6. ดวงตาคู่นั่นครั้งที่สอง【1】
เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไรไม่มีใครรู้
อีริครู้สึกเหมือนกับแสงสว่างมาจ่ออยู่ใกล้ ๆ กับเปลือกตา มันให้ความรู้สึกที่น่าอึดอัด ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ผิวหนังเริ่มสัมผัสกับไอร้อนที่มาจากที่ไหนสักแห่งที่เขาเองก็ไม่รู้ กระทั่งชายหนุ่มพยายามจะลืมตาขึ้น กลับพบว่าแสงสว่างนั้นทำให้คนที่เพิ่งรู้สึกตัวแทบลืมตาไม่ได้
บ้าชะมัด
อีริคบ่นกับตัวเองในใจ ก่อนจะยกมือขึ้นมาบังแสงสว่างจ้านั้นจากดวงตา ชายหนุ่มใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ๆ กว่าจะลืมตาขึ้นมาได้และพบว่ามันคือแสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างไม้เก่า ๆ ไอร้อนที่เขาสัมผัสคือแดดนั่นเอง
นี่ไม่ใช่โรงแรมของเขา นั่นเป็นเรื่องแรกที่อีริครับรู้หลังจากที่ลืมตาขึ้น
ชายหนุ่มค่อย ๆ ยันตัวเองลุกขึ้นจากฟูกนอนที่ถูกปูลงบนพื้นไม้ซึ่งวางเรียงในระดับที่ไม่สม่ำเสมอกันนัก ก่อนจะเดินสำรวจรอบ ๆ ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ด้วยความสนใจ
แม้ห้องจะเก่าแต่ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ เมื่ออีริคเดินไปถึงหน้าต่างและทอดสายตามองออกไปข้างนอก เขาพบว่าฝั่งตรงข้ามของถนนคือที่ที่เขามักจะเดินผ่านเป็นประจำ
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
เสียงหวานของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง เรียกให้อีริคหันกลับไปมอง
หญิงสาวผมยาวดำสลวย แก้มแดงอมชมพูรับกับผิวขาวเนียนแทบไร้ที่ติ สายตาของชายหนุ่มเลื่อนไปสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอเข้าโดยบังเอิญ
ในช่วงเวลานั้นเอง ที่อีริครู้สึกว่าโลกทั้งใบถูกหยุดเอาไว้ชั่วขณะ
เขาได้เห็นดวงตาคู่นั้นเป็นครั้งที่สองแล้ว
“คุณคะ” เสียงเรียกอีกครั้งของหญิงสาวทำให้อีริคตื่นจากภวังค์
เมื่อเขาได้สติ จึงพบว่าเธอเดินเข้ามาใกล้ ๆ และโบกมือตรงหน้าเขาแล้ว กลิ่นหอมจากตัวของเธอเป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาพบในห้อง ชัดเจนแล้วว่านี่คือห้องของเธอไม่ผิดแน่
“คุณ”
“ค...ครับ” อีริคตอบกลับด้วยอาการประหม่า
เขาอยากจะเบนหน้าหนีไปทางอื่น แต่ความสวยของเธอทำให้เขาละสายตาไปไม่ได้เลย
“โอเคหรือเปล่า ท่าทางของคุณเหมือนยังไม่หายดีเลย”
“ก็...ยังปวดตามเนื้อตัวนิดหน่อยครับ” อีริคตอบด้วยสำเนียงภาษาไทยที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่ดีพอที่หญิงสาวจะฟังออก เธอยิ้มให้เขาบาง ๆ และยื่นยาทาแก้ปวดให้กับเขา
“ทานี่สิคะ” เธอพูดเป็นภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาอีริคถึงกับตาโตด้วยความแปลกใจเลยทีเดียว
“มันช่วยลดอาการปวดและแผลฟกช้ำได้น่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“เป็นนักท่องเที่ยวสินะคะ”
“ค...ครับ”
“แถวนี้มีนักท่องเที่ยวโดนปล้นเป็นประจำ ตำรวจไม่ยอมทำอะไรจริง ๆ จัง ๆ สักที คุณมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ คงเข็ดกับประเทศไทยไปอีกนานเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาแต่ก็ยังยิ้มให้อีริค
เขาอยากจะบอกกับเธอเหลือเกินว่าอย่างน้อย เขาได้พบกับความสวยงามของประเทศไทยอย่างหนึ่งแล้ว
จ๊อก...
ท้องของอีริคร้องขึ้นมาเสียงดัง ชายหนุ่มยกมือขึ้นมากุมท้องตัวเองอย่างเขินอาย ขณะที่ร่างเล็กกลับยิ้มกว้างและไม่มีท่าทีจะหัวเราะเยาะเขาแต่อย่างใด
“คงหิวแล้วสินะคะ”
“...ครับ”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปทำอะไรให้กินนะ”
“ผมไม่มีเงินจ่ายนะครับ”
“คุณเห็นฉันเป็นพวกหน้าเงินหรือไง” หญิงสาวหันมาเท้าสะเอวและมองค้อนใส่อิริค แต่มันกลับดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวเสียอีก ชายหนุ่มยิ้มแห้งและโบกมือปฏิเสธทันที
“ม...ไม่ใช่นะครับ”
“ฉันล้อเล่นน่ะค่ะ” หญิงสาวหัวเราะ
“ฉันไม่คิดเงินหรอกค่ะ รอสักครู่นะ”
“เดี๋ยวครับ” อีริคเรียกหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้อง ร่างเล็กหันหลังกลับมาและเลิกคิ้วสูงใส่เขา
“คะ”
“คุณชื่ออะไรเหรอครับ”
“นาราค่ะ” ร่างเล็กยิ้มกว้าง
“แล้วคุณ...”
“อีริคครับ”
“คุณอีริค รอสักเดี๋ยวนะคะ”
“ครับ” อีริคพยักหน้า
นารายิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป ประตูถูกลมพัดให้ปิดลงเบา ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่ออาการประหม่าหายไป เขาไม่รู้จะต้องทำอะไรต่อ จึงตัดสินใจเดินไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาพับ แต่เพราะไม่เคยต้องทำสิ่งเหล่านี้มาก่อน จึงทำให้ผ้าที่พับออกมาดูไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าใดนัก
“ฉันควรเรียนงานบ้านจริง ๆ จัง ๆ สินะ” เขาพึมพำกับตัวเอง