2. เดินทางถึงประเทศไทย【1】
ณ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
ช่องผู้โดยสารขาเข้า อีริคกำลังยืนรอกระเป๋าสัมภาระที่กำลังถูกขนส่งผ่านรางเลื่อนตรงหน้า ระหว่างรอ เขาโทรศัพท์แจ้งให้มารดาทราบเกี่ยวกับการเดินทางในครั้งนี้
“ถึงแล้วใช่ไหม” เสียงของผู้เป็นมารดาถามด้วยความยินดีที่ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายสุดที่รักของเธอ
“ครับ เพิ่งถึงเมื่อกี้เองครับ” อีริคตอบ
ใช้เวลาเดินทางราว ๆ สิบสี่ชั่วโมงเศษ หากนับตามเขตเวลาเมื่อมาถึงแล้ว ที่ประเทศไทยเวลาจะอยู่ที่ประมาณบ่ายโมง
“ที่นั่นคงจะเป็นช่วงบ่ายสินะ” มาดามเซรีน่าเอ่ยถามมาตามสาย
อีริคเหลือบสายตามองไปยังนาฬิกาบนผนังของอาคารผู้โดยสารขาเข้า
“ครับ” เมื่อเห็นเช่นนั้น อีริคไม่รอช้า รีบปรับเวลาบนนาฬิกาข้อมือหรูให้สอดคล้องกับเวลาท้องถิ่นทันที
“ขอให้มีความสุขกับการพักร้อนนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
อีริควางสายโทรศัพท์จากมารดา กระเป๋าสัมภาระก็มาถึงพอดี ชายหนุ่มรีบคว้ามันไว้และตรงไปซื้อตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เดินทางต่อไปยังจังหวัดภูเก็ตด้วยเที่ยวบินแรกที่เขาสามารถเดินทางได้ทันที
ณ สนามบินนานาชาติ จังหวัดภูเก็ต
อีริคลากกระเป๋าเดินทางมุ่งตรงไปยังประตูทางออกหน้าสนามบิน เขาเจอกับรถแท็กซี่มากมายจอดเรียงรายกันเป็นแถวยาว นักท่องเที่ยวบางคนถูกคนขับรถลากเข้าไปในรถต่อหน้าต่อตาเขา
"มิจฉาชีพชัด ๆ” อีริคบ่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
แต่ไม่นานนักก็มีคนขับรถแท็กซี่วัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาสะกิดแขนเขา พร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“ไปไหนเหรอพ่อหนุ่ม” คนขับรถแท็กซี่เอ่ยถามอีริคด้วยภาษาอังกฤษแบบงู ๆ ปลา ๆ แต่ก็ถือว่ามากเพียงพอให้อีริคเข้าใจได้ เมื่อเห็นว่าดูไม่มีพิษมีภัย อีริคจึงตอบคำถามของลุงคนขับรถแท็กซี่
“กำลังจะไปโรงแรมครับ”
“อ้อ ขึ้นรถสิ เดี๋ยวผมพาไปส่ง”
ลุงคนขับรถแท็กซี่ดึงกระเป๋าสัมภาระไปจากมือของชายหนุ่ม ก่อนจะเอาไปใส่ไว้ที่ท้ายรถและเปิดประตูรอโดยไม่เปิดโอกาสให้อีริคได้ปฏิเสธ เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามไปขึ้นรถแต่โดยดี
“สองพันบาทนะ” ทันทีที่ลุงคนขับรถเข้ามานั่งที่ฝั่งคนขับ เขาหันหน้ามาบอกราคาค่าโดยสารที่แพงเกินจริงทันที อีริคที่เคยได้ยินคำบอกเล่าเกี่ยวกับเมื่องไทยทั้งในแง่ดีและร้ายจากสาวไทยที่เขาหลงรักมาก่อน รู้ทันกลโกงของคนพวกนี้เป็นอย่างดี
“ได้โปรด กดมิเตอร์เถอะครับ” อีริคตอบกลับไปด้วยภาษาไทย ถึงแม้ว่าจะไม่ชัดเหมือนคนท้องถิ่น แต่เมื่อฟังแล้ว ถือว่าเข้าใจภาษาไทยได้ดีในระดับหนึ่ง ทำเอาลุงคนขับรถแท็กซี่ตกใจไม่น้อย เขามองชายหนุ่มผ่านกระจกมองหลัง แววตาดูตกตะลึง
“อ้าว พูดไทยได้นี่นา มีเมียเป็นคนไทยเหรอ”
“ครับ”
“ไอ้เราก็นึกว่าพวกฝรั่งท่องเที่ยว” ลุงคนขับรถแท็กซี่กระซิบกระซาบกับตัวเองและเอื้อมมือไปกดมิเตอร์อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ขณะที่อีริคยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างระอาใจ
โชคดีที่เซลีนเคยสอนภาษาไทยให้เขามาบ้าง รวมถึงความพยายามที่จะศึกษาภาษาไทยด้วยตัวเอง จึงทำให้เขาสามารถสื่อสารด้วยภาษาไทยได้ไม่ยากเท่าไรนัก
รถแท็กซี่แล่นไปตามถนนที่ถูกขนาบข้างด้วยแสงสีตระการตาของเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต โดยเฉพาะในช่วงเวลาตอนหัวค่ำเช่นนี้ ผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวและชาวไทยเองต่างออกมาหาความบันเทิงใจให้กับตนเอง
อีริคเฝ้ามองพวกเขาผ่านกระจกรถ เห็นเหล่าผู้คนที่ต้องทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน น่าแปลกที่ความคึกคักเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาคลายความเศร้าลงไปได้เลย แม้จะมีช่วงเวลาที่ไม่ได้นึกถึงมัน แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ
คิดถูกหรือเปล่านะที่มาพักร้อนที่ไทยแบบนี้