6. ดวงตาคู่นั่นครั้งที่สอง【2】
“พ่อหนุ่มฝรั่งคนนั้นตื่นแล้วเหรอ” นภาเอ่ยถามหลังจากที่นาราเดินลงมาจากชั้นบน
ร่างเล็กพยักหน้าก่อนเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่วางพาดอยู่บนโต๊ะมาสวม ก่อนมัดผมขึ้นสูงอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน
“จ้ะแม่ ฉันว่าจะทำอะไรให้เขากินสักหน่อย”
“กินฟรีเหรอ”
“เราจะคิดเงินเขาเหรอแม่ เห็นอยู่ว่าเขาโดนปล้นมาน่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น แม่ก็แค่ถามเฉย ๆ เอง แม่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นไหม” นภารีบโบกมือปฏิเสธ
นาราได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าให้แม่เบา ๆ ก่อนจะเดินไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารที่ตู้เย็นหลังเก่า เธอหยิบถุงใส่เนื้อหมูออกมาพร้อมกับถุงผักคะน้า
“จะทำอะไรให้เขากินล่ะ”
“ผัดคะน้าจ้ะ”
“ว่ากันว่าผัดคะน้าของลูกสาวแม่ มัดใจลูกค้าหนุ่ม ๆ มานักต่อนักแล้วนี่ อยากจะมัดใจพ่อฝรั่งคนนั้นอีกคนเหรอจ๊ะ”
นภาพูดติดตลก ขณะที่หญิงสาวได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าให้ผู้เป็นแม่อีกครั้งก่อนจะเดินไปล้างผักในอ่างจนสะอาดดี
ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงรถจักรยานยนต์ที่คุ้นเคยก็แล่นมาจอดหน้าร้านพร้อมกับใบหน้าคุ้นตาที่ส่งเสียงทักทายสองแม่ลูกด้วยรอยยิ้มร่าเริง
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ นารา ป้านภา”
“มาแต่เช้าเชียว” นาราทัก
“ฉันมาเช้าออกจะบ่อย ไม่ชินอีกเหรอ” ทิมหันไปพูดกับนารา ก่อนจะดับเครื่องยนต์และก้าวเข้ามาในร้าน
แต่ยังไม่ทันที่จะได้นั่งลง ชายหนุ่มกลับต้องชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังเดินลงมาจากชั้นสอง รูปร่างสูงโปร่งดูดี
อีกฝ่ายเมื่อเห็นทิมก็มีท่าทางไม่ต่างกัน นภาที่นั่งอยู่ระหว่างทั้งสองรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นออกมาจากตาของพวกเขาและกำลังฟาดฟันใส่กันไปมาอย่างดุเดือดโดยไม่มีใครยอมใคร
“อะไรกัน ความรู้สึกน่าอึดอัดนี่” นภาบ่นกับตัวเอง
หลายชั่วโมงก่อน
นาราตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อลงมาเตรียมเปิดร้าน กว่าจะทำกิจวัตรส่วนตัวเสร็จก็กินเวลาไปจนถึงตีห้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เธอต้องออกไปจ่ายตลาดพอดี
หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มขายาวที่เดินถือตะกร้าสานขี่รถจักรยานยนต์ไปตลาดสดจึงเป็นภาพที่เห็นได้ชินตา แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีบางอย่างแปลกออกไป
“หือ”
นาราเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นใครบางคนนอนอยู่ริมทางและไม่มีใครเข้าไปให้ความช่วยเหลือเขาเลยแม้แต่คนเดียว เธอจอดรถและเดินเข้าไปเพื่อดูอาการของชายหนุ่ม
“อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ก็แค่พวกคนเมา เดี๋ยวก็คงตื่นมา”
เสียงของใครบางคนพูดขึ้นหลังจากที่เธอหยุดรถจักรยานยนต์ของเธอใกล้ๆ กับที่ชายคนนั้นนอนอยู่แต่ไม่ได้ดับเครื่องยนต์ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของที่นี่ แต่นารากลับไม่คิดแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
“ได้ไงล่ะลุง ถ้าเขาโดนปล้นโดนฆ่าขึ้นมา จะทำยังไงล่ะ”
“โอ้ย ข้าเห็นแบบนี้มาเยอะแล้ว ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร”
“มี แต่ลุงไม่เห็นเองน่ะสิจ๊ะ”
นาราโต้เถียงพร้อมกับพยายามพลิกตัวชายหนุ่มด้วยความยากลำบาก จนเมื่อพลิกตัวเขาได้ หน้าของเธอก็ฟุบไปซุกกับแผงอกกว้างของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ จนเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นใบหน้าที่แท้จริง
นารา Talk
ฉันรู้สึกเหมือนกับ...เคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน
เมื่อฉันเห็นเขาเต็ม ๆ ตา ฉันรู้ทันทีว่าเขาต้องเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างแน่นอน รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวตามฉบับของคนที่เติบโตในเมืองหนาว หน้าตาถือว่าหล่อเหลาเอาการมากเลยทีเดียว แม้จะดูมีอายุไปสักหน่อย แต่ก็ถือว่าดูดีมาก ๆ สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง
หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นมาเมื่อมองหน้าเขานานเกินไป ฉันรีบเบือนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะพบกับลุงจอมเพิกเฉยคนเดิมที่กำลังเหลือบมองพวกเราสองคนอยู่
“ลุง”
“หือ”
“เรียกแท็กซี่ให้ฉันหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
“โอ๊ย ไม่เอาล่ะ หนูเรียกเองเถอะ ลุงไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้” พอพูดจบ ลุงก็เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ไปจากตรงนั้นทันที แถมยังผิวปากทิ้งท้ายเอาไว้ได้อย่างน่าหมั่นไส้อีกต่างหาก
ใจดำชะมัด ตาลุงนี่
เพราะยังเป็นช่วงเช้ามืด เมืองที่เคยคึกคักยามราตรีจึงดูเงียบเหงาขึ้นมาอย่างชัดเจน แต่โชคดีที่นาราไม่ต้องรอนานนัก เมื่อแท็กซี่คันหนึ่งแล่นผ่านมาทางนี้พอดี เธอรีบโบกมือเรียกทันที คนขับชะลอความเร็วลงและมาจอดใกล้คนทั้งสอง พร้อมกับเลื่อนกระจกรถลงและชะโงกหน้าออกมา เขาเป็นชายวัยกลางคนท่าทางใจดี
“มีอะไรให้ช่วยไหม”
“ลุงช่วยแบกผู้ชายคนนี้ขึ้นรถทีจ้ะ”
“อืม ได้สิ”
ลุงคนขับรถไม่รอช้า เขารีบลงมาจากรถและช่วยนาราอุ้มชายหนุ่มขึ้นรถอย่างทุลักทุเล
“เขาเป็นอะไรเหรอ”
“เหมือนจะโดนปล้นน่ะจ้ะ มีร่องรอยโดนทำร้ายเต็มตัวไปหมด”
“ให้ไปโรงพยาบาลไหม”
“อาการไม่ค่อยหนักมากเท่าไหร่ ให้เขาไปพักที่บ้านฉันก็ได้จ้ะ”
“แล้วบ้านหนูไปทางไหนล่ะ”
“กลับรถและตรงไปอีกหน่อยก็ถึงแล้วจ้ะ ลุงขับรถตามฉันมาได้ไหม เดี๋ยวฉันขี่มอเตอร์ไซด์นำหน้าเอง” นาราตอบลุงคนขับรถแท็กซี่หลังจากที่นำร่างชายหนุ่มนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว
“ได้” ลุงคนขับรถรีบกลับรถและขับรถแท็กซี่ตามรถจักรยานยนต์ของหญิงสาวไปทันที