4. แอนนี่【2】
นารากำลังนั่งคิดบัญชีรายรับรายจ่ายอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมเหมือนกับทุกวัน ก่อนที่รถจักรยานยนต์ของใครบางคนจะมาจอดที่หน้าร้าน ชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเธอก้าวลงมาจากรถหลังจากถอดหมวกกันน็อคแขวนไว้กับแฮนด์รถจักรยานยนต์ ก่อนเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับรอยยิ้ม
“วันนี้ปิดร้านดึกจังนะ” ทิมทักทายนาราอย่างสนิทสนม เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เขาก่อนจะก้มหน้าลงไปจดบันทึกรายได้ต่ออย่างขะมักเขม้น
“มาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ ป่านนี้”
“พอดีว่ายังไม่ได้กินอะไร เลยแวะมาดูว่าแกปิดร้านหรือยังน่ะสิ”
“น่าเสียดายที่ปิดแล้ว”
“ไม่เอาน่า แกทำให้ฉันเป็นพิเศษไม่ได้หรือไง”
“ฉันคิดราคาเพิ่มเป็นพิเศษให้ด้วย เอาไหมล่ะ”
“ใจร้ายชะมัด” ทิมเบะปากเล็กน้อย ขณะที่นาราหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูเพื่อนสนิท
นาราและทิมเป็นเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกัน เรียนด้วยกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันระดับมหาวิทยาลัย ทั้งสองคนเรียนจบเอกการท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
นาราและทิมเคยทำงานเป็นมัคคุเทศน์กับบริษัททัวร์หลังจากที่เรียนจบ ด้วยความที่ทั้งนาราและทิมต่างเป็นคนหน้าตาดี ทำให้หางานได้ไม่อยาก รวมถึงทั้งสองคนต่างก็มีมนุษยสัมพันธ์กับลูกทัวร์เป็นอย่างดี
นารารักงานมาก แต่มีเหตุจำเป็นบางอย่างให้เธอต้องลาออกจากการเป็นมัคคุเทศน์มาช่วยนภาผู้เป็นแม่ทำร้านอาหารเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่กล้าหาญเกิด
ทิมยังคงทำงานที่เดิม ยิ่งตอนนี้ทิมเป็นหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์แล้ว เธอก็รู้สึกดีใจไปกับเพื่อนจริง ๆ ที่ได้ทำงานที่ตนรัก เธอไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนหนุ่มคนสนิทไปมากกว่านั้นเลย ต่างจากอีกฝ่ายที่คิดเกินเพื่อนกับเธอมาตั้งนานแล้ว
“แกควรกลับบ้านได้แล้วนะทิม”
“ไล่กันเหรอ”
“อืม” นาราพยักหน้า
“ฉันจะปิดร้านแล้ว”
“แกใจร้ายจริง ๆ นั่นแหละ”
“รู้ก็ดี เพราะฉะนั้น แกกลับบ้านไปได้แล้ว”
นาราปิดสมุดบัญชีและดันหลังทิมให้เดินออกไปจากร้าน เขาขืนตัวเล็กน้อยพอเป็นพิธีแต่ก็ยอมเดินไปตามแรงดันของหญิงสาวแต่โดยดี
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหม” ทิมหันมาถามนารา
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ว่าง ไหนจะร้าน ไหนจะลูกอีก”
“นารา กล้าหาญไม่ใช่...”
“ทิม” นาราปรามเอาไว้ก่อนที่ทิมจะพูดต่อ สีหน้าและแววตาของเธอดูโกรธเคืองชายหนุ่มขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้เขาต้องหุบปากสนิทและพยักหน้าอย่างยินยอม
“ก็ได้” เขาว่า
“งั้นฉันกลับแล้วนะ”
“กลับดี ๆ ล่ะ”
“อืม”
ทิมสวมหมวกกันน็อคและขับรถออกไปทันที นารามองตามหลังเพื่อนไปจนกระทั่งลับสายตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ร่างเล็กพยายามสลัดความคิดต่างๆ ออกไปและเขย่งขึ้นไปเอื้อมจับประตูเหล็กเพื่อเลื่อนมันลงมาด้านล่าง
ครืน
ประตูปิดลงพร้อมกับป้ายที่แขวนบอกเอาไว้ว่า ‘ปิด’