5. ปล้น
หลายคืนต่อมา
อีริคยังคงหวนกลับมาที่บาร์แห่งเดิมในทุก ๆ คืน เขาหวังจะพิชิตใจแอนนี่ให้ได้ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน หญิงสาวก็ไม่หวั่นไหวไปกับชายที่เธอเห็นเป็นเพียงคนคอยบำเรอความสุขให้กับเธอเลยสักครั้ง ในค่ำคืนนี้ก็เช่นเดียวกัน
หลังจากเสร็จกิจในห้องน้ำเหมือนอย่างเคย อีริค กลับมานั่งที่บาร์และดื่มว็อดก้าไปสองแก้วก่อนที่จะหันไปสั่งไวน์ให้ตัวเองเพิ่มอีกแก้ว ใบหน้าของเขาแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่แสงไฟที่มืดสลัวทำให้หลาย ๆ คนไม่ทันสังเกตเห็น
“ลีลาคุณยังเด็ดเหมือนเดิมเลยนะ”
แอนนี่กล่าวก่อนเดินมานั่งข้าง ๆ เธอถอนหายใจออกมาสั้น ๆ ก่อนที่จะสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์เหมือนกับตอนที่เจอกันครั้งแรกไม่มีผิด
“แต่มันไม่เคยพิชิตใจคุณได้เลยสักครั้ง”
“ที่คุณมาหาฉันแทบทุกวันก็เพราะสิ่งนี้น่ะเหรอ”
“หือ”
“คุณต้องการความรักจากฉันมากขนาดนั้นเลยหรือไง” แอนนี่เอ่ยถามก่อนจะกระดกดื่มไวน์ในแก้วรวดเดียวหมด
ริมฝีปากที่แดงอยู่แล้วพลันแดงมากขึ้นไปอีก หญิงสาวตวัดลิ้นแลบเลียปากอวบอิ่มของตัวเองน้อย ๆ ใครก็ตามที่เห็นเธอในตอนนี้ คงรู้สึกว่าหญิงสาวนั้นเซ็กซี่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ถ้าตอบว่าใช่ คุณคงสมเพชผมน่าดู”
“ไม่หรอก ฉันเข้าใจ” แอนนี่ตอบ
“คุณอาจจะต้องการความรักที่ไม่หวือหวาเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับชีวิตคุณใช่ไหมล่ะ”
“...”
“ที่เป็นแบบนั้น เพราะคุณเคยผิดหวังในความรักมาก่อนใช่ไหม” แอนนี่อ่านความคิดของอีริคออกตั้งแต่แรก
ร่างสูงวางแก้วไวน์ลงก่อนหันมามองใบหน้าสวยดุของเธอ เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกผู้หญิงคนนี้ใช้มีดกรีดลงกลางใจยังไงยังงั้น
เธอมองเขาออกโดยสมบูรณ์แบบจริง ๆ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ คุณยิ่งไม่ควรรักฉันเลยล่ะอีริค”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่ใช่คนที่รักใครง่าย ๆ หรอก แล้วก็ไม่ใช่คนที่ใครควรจะมารักด้วย” แอนนี่ตอบพลางควงแก้วไวน์ไปมา น้ำสีแดงเข้มในแก้วที่เพิ่งจะถูกบาร์เทนเดอร์รินเพิ่มเข้ามาใหม่เคลื่อนไหวไปตามแรงโน้มถ่วงโลก แม้ปากจะยิ้ม แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าสร้อยไม่น้อยเลยทีเดียว
ใคร ๆ ต่างก็มีปมในใจด้วยกันทั้งนั้น จริงไหม
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ
“...” แอนนี่เลือกที่จะเงียบแทนที่จะตอบคำถามของชายหนุ่มข้างกาย สายตาของเธอเอาแต่จ้องมองแก้วไวน์แดงในมือ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงหันมาเปลี่ยนเรื่องคุยกับอีริคแทน
“ยังไงก็เถอะ คุณอย่ารักฉันเลย เราเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สนุกกันชั่วข้ามคืน วันต่อมาก็ต่างคนต่างอยู่กันไป”
“เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนชะมัด”
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะซับซ้อนตรงไหนเลย” แอนนี่ตอบ
“เราไม่ใช่เพื่อน เราไม่ใช่คนรัก เราเป็นแค่คู่นอนเท่านั้นเอง”
“อืม” อีริคพยักหน้าอย่างจำยอม
ในท้ายที่สุดแล้ว เขาคงไม่สามารถชนะใจหญิงสาวชาวลอนดอนคนนี้ได้แน่ เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะชูนิ้วเพื่อขอไวน์แดงเพิ่มจากบาร์เทนเดอร์ แอนนี่ทำได้เพียงแต่ลอบมองใบหน้าหล่อ ๆ ของชายหนุ่มและยิ้มให้
“รู้อะไรหรือเปล่า อีริค”
“หืม”
“คุณเป็นคู่นอนที่ฉันประทับใจที่สุดเลยล่ะ”
“ว้าว” อีริคประชดโดยการทำน้ำเสียงตื่นเต้น
“รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ เลยล่ะ”
“จริง ๆ นะ” แอนนี่หัวเราะ
“อย่างน้อยเรื่องบนเตียง คุณก็มีความเป็นสุภาพบุรุษ เรื่องอื่นคุณคงทำได้ดีไม่น้อยไปกว่าเรื่องบนเตียงแน่ ๆ”
“เผื่อคุณลืม เราไม่เคยทำเรื่องนั้นกันบนเตียงเลย”
“จริงด้วย” แอนนี่หัวเราะขึ้นมาอีก บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนดูเหมือนจะดีขึ้นตามลำดับ พวกเขามีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ในค่ำคืนที่บางช่วงเวลาก็มีความเศร้าเข้ามาครอบงำหัวใจ
หลายชั่วโมงต่อมา
อีริคนอนหลับอยู่ที่บาร์ตามลำพัง ร้านปิดทำการมาได้สักพักแล้ว ผู้คนต่างทยอยกลับบ้านกันหมด เหลือเพียงแค่บาร์เทนเดอร์ ตอนนี้เขาอยู่ในชุดลำลองและเพิ่งเช็ดโต๊ะเสร็จ เขาสะกิดไหล่ชายหนุ่มให้ตื่นและพยายามอยู่สองสามครั้งกว่าอีริคจะยอมยกหัวขึ้นมา
“คุณครับ ร้านปิดแล้ว”
“อ้อ ขอโทษครับ” อีริคตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เขารู้สึกเหมือนใครเอาค้อนมาทุบที่ศีรษะของเขา มันปวดไปหมด มือหนาเอื้อมมากุมศีรษะของตัวเองและก้าวลงจากเก้าอี้สูง
“ผมยังไม่ได้จ่ายเงินให้คุณเลย”
“ไม่ต้องหรอกครับ คุณผู้หญิงที่มากับคุณจ่ายให้แล้ว”
“อ้อ” อีริคพยักหน้า
เขารู้ว่านั่นคือแอนนี่อย่างแน่นอน ชายหนุ่มโค้งคำนับเล็กน้อยให้บาร์เทนเดอร์ แทนคำขอโทษจากใจจริง ก่อนจะเดินออกจากร้านไป ขณะที่อีกฝ่าย มองตามหลังเขาและได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ
อีริคเดินมาตามทางเท้าที่ผู้คนเริ่มบางตา ก่อนที่รถแท็กซี่คันหนึ่งจะแล่นมาจอดใกล้ ๆ กับเขา จากนั้นคนข้างในจึงลดกระจกแล้วชะโงกหน้าออกมา
“คุณนั่นเอง”
“หือ” อีริคเลิกคิ้วสูงแต่ตายังปรือ เขาพยายามมองหน้าคนขับรถให้ชัดเจน ก่อนจะพบว่าเป็นคนขับรถแท็กซี่ในตอนนั้นที่สอนเรื่องความรักให้กับเขาและมักจะพาอีริคมาส่งที่บาร์อยู่บ่อยครั้งหลังจากวันนั้น
“อ้อ คุณนั่นเอง”
“ครับ ขึ้นมาสิ เดี๋ยวผมพาไปส่งโรงแรม”
“ขอบคุณครับ” อีริคพยักหน้าก่อนจะเดินเซเข้าไปนั่ง รถแท็กซี่ขับออกจากตรงนั้นทันที
ทว่าเมื่อขับมาได้สักพัก หลังจากแน่ใจว่าแถวนี้เป็นที่เปลี่ยว ไม่มีบ้านคนอาศัยอยู่ รถแท็กซี่ก็จอดลงที่ข้างทาง
“ถึงแล้วเหรอครับ เร็วจัง” อีริคพูดขึ้นโดยที่ยังไม่ลืมตา เขายังสะลึมสะลืออยู่พอสมควร
ชายหนุ่มได้ยินเพียงเสียงเปิดปิดประตูรถอย่างละหนึ่งครั้ง ก่อนจะรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกระชากอย่างแรงให้ลงไปจากรถ
“ไอ้ฝรั่งขี้เมานี่น่ะเหรอ ที่เอ็งว่ารวยนักรวยหนา” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“เออสิวะ ไปบาร์หรู ๆ แพง ๆ ได้ทุกวี่ทุกวัน มันคงรวยพอตัวนั่นแหละ” เสียงนั้นเป็นเสียงของคนขับรถแท็กซี่ไม่ผิดแน่
ระหว่างที่รอให้ชายหนุ่มขึ้นนั่งในรถยนต์ คนขับแท็กซี่ได้ส่งข้อความไปบอกให้กับพรรคพวกว่าเจอเหยื่อแล้ว
ด้วยความที่คนขับแท็กซี่ขับรถมาส่งอีริคบ่อย ๆ พวกเขาจึงวางแผนกันไว้ตั้งแต่ต้น
อีริครู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกปล้น เขาจึงพยายามลุกขึ้นและหนีออกไปจากตรงนั้น แต่ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้น อีริครู้สึกเหมือนถูกเตะเข้าที่หน้าท้องอย่างแรง จนล้มลงไปนอนกับพื้นอีกครั้งหนึ่ง
“มันรู้ตัวแล้วว่ะ”
“จะมัวรออะไรวะ รีบเอาของมีค่าของมันไปสิ”
“เฮ้ย ช่วยกันหน่อย”
เสียงของชายคนเดิมดังขึ้นเหมือนกับกำลังสั่งคนอีกหลาย ๆ คนให้มารูดทรัพย์ไปจากตัวของอีริค ชายหนุ่มพยายามขัดขืน แต่เพราะอาการเมารวมถึงการถูกทำร้ายเป็นช่วง ๆ ทำให้เขาไม่มีแรงจะต่อสู้ ได้แต่ข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้
“ขอบใจเอ็งมากนะ น่าจะได้ค่าโต๊ะบอลอีกหลายครั้งเลยว่ะ ฮ่า ๆ ๆ” คนขับแท็กซี่ย่อตัวลงมาพูดกรอกหูอีริคที่แทบจะไม่ได้สติแล้ว ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วบอกให้พรรคพวกของตัวเองขึ้นรถแท็กซี่ไปโดยเร็ว
เสียงฝีเท้าดังห่างออกไปเรื่อย ๆ จากนั้นเสียงรถก็ดังห่างออกไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน
ไม่นานนัก ทุกอย่างก็เงียบสนิท นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายของอีริคก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลงไป