบอกพี่ได้เข้าใจไหม” โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว เรื่องของเธอที่เขาพอจะรู้แม้จะไม่ค่อยได้พูดคุยกันบ่อยๆ
“ขอบคุณนะคะ” วิเวียนพูดด้วยรอยยิ้มจริงใจที่มีต่อเขาคนที่เธอนับถือเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง
“จะกินข้าวกับพี่ได้ไหม” ปราวินพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
“ได้สิ” วิเวียนตอบรับออกไปอย่างไม่มีปัญหาก่อนจะส่งข้อความไปบอกเพื่อนว่าเธอจะร่วมโต๊ะกับปราวิน
และไม่ลืมบอกให้เพื่อนทำบางอย่างให้กับเธอ
May lada is with KanomWun เจอผู้แล้วลืมเพื่อนค่ะ(รูป)
พร้อมกับรูปที่เธอนั่งกินข้าวกับปราวินโดยเห็นเพียงเสี้ยวข้างของปราวินแต่เห็นหน้าเธอเต็มๆ เพราะเธอไม่อยากให้ปราวินเดือดร้อนไปด้วยเลยไม่ถ่ายให้เห็นหน้าเขา
“ดูเพื่อนวุ้นมันทำ” วิเวียนหันโทรศัพท์ไปให้ปราวินดูแล้วฟ้องเขาออกไป
“มานี่พี่จะทำให้ดู” ปราวินพูดพร้อมกับลุกขึ้นจูงมือวิเวียนเดินไปหน้ากระจกตกแต่งร้านให้เธอยืนด้านหน้าเขามีเขายืนซ้อนด้านหลังทิ้งระยะห่างประมาณครึ่งก้าวได้แล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดถ่ายรูปผ่านกระจก
Prawin is with KanomWun Lunch with you (รูป)
“เจอตัวยากมากต้องลงไว้เป็นความทรงจำ” ปราวินพูดขึ้นอย่างติดตลกทั้งที่เขาพอจะเดาได้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่
“ชิ๊! อยากเจอวุ้นก็ส่งข้อความหาสิ ทำเหมือนวุ้นเป็นดาราคิวทองไปได้” วิเวียนพูดขึ้นอย่างรู้สึกตลกกับคนตรงหน้าที่ทำตัวห่างเหินไปได้
“พูดแล้วนะ ถ้าพี่ส่งข้อความไปชวนกินข้าวแล้วไม่ออกมาพี่ฟ้องคุณอาแน่” อาที่เขาหมายถึงก็คือพ่อแม่เธอนั่นแหละ
“ได้ๆ แต่อย่าฟ้องพ่อกับแม่วุ้นนะ” หมายถึงฟ้องเรื่องที่เธออยู่กับผู้ชายน่ะ
“นี่แหละค่าปิดปาก” ปราวินพูดก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองคืนโดยที่วิเวียนก็กลับไปไม่ต่างกัน
กลับไปพร้อมกับโทรศัพท์ของเธอที่สั่นขึ้น